ไทยตรึงกำลัง พร้อมอาวุธหนักคุ้มกันพื้นที่ หลังกะเหรี่ยงบุกค่ายเมียนมา
ทหาร ฉก.ราชมนู ตรึงกำลังพร้อมอาวุธหนักคุ้มกันพื้นที่ชายแดน อ.พบพระ หลังทหารกะเหรี่ยงบุกโจมตีค่ายทหารเมียนมา ชาวเมียนมาหนีเข้าไทย 175 คน เจ็บสาหัส 3 คน
(4 ก.ค. 2568) เมื่อเวลา 12.00 น. สถานการณ์ความตรึงเครียดที่บริเวณแนวชายแดนไทย-เมียนมา ปะทุขึ้นอีกครั้ง โดยเมื่อช่วงเที่ยงที่ผ่านมา ทหารกะเหรี่ยงเคเอ็นดีโอ สนธิกำลังทหารกะเหรี่ยงเคเอ็นแอลเอ พร้อมทหารหน่วยพิทักษ์ประชาชน หรือ พีดีเอฟ จำนวนหลายร้อยนายพร้อมอาวุธประจำกายและอาวุธหนัก ได้เปิดฉากใช้อากาศยานไร้คนขับ หรือ โดรนขนาดใหญ่ จำนวนหลายลำบินเข้าไปทิ้งระเบิดถล่มลงกลางฐานกองบัญชาการยุทธการที่ 1 ค่ายทีตาแหล่ บ.ทีตาแหล่ อ.วาเลย์ใหม่ จ.เมียวดี รัฐกะเหรี่ยง ประเทศเมียนมา โดยหมู่บินโดรนของทหารกะเหรี่ยงซึ่งติดลูกระเบิดหนักใช้ความพยายามที่บินเข้าทิ้งระเบิดเพื่อจะถล่มเสาตัดสัญญาณโดรนของทหารเมียนมา แต่ยังไม่สำเร็จ จนเกิดการยิงปะทะกันอย่างดุเดือดจากนั้นทหารเมียนมาได้ใช้เครื่องยิงอาวุธหนักขนาด 120 มม. ยิงเข้าไปในหมู่บ้านวาเล่ย์ใหม่ ประเทศเมียนมา เสียงระเบิดดังสนั่นไปทั่วแนวชายแดนไทย-เมียนมา
ซึ่งหลังสิ้นเสียงลูกระเบิด 2 นัด ทำให้ชาวเมียนมาในหมู่บ้านวาเล่ยใหม่จำนวน 175 คน ต้องรีบวิ่งหนีตายข้ามในพื้นที่หมู่บ้านวาเล่ย์เหนือ หมู่ที่ 3 ต.วาเล่ย์ อ.พบพระ จ.ตาก และมีชาวเมียนมาจำนวน 3 คน ถูกสะเก็ดระเบิดที่ตกลงกลางหมู่บ้านบาดเจ็บอาการสาหัส ถูกส่งตัวข้ามมารักษาพยาบาลฝั่งประเทศไทย โดยเจ้าหน้าที่ทหารฉก.ราชมนู พร้อมฝ่ายปกครองอำเภอพบพระ ตำรวจ สภ.พบพระ จ.ตาก ได้ให้การช่วยเหลือคุ้มครองชาวเมียนมาที่อพยพหนีตาย นำตัวเข้าไปพักอาศัยในพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว ที่ทางฝ่ายความมั่นคงอำเภอพบพระจัดไว้รองรับ
ล่าสุดการยิงปะทะของกองกำลังทหารกะเหรี่ยงและทหารเมียนมา ยังคงมีการยิงปะทะกันอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางความวิตกกังวลว่า อาจจะมีลูกกระสุนปืนและลูกระเบิดหลุดหลงข้ามมาตกในฝั่งประเทศไทยได้ เนื่องจากพื้นที่แนวยิงปะทะอยู่ใกล้แนวพรมแดนฝั่งประเทศไทย ซึ่งทำให้ พ.อ.ณัฐกร เรือนติ๊บ ผบ.ฉก.ราชมนู ได้สั่งตรึงกำลังทหารพร้อมอาวุธหนัก เข้ารักษาอธิปไตยของไทยอย่างเข้มงวด และพร้อมตอบโต้ทันทีหากมีการลุกล้ำอธิปไตยของไทยอย่างเด็ดขาด
นอกจากนี้ยังจัดกำลังทหารพร้อมยานยนต์ติดปืนกลหนัก ออกลาดตระเวนรอบหมู่บ้านวาเล่ย์เหนือและหมู่บ้านวาเล่ย์ใต้ อ.พบพระ จ.ตาก เพื่อคุ้มครองรักษาความปลอดภัยให้ชาวบ้านฝั่งประเทศไทยได้รับความปลอดภัย ส่วนสถานการณ์ฝั่งประเทศเมียนมายังคงตึงเครียด และคาดว่าทหารทั้งสองฝ่ายจะยิงปะทะกันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทหารฝ่ายกะเหรี่ยงต้องการเข้ายึดค่ายทหารเมียนมา ซึ่งเหลือเพียง 2 ค่ายสุดท้ายแล้ว และคาดว่าสถานการณ์จะตึงเครียดเพิ่มมากยิ่งขึ้น หลังทหารทั้งสองฝ่ายต่างเสริมกำลังเข้าประชิดกันแล้ว