Kraft Heinz เล็งแยกธุรกิจสินค้าอุปโภคโตช้า หวังพลิกวิกฤต หลังดีลควบรวมล่ม
Kraft Heinz เตรียมแยกธุรกิจสินค้ากลุ่มเติบโตช้า หวังฟื้นความเชื่อมั่นนักลงทุน หลังราคาหุ้นร่วงกว่า 60% จากการควบรวมกับ H.J. Heinz ในปี 2015
วันที่ 21 กรกฎาคม 2568 เวลา 17.02 น. สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า Kraft Heinzบริษัทผู้ผลิตอาหารรายใหญ่ที่มีสำนักงานใหญ่ในชิคาโกและพิตต์สเบิร์ก กำลังพิจารณาการแยกธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภคที่เติบโตช้าหลายรายการ เช่น ชีส Velveeta ออกเป็นบริษัทใหม่ โดยคาดว่าธุรกิจที่แยกออกไปอาจมีมูลค่าสูงถึง 2 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งหากเกิดขึ้นจริงจะถือเป็นดีลที่ใหญ่ที่สุดของอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภคในปีนี้ แหล่งข่าวยืนยันเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคมที่ผ่านมา
ราคาหุ้นของ Kraft Heinz ร่วงลงไปกว่า 2 ใน 3 นับตั้งแต่การควบรวมกิจการระหว่าง Kraft และ H.J. Heinz ในปี 2558 ซึ่งได้รับการสนับสนุนโดย Warren Buffet ผ่าน Berkshire Hathaway โดยมีเป้าหมายในการลดต้นทุนและขยายแบรนด์สู่ตลาดโลก แต่หลังการระบาดของโควิด-19 ผู้บริโภคในสหรัฐเริ่มลดการใช้จ่ายในสินค้าแบรนด์แพง ทำให้ยอดขายชะลอตัว
สินค้าสะดวกบริโภคอย่าง Lunchables ก็เริ่มเผชิญแรงกดดันจากกระแส “Make America Healthy Again” (MAHA) ที่นำโดยรัฐมนตรีสาธารณสุข Robert F. Kennedy Jr. ซึ่งเน้นส่งเสริมพฤติกรรมการบริโภคที่ดีต่อสุขภาพ
เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา Kraft Heinz ระบุว่ากำลังพิจารณาธุรกรรมเชิงกลยุทธ์ เพื่อสร้างมูลค่าให้ผู้ถือหุ้น หลังผู้บริหารจาก Berkshire Hathaway ลาออกจากคณะกรรมการบริษัท ท่ามกลางกระแสความไม่เชื่อมั่น
การแยกธุรกิจนี้อาจเป็นการย้อนรอยดีลควบรวมมูลค่า 4.5 หมื่นล้านดอลลาร์เมื่อปี 2561 แม้ยังไม่ชัดเจนว่าจะจัดสรรแบรนด์กว่า 200 รายการของบริษัทอย่างไร
นักวิเคราะห์เตือนว่าแผนนี้ยังมีความเสี่ยงสูง เพราะจะเกิดประโยชน์กับผู้ถือหุ้นก็ต่อเมื่อมีผู้เข้าซื้อกิจการย่อยทั้งสองส่วนในอนาคต โดยเฉพาะฝั่งซอสปรุงรสที่นำโดยแบรนด์ Heinz Ketchup และ Philadelphia cream cheese ซึ่งทำรายได้ 1.14 หมื่นล้านดอลลาร์ในปีที่ผ่านมา และมีศักยภาพขยายตลาดต่างประเทศได้ดี
แต่แบรนด์กลุ่มเดิมอื่น ๆ เช่น Oscar Mayer ที่ทำรายได้ 1.45 หมื่นล้านดอลลาร์ อาจมีมูลค่าไม่สูงนัก เพราะต้องแข่งขันกับสินค้าราคาถูกจากแบรนด์ของห้าง
นักวิเคราะห์จาก Bank of America ชี้ว่าแผนนี้อาจให้ประโยชน์เพียงเล็กน้อยหากไม่สามารถหาผู้ซื้อได้ โดยบอร์ดบริษัทอาจได้รับแรงบันดาลใจจากความสำเร็จของ Kellogg ที่แยกธุรกิจออกและขายได้ เช่น Ferrero ซื้อธุรกิจซีเรียลของ Kellogg ในราคา 3.1 พันล้านดอลลาร์ และ Mars ซื้อกิจการ Kellanova ผู้ผลิต Pringles ในราคาราว 3.6 หมื่นล้านดอลลาร์
ฝ่ายปรุงรสของKraft Heinz อาจเป็นเป้าหมายที่น่าสนใจสำหรับ McCormick, Unilever หรือ Nestlé ส่วนสินค้าช้าโตอาจดึงดูดบริษัทที่ต้องการขยายอำนาจต่อรองกับค้าปลีก เช่น Walmart หรือ Kroger
แต่ความท้าทายคือผลประกอบการทั้งบริษัทลดลง 3% ในปี 2567 และมีการปรับลดประมาณการยอดขายและกำไรตลอดปีนี้
Dave Wagner ผู้จัดการพอร์ตจาก Aptus Capital กล่าวว่า “ไม่ว่าจะแยกหรือจะรวมไว้แบบเดิม ทั้งคู่ก็ยังมีจุดด่างพร้อยอยู่ดี …โอกาสที่จะเป็นเป้าหมายเข้าซื้อของบริษัทระดับท็อปจึงอาจไม่มากนัก”
อ้างอิง : reuters.com