บช.น.ส่งสำนวนคดีตึก สตง. ถล่ม 9 หมื่นหน้า ให้อัยการพิจารณาสั่งฟ้อง
กรณีคดีตึก สตง.แห่งใหม่ ย่านจตุจักร ถล่มจากเหตุแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา โดยเหตุการณ์นี้คณะพนักงานสืบสวนของกองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้เร่งรวบรวมพยานหลักฐาน ล่าสุดนี้คณะพนักงานสืบสวนของกองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้ทำสำนวนการสอบสวนของคดีตึกสตง.ถล่มเสร็จสิ้นแล้ว และในวันนี้คณะพนักงานสอบสวนได้เข้ามาส่งสำนวนคดี ให้อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 8 สำนักงานอัยการสูงสุด ถนนรัชดา
สำนวนดังกล่าวนี้ มีจำนวน 51 ลัง 233 แฟ้ม เอกสารกว่า 90,000 แผ่น เพื่อให้อัยการพิจารณาสั่งฟ้องผู้ต้องหา ซึ่งเป็นทั้งนิติบุคคล และส่วนตัว รวม 23 คน แบ่งเป็น 3 กลุ่ม ประกอบด้วย กลุ่มที่ 1 บริษัทผู้ออกแบบ กลุ่มที่ 2 บริษัทผู้รับจ้างควบคุมการก่อสร้าง และกลุ่มที่ 3 บริษัทผู้รับจ้างก่อสร้าง รวมไปถึงนายเปรมชัย กรรณสูตร อดีตประธานผู้บริหารบริษัท อิตาเลียนไทย จำกัด พร้อมกับผู้ต้องหารายอื่น ๆ ที่ถูกควบคุมตัวและฝากขังไปก่อนหน้านี้ โดยคณะพนักงานสอบสวนมีความเห็นสั่งฟ้องตามความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.227, 230 ในฐานะนิติบุคคล และส่วนตัว ฐานเป็นผู้มีวิชาชีพในการออกแบบ ควบคุม หรือทำการก่อสร้าง ซ่อมแซมหรือรื้อถอนอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างใดๆ ไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ เป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่บุคคลอื่น เป็นเหตุให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตาย
โดยพลตำรวจตรีนพศิลป์พูลสวัสดิ์ และพลตำรวจตรี สมควร พึ่งทรัพย์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล รวมถึงหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน มายื่นสำนวนด้วยตัวเอง พร้อมกับเปิดเผยว่า วันนี้เราได้ดำเนินการสอบสวนคดีตึก สตง.ถล่มเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งได้ส่งสำนวนการสอบสวนทั้งหมด ให้กับพนักงานอัยการ โดยในการสืบสวนเรามีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งหมด 7 บริษัท 18 ราย รวมทั้งหมด 23 ราย ซึ่งผู้ต้องหาทั้งหมดยังถูกฝากขัง และยังไม่ได้รับการประกันตัว ขณะนี้อยู่ระหว่างฝากขังผัดที่ 6 ซึ่งทั้งหมดมี 7 ผัด
เมื่อถามว่า ในกรณีของเจ้าหน้าที่รัฐที่พบข้อมูลว่าอาจจะมีความเกี่ยวข้องกับคดีตึกสตง. ที่ตำรวจส่งสำนวนให้กับ ทางป.ป.ช. ตอนนี้มีการตอบกลับมาหรือไม่ พลตำรวจตรีสมควร ระบุว่า เรื่องนี้มีคนมาร้องทุกข์เกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ซึ่งเป็นความรับผิดชอบของป.ป.ช. และเราได้มีการส่งสำนวนไปในห้วงเวลา 30 วันแล้ว หลังจากนี้จะต้องไปขยายผลเพิ่ม ในส่วนที่มีผู้มาร้องว่ามีเนื้อหาสาระที่เป็นประเด็นเดียวกันหรือไม่ เพื่อจะรวบรวมพยานหลักฐาน ก่อนจะส่งข้อมูลดังกล่าวให้กับ ป.ป.ช.ทีหลัง และจะมีการมอบหมายให้เกี่ยวหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ซึ่งทาง ป.ป.ช. ได้รับสำนวนไว้แต่ยังไม่ได้ตอบกลับอะไรกลับมา
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าอัยการจะพิจารณาสำนวนทันหรือไม่ก่อนครบฝากขังในผลัดที่ 7 ได้หรือไม่ นายสัญจัย อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญา ยืนยันว่าเรื่องนี้อย่างไรก็ต้องทำให้ทัน เพื่อจะต้องสั่งทางคดีอย่างใดอย่างหนึ่ง โดยเรามีคณะทำงานในเรื่องนี้ แม้สำนวนในคดีจะมีเอกสารค่อนข้างเยอะแต่เราก็จะทำโดยละเอียดรอบคอบ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และคดีนี้เป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจเราจะต้องทำให้ดีที่สุด
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าจะต้องมีการตั้งคณะทำงานเข้ามาดูแลหรือไม่ นายสัญจัย ระบุว่า คดีนี้เกิดขึ้นในท้องที่สน. บางซื่อ เป็นความรับผิดชอบของสำนักงานอัยการกองคดีอาญา 8 และอาจจะมีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาอีกขั้นตอนนึง
เมื่อถามว่าจะต้องมีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาช่วยดูแล และพิจารณาสำนวนในคดีนี้หรือไม่ นายสัญจัย ระบุว่า เบื้องยังไม่ต้องแต่ถ้าหากตรงไหนมีความขัดข้องก็จะประสานกับตำรวจเพิ่มเติม
เมื่อถามว่าวันนี้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลอะไรกันหรือไม่เพื่อให้คดีรวดเร็วขึ้น นายสัญจัย ระบุว่าพึ่งพูดคุยกันในวันนี้ ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่เคยมีการพูดคุยกันมาก่อน
เมื่อถามว่าจะต้องมีการสั่งสอบพยานเพิ่มเติมหรือไม่ นายสัญจัย ระบุว่า ยังไม่สามารถตอบได้ เพราะพึ่งรับสำนวนคดีมา และพึ่งมีการพูดคุยกันเพียงเล็กน้อย จะต้องไปดูในรายละเอียดอีกทีนึง ว่าอะไรขาดตกบกพร่องตรงไหน
เมื่อถามว่าถ้ามีการร้องขอความเป็นธรรมจากฝั่งผู้ต้องหาเข้ามา แล้วระยะเวลาฝากขังเหลือแค่ 1 ฝาก จะสามารถรับไว้พิจารณาได้ทันหรือไม่ นายสัญจัย กล่าวว่า ถ้ามีการร้องขอความเป็นธรรมเข้ามาก็ต้องรับไว้ตามระเบียบอยู่แล้ว ส่วนที่ร้องขอความเป็นธรรม มาแล้วซ้ำกับในสำนวนที่สอบสวนไปแล้วหรือไม่ ก็จะต้องพิจารณาดูอีกที แต่ตนยืนยันว่าจะเร่งทำสำนวนให้ทันอย่างแน่นอน