นักเขียนเวียดนามตีแผ่ บทเรียนความเนรคุณของกัมพูชา และราคาของความไว้วางใจ
วันนี้ (28 ก.ค.) เฟซบุ๊ก Cafe C249;ng Tony ซึ่งเป็นเพจของ Cafe cung Tony เป็นนามปากกาของนักเขียนชาวเวียดนาม ตีพิมพ์บทความหัวข้อ"บทเรียนแห่งความเนรคุณของกัมพูชา และราคาของความไว้วางใจจากเวียดนาม"เมื่อวันที่ 27 ก.ค. แปลเป็นภาษาไทย ความว่า
"ประวัติศาสตร์ไม่เคยลืมเลือน และชาวเวียดนาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่บิดาและพี่น้องทหารต้องเสียชีวิตในกัมพูชา จะไม่มีวันลืมเลือน
ในปี พ.ศ. 2521-2522 เมื่อระบอบเขมรแดงมีการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่นำโดยนายพล พต สังหารหมู่ชาวกัมพูชาไปเกือบ 2 ล้านคน (คิดเป็น 1 ใน 4 ของประชากรในขณะนั้น) เวียดนามเป็นประเทศเดียวที่กล้าส่งทหารเข้าแทรกแซง แม้จะเผชิญกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์และความโดดเดี่ยวจากนานาชาติ ผลที่ตามมาคืออะไร?
ตลอดระยะเวลา 10 ปีแห่งการสู้รบและปกป้องกัมพูชาจากการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ (พ.ศ. 2522-2532) มีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าวกว่า 40,000 คน และทหารเวียดนามได้รับบาดเจ็บหลายแสนนาย
ครอบครัวชาวเวียดนามหลายหมื่นครอบครัวต้องสูญเสียลูก บิดา และสามีไปเนื่องจากพันธกรณีระหว่างประเทศ คนหนุ่มสาวที่เกิดในภาคเหนือทั้งรุ่นต้องเสียชีวิตในภาคใต้จากสงครามเวียดนาม จากนั้น… ชาวเวียดนามที่เกิดในภาคเหนือก็เสียชีวิตในกัมพูชา
เวียดนามเคยให้การสนับสนุนกัมพูชาอย่างสุดหัวใจ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงปี 2551-2554 เมื่อกัมพูชามีข้อพิพาทชายแดนกับไทยในพื้นที่ปราสาทพระวิหาร เวียดนาม “เล่นอย่างยุติธรรม” ไม่ได้หยุดยั้งกัมพูชาจากการนำเหตุการณ์นี้เข้าสู่ประชาคมโลก แม้ว่าจะทำให้ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนเสียหน้าก็ตาม
เมื่อเวียดนามดำรงตำแหน่งประธานอาเซียนในปี 2553 ได้เลือกจุดยืน “เป็นกลางเข้าข้างกัมพูชา” เพื่อสร้างจุดยืนที่ถูกต้องให้กับประเทศเพื่อนบ้าน
ด้วยความเมตตากรุณา การทูตที่อ่อนโยน การรักษาหน้าให้มิตรประเทศ แต่กลับไม่ได้รับการตอบสนอง
เมื่อเวียดนามต้องการ กัมพูชากลับ “แทงข้างหลัง”
ชาวเวียดนามไม่ได้โกรธเพราะกัมพูชายากจน แต่โกรธเพราะแล้งน้ำใจ
ในปี 2555 กัมพูชาดำรงตำแหน่งประธานอาเซียน ปฏิเสธที่จะบรรจุประเด็นทะเลจีนใต้ไว้ในแถลงการณ์ร่วม ภายใต้แรงกดดันจากจีน
ในปี 2559 เมื่อศาลอนุญาโตตุลาการถาวร (PCA) ตัดสินให้เวียดนามชนะคดีอธิปไตยทางทะเล กัมพูชายังคงเข้าข้างจีน บ่อนทำลายความสามัคคีของอาเซียน
กัมพูชาถูกมองว่าเป็น “โฆษกของรัฐบาลปักกิ่งในอาเซียน” ถึงสองครั้ง เพื่อแลกกับเงินช่วยเหลือ เงินกู้ และการสนับสนุนทางการทหาร คิดเป็นมูลค่าไม่กี่พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ชาวเน็ตเวียดนามมีปฏิกิริยาต่อความขัดแย้งเมื่อเร็วๆ นี้ โดยหลายคนเอนเอียงไปทางประเทศไทย ไม่ใช่เพราะพวกเขารักประเทศไทย แต่เพราะพวกเขาเบื่อหน่ายกับความเนรคุณของกัมพูชา
ประเทศไทยและเวียดนามอาจจะไม่ได้สนิทกันมากนัก แต่พวกเขาไม่เคย “เล่นสกปรก” กันในอาเซียน อย่างน้อยประเทศไทยก็ไม่ได้ทรยศความไว้วางใจ ไม่ได้ขายชาติเพื่อนบ้านเพื่อแลกกับเงินเพียงเล็กน้อย
ประวัติศาสตร์ไม่ได้มีไว้เพื่อทวงบุญคุณ แต่เพื่อไม่ลืม
ไม่มีใครบังคับให้กัมพูชาคุกเข่าลงและขอบคุณเวียดนาม แต่เมื่อเลือดเวียดนามยังคงไหลเวียนอยู่ในดินแดนของกัมพูชา การทรยศความไว้วางใจเชิงยุทธศาสตร์ถือเป็นการทรยศที่เลวร้าย
กัมพูชามีสิทธิ์เลือกพันธมิตร ซึ่งก็คืออธิปไตย แต่ชาวเวียดนามก็มีสิทธิ์ที่จะเลือกความไว้วางใจ และเลือกที่จะพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า “เราไม่ต้องการถูกเอารัดเอาเปรียบอีกต่อไป”
ประวัติศาสตร์อาจให้อภัย แต่ประชาชนจะไม่ลืม
ประเทศไทยไม่จำเป็นต้องขอบคุณเวียดนาม เพราะเวียดนามไม่เคยช่วยเหลือพวกเขาเลย
กัมพูชาแตกต่างออกไป เพราะหากไม่มีเวียดนาม เมืองหลวงพนมเปญคงกลายเป็นเพียงสุสานไปแล้ว"
website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO