การค้าชายแดนซบ!! ลือเปิดด่านหาดเล็กสัปดาห์หน้า แต่ยังไม่ชัดเจน
วันที่ 5 ก.ค.68 นายเชิดศักดิ์ ชุ่มนาเสียว นายอำเภอคลองใหญ่ จ.ตราด เปิดเผยว่า การปิดจุดผ่านแดนถาวรบ้านหาดเล็กตั้งแต่วันที่ 24 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมาส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และการค้าขายในบ้านหาดเล็ก ที่มีชาวกัมพูชามและชาวหาดเล็ก อ.คลองใหญ่ ทำการค้าขายกันตามแนวชายแดนต้องหยุดชะงักลงไปอย่างสิ้นเชิง เนื่องจากทางฝ่ายทหารกองบัญชาการกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ยังมีมาตรการห้ามรถบนต์ และรถบรรทุกสินค้าเข้าไปยังประเทศกัมพูชา ซึ่งเป็นเช่นนี้มากว่า 11 วันแล้ว ร้านค้าในบ้านหาดเล็ก การขนส่งสินค้าตามแนวชายแดนทั้งหมดทำไม่ได้ และร้านค้าต้องปิดร้านเพราะไม่มีนักท่องเที่ยวและชาวบ้านทั้งสองจังหวัดมาซื่อขายเหมือนเดิม ส่งผลให้ตลาดชายแดนบ้านหาดเล็กซบเซา และเงียบไปทั้งหมด
“ยอมรับว่า สถานการณ์ที่จุดผ่านแดนถาวรบ้านหาดเล็กไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วงเจ้าหน้าที่ชายแดนทั้งสองจังหวัดเจรจาและหารือกันด้วยมิตรภาพที่ดี ไม่มีปัญหาใดๆเกิดขึ้น นักเรียนของกัมพูชายังเดินทางเข้ามาเรียนหนังสือตามปกติ มากน้อยขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในปัจจุบัน รวมทั้งฝ่ายจ.ตราดยังอนุญาตให้ผู้ป่วยของเกาะกงเข้ามาทำการรักษาในโรงพยาบาลในจังหวัดตราดได้ ซึ่งทีทผ่านมามีหลายเคสแล้ว ส่วนข่าวที่ว่า จะมีการเปิดจุดผ่านแดนถาวรบ้านหาดเล็กไม่เกินวันที่ 7 หรือ 10 กรกฎาคม 2568 นั้น เป็นเพียงข่าวที่ยังต้องประเมินสถานการณ์ว่ามีความเป็นไปได้หรือไม่ แต่ยอมรับว่า มีการเจรจากันอย่างต่อเนื่องเพื่อลดผลกระทบที่เกิดขึ้น แต่ยังยืนยันชัดเจนไม่ได้ เพียวแต่มีการเจรจาในเรื่องนี้กันจริงๆ” นายอำเภอคลองใหญ่ กล่าว
และสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา วันที่ 5 กรกฎาคม 2568 เวลา 09.00 น.ที่บริเวณด่านถาวรบ้านหาดเล็ก อ.คลองใหญ่ จ.ตราด ไม่มีรายงานบุคคลเดินทางเข้ามายังฝั่งไทย มีเพียงชาวกัมพูชาเดินทางออก 2 คนเท่านั้น ส่วนด้านมนุษยธรรมมีนักเรียนกัมพูชาข้ามแดนมาโรงเรียนฝั่งไทย จำนวน 70 คน ประกอบด้วย 1) โรงเรียนคลองใหญ่วิทยาคม 15 คน 2) โรงเรียนบ้านหาดเล็ก 47 คน 3) โรงเรียนบ้านคลองมะขาม 1 คน 4) โรงเรียนอนุบาลวัดคลองใหญ่ 7 คน ขณะที่สถานการณ์ทั่วไปในพื้นที่ยังคงปกติ
ด้านนายนิโรจน์ วัติราชกูร หัวหน้าชุดศุลกากรคลองใหญ่ เปิดเผยว่า ผลกระทบจากการปิดจุดผ่านแดนถาวรหาดเล็ก ซึ่งในแต่ละปีมีมูลค่าการค้าขายปีละ 3.5 หมื่นล้านบาท หรือเดือนละ 3,000 ล้านบาท หรือวันละ 100 ล้านบาท โดยประเทศไทยมีมูลค่าส่งออกประมาณ 2.8 -3.0 หมื่นล้าน และนำเข้าเพียง 3,000 ล้านบาท ส่วนในระดับจังหวัดมีมูลค่าไม่มากนัก อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจของจังหวัดตราดที่ส่งออกสินค้าการเกษตรและสินค้าอุปโภคบริโภคทำให้ขาดรายได้ไประดับหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่เกิดขึ้นกับผู้ประกอบการของไทยที่เข้าไปลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมเกาะกง ทั้งชุดสายไฟรถยนต์สำเร็จรูป,กลุ่มธุรกิจสิ่งทอ ที่มีกางเกงขาสั้นบุรุษทำด้วยโพลีเอสเตอร์,เสื้อเชิ้ตบุรุษทำด้วยเส้นใยสังเคราะห์,เสื้อทีเชิ้ตสตรีทำด้วยโพลีเอสเตอร์,กางเกงขาสั้นสตรีทำด้วยโพลีเอสเตอร์ กลุ่มอาหารทะเลสด เช่น ปลาสดหรือแช่เย็น กุ้งมังกรทั้งตัวแช่เย็นหอยนางรมแช่เย็นปูแสมทั้งตัวแช่เย็น ที่เป็นสินค้าที่นำเข้ามาได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะ ชุดสายไฟรถยนต์สำเร็จรูปที่ต้องนำเข้าจากไทยกำลังขาดวัสดุดิบและอาจจะต้องหยุดการผลิตชั่วคราว ส่วนกลุ่มสิ่งทอซึ่งผลิตเสื้อชุดกีฬาชั้นนำส่งให้ทีมฟุตบอลในยุโรปยังผลิตต่อได้ เนื่องจากมีการสั่งวัตถุดิบมาสำรองไว้ก่อนล่วงหน้า อย่างไรก็ตาม ได้มีการขยับออกไปผลิตในพื้นที่ประเทศอื่นเนื่องจากเกรงว่าสถานการณ์อาจจะยืดเยื้อ
“ส่วนข่าวที่มีการพูดคุยในระยะนี้เรื่องทีทจะมีการเปอดด่านในราววันที่ 7หรือ 10 กรกฎาคม 2568 นั้น ผมก็ได้ยินมาเช่นกัน เนื่องจากมีนักลงทุนรายใหญ่ได้มีการหารือกับฝ่ายความมั่นคงเพื่อขอให้เปิดในช่วงนี้ เพื่อลดผลกระทบกับนักลงทุนจากญี่ปุ่น เพราะเขาไม่ไดีเกี่ยวข้องด้วย ซึ่งยังต้องติดตามกันต่อไป ขณะที่มีการแจ้งจากนักธุรกิจชาวไทยที่มีการสั่งซื้อสินค้าก่อนวันที่ 24 มิถุนายน 2568 ซึ่งมีคำสั่งซื้อก่อนปิดด้านฝ่ายความมั่นคงก็อนุญาติให้แล้ว แต่ฝ่ายกัมพูชามีเงื่อนไขว่า ต้องเป็นเรือบรรทุกสินค้าที่จดทะเบียนในกัมพูชาเท่านั้น ซึ่งล่าสุดได้ส่งไปขึ้นที่ท่าเรือเกาะกงเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมา และส่งรูปมายืนยันแล้ว ”นายนิโรจน์ กล่าว