“สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” เด้งรับคำสั่งแบ่งงานรองนายกฯ คุม 5 กระทรวง 2 หน่วยงาน
จากการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ยุครัฐบาลนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ที่ผ่านมานั้น พบว่ามีข้าราชการหลายรายได้รับการแต่งตั้งโยกย้ายตำแหน่งเพื่อรับผิดชอบหลายกระทรวง แต่ “นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” ยังคงนั่งเก้าอี้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมตามเดิม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ได้เปิดเผยคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 4 กรกฎาคม 2568 เรื่องมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีทั้ง 5 คน และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กำกับการบริหารราชการแผ่นดินแทนนายกรัฐมนตรี ครอบคลุมส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน และหน่วยงานของรัฐ
สำหรับ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี ได้รับมอบหมายให้กำกับการบริหารราชการแทนนายกรัฐมนตรี ในกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงคมนาคม กระทรวงแรงงาน กระทรวงวัฒนธรรม และกระทรวงสาธารณสุข พร้อมทั้งดูแลสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ
ทั้งนี้เป็นที่น่าจับตาของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ที่ไม่ได้มีการแต่งตั้งโยกย้ายตำแหน่งนั้น เนื่องจากภายหลังนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เข้ามารับตำแหน่งดังกล่าว สามารถเดินหน้าปิดดีลบิ๊กโปรเจ็กต์ได้
โดยเฉพาะโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ที่ก่อนหน้านี้ติดปัญหาการฟ้องร้องที่ศาลปกครอง จนล่าสุดนำมาสู่การลงนามสัญญาร่วมกับเอกชนผู้ชนะการประมูล ปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้าง
นอกจากนี้ยังมีนโยบายค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ที่ตั้งเป้าให้ประชาชนสามารถใช้ได้ทุกเส้นทางภายในเดือนกันยายนนี้ ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการนำร่องรถไฟฟ้า 2 สายแล้ว ประกอบด้วย รถไฟฟ้าสายสีแดงและรถไฟฟ้าสายสีม่วง ที่สามารถเชื่อมต่อการเดินทางที่สถานีบางซ่อน ถือเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงจนได้รับความไว้วางใจจากนายกรัฐมนตรีให้สานต่อโครงการ
อย่างไรก็ดีการปรับครม.ล่าสุดนั้นในกระทรวงคมนาคม พบว่า รัฐมนตรีช่วยทั้ง 2 คน ประกอบด้วย นางมนพร เจริญศรี และนายสุรพงษ์ ปิยะโชติ ยังคงนั่งตำแหน่งเดิมไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงหรือแต่งตั้งโยกย้ายแต่อย่างใด
ทั้งนี้คำสั่งดังกล่าวยังเน้นย้ำให้รองนายกรัฐมนตรีบริหารราชการโดยมุ่งมั่นสร้างความสามัคคีปรองดองในสังคมไทย เพื่อนำไปสู่ความร่วมมือในการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองการปกครองของประเทศให้ก้าวหน้าเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน