วธ. ยัน "กัมพูชาขึ้นทะเบียน 22 วรรณกรรมไทย" ไม่เป็นความจริง
จากกรณีที่มีการเผยแพร่ข้อมูลในโซเชียลมีเดีย อ้างว่า"ประเทศกัมพูชานำวรรณกรรมไทย 22 เรื่องไปขึ้นทะเบียนกับยูเนสโกสำเร็จแล้ว" ทำให้เกิดความกังวลและเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงการทำงานของรัฐบาลไทย
ล่าสุด กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ได้ออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงอย่างละเอียด เพื่อทำความเข้าใจต่อสาธารณชน ยืนยันว่าข้อมูลดังกล่าว "ไม่เป็นความจริง" และเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน
ไขข้อเท็จจริง: กัมพูชาขึ้นทะเบียน "ศิลปะการแสดง" ไม่ใช่ "วรรณกรรม"
กระทรวงวัฒนธรรมชี้แจงว่า สิ่งที่ประเทศกัมพูชาเสนอและได้รับการขึ้นทะเบียนจากยูเนสโกคือ "Royal Ballet of Cambodia" (ระบำพระราชทรัพย์กัมพูชา) ซึ่งเป็น "ศิลปะการแสดง"
และได้รับการประกาศเป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติตั้งแต่ปี พ.ศ. 2546 (ค.ศ. 2003) ไม่ใช่การขึ้นทะเบียนรายชื่อวรรณกรรม 22 เรื่องตามที่กล่าวอ้าง
ส่วนรายชื่อวรรณกรรมต่างๆ เช่นไกรทอง, พระสังข์, อุณรุท ที่ปรากฏในข่าว เป็นเพียงข้อมูลที่อยู่ใน "หนังสือบัญชีมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมระดับชาติของกัมพูชา" (Inventory of Intangible Cultural Heritage of Cambodia)
ซึ่งตีพิมพ์ในปี พ.ศ. 2548 (หลังจากได้รับการขึ้นทะเบียนแล้ว 2 ปี) เพื่อรวบรวมบทละครที่ใช้ในการแสดง"Royal Ballet of Cambodia" เท่านั้น ไม่ได้เป็นการยื่นรายชื่อวรรณกรรมเหล่านี้ต่อยูเนสโกโดยตรง
เจาะลึกหลักเกณฑ์ยูเนสโก: "วรรณกรรม" ไม่สามารถขึ้นทะเบียนเดี่ยวได้
ตามอนุสัญญาว่าด้วยการสงวนรักษามรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ ค.ศ. 2003 "วรรณกรรม" (Literature) ไม่จัดเป็นสาขาที่สามารถเสนอขึ้นทะเบียนโดยตรงได้
แต่มรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ที่ยูเนสโกรับรองมี 5 สาขาหลัก ได้แก่
- ประเพณีมุขปาฐะและการแสดงออกทางวาจา
- ศิลปะการแสดง (Performing Arts)
- แนวปฏิบัติทางสังคม พิธีกรรม และงานเฉลิมฉลอง
- ความรู้และแนวปฏิบัติเกี่ยวกับธรรมชาติและจักรวาล
- งานฝีมือแบบดั้งเดิม
ดังนั้น การอ้างว่ามีการขึ้นทะเบียน"วรรณกรรม 22 เรื่อง" จึงขัดต่อหลักเกณฑ์ของยูเนสโกโดยสิ้นเชิง
"วัฒนธรรมร่วม" และมรดกไทยในบทละคร
กระทรวงวัฒนธรรมได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า วรรณกรรมหลายเรื่องที่ปรากฏในรายชื่อบทละครของกัมพูชา จัดเป็น "วัฒนธรรมร่วม"
ที่ได้รับอิทธิพลและเผยแพร่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มาอย่างยาวนาน เช่นรามเกียรติ์, อิเหนา, สังข์ทอง, ไกรทอง ซึ่งปรากฏเป็นบทละครและนาฏศิลป์ในหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็น ไทย ลาว เมียนมา อินโดนีเซีย
อย่างไรก็ตาม วรรณกรรมบางส่วนก็มีที่มาจากบทพระราชนิพนธ์ของพระมหากษัตริย์และผลงานของกวีเอกในสมัยรัตนโกสินทร์ เช่น
- ไกรทอง, สังข์ทอง, อิเหนา: พระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 2
- อุณรุท, รามเกียรติ์: พระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 1
- จันทโครพ, ลักษณวงศ์: ผลงานของสุนทรภู่
เปิดลิสต์มรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของไทย
ปัจจุบัน ประเทศไทยเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาฯ เมื่อปี พ.ศ. 2559 และมีรายการที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจากยูเนสโกแล้ว 6 รายการ ได้แก่
- โขน (พ.ศ. 2561)
- นวดไทย (พ.ศ. 2562)
- โนรา (พ.ศ. 2564)
- สงกรานต์ (พ.ศ. 2566)
- ต้มยำกุ้ง (พ.ศ. 2567)
- เคบายา (พ.ศ. 2567 - ขึ้นทะเบียนร่วมกับ 4 ประเทศ)
นอกจากนี้ ยังมีรายการที่รอการพิจารณาอีก 4 รายการ คือชุดไทย, มวยไทย, ผ้าขาวม้า และประเพณีลอยกระทง
กระทรวงวัฒนธรรมเน้นย้ำว่า วัตถุประสงค์หลักของยูเนสโกคือการ "สงวนรักษา" มรดกภูมิปัญญาไม่ให้สูญหาย และสร้างความตระหนักรู้ถึงคุณค่าร่วมกัน ไม่ใช่การประกาศความเป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียว
กระทรวงวัฒนธรรมยืนยันว่า ได้มีการติดตามความเคลื่อนไหวของประเทศต่างๆ อย่างใกล้ชิด และทำงานเพื่อสร้างความเข้าใจอันดีในระดับภูมิภาค
พร้อมทั้งส่งเสริมมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของไทยให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล จึงขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข่าวปลอม และตรวจสอบข้อมูลจากแหล่งที่น่าเชื่อถือก่อนเผยแพร่ต่อไป