โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

การเมือง

ภูมิธรรมยังไม่ประกาศภาวะสงคราม ลั่นยังยึดหลักสันติวิธี เร่งอพยพรัศมี 50 กม.

ประชาชาติธุรกิจ

อัพเดต 1 วันที่แล้ว • เผยแพร่ 1 วันที่แล้ว
ภูมิธรรม เวชยชัย

ภูมิธรรม ประณามกัมพูชา เปิดฉากใช้ความรุนแรง มีเป้าไม่ชัดทำประชาชนเสียชีวิต-ทหาร 11 ราย ยันยังไม่ประกาศภาวะสงคราม ชี้เป็นเพียงการปะทะกัน ลั่นยังคงยึดหลักสันติวิธี ไม่ยอมเสียดินแดนอธิปไตย เร่งอพยพพ้นรัศมี 50 กม. เผยมติ สมช.ถือเป็นมติ ครม.เร่งเยียวยาผู้บาดเจ็บ-เสียชีวิต

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมสภาความมั่นคง (สมช.) วาระพิเศษ ซึ่งเป็นการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดพิเศษไปพร้อมกัน เนื่องมาจากเกิดเหตุปะทะที่ชายแดนไทย กัมพูชา เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา โดยเชิญเลขาธิการคณะรัฐมนตรี มาร่วมประชุมด้วย ตามมาตรา 8 วรรค 2 ของกฤษฎีกาที่เสนอเรื่องเข้า ครม. เพราะมีหลายเรื่องที่ต้องใช้มติ ครม.รองรับ เพื่อให้สามารถดำเนินการได้

นายภูมิธรรมระบุว่า ได้รับรายงานจากหน่วยทหารที่เกี่ยวข้องถึงสถานการณ์เป็นการยิงเข้ามาของทางกัมพูชาก่อน และเกิดเหตุบานปลาย จนกระทั่งมาถึงปัจจุบันตั้งแต่ช่วงเช้ามีการใช้อาวุธในระดับต่าง ๆ สิ่งที่สำคัญคือการยิงของกัมพูชาใช้อาวุธหนักในการยิงเข้ามาเขตแดนของประเทศ โดยไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจน ในเขตที่ไม่เกี่ยวข้อง เป็นเขตพลเรือน มีพลเรือนเสียชีวิตทั้งหมด 11 คน เป็นพลเรือน 10 คน เป็นทหาร 1 นาย มีผู้บาดเจ็บ 28 คน 24 คน เป็นพลเรือน และ 4 คนเป็นทหาร

นายภูมิธรรมยังกล่าวประณามว่า มีการใช้อาวุธหนักที่รุนแรง ไม่มีเป้าหมาย มีบางลูกยิงเข้ามายังสถานีบริการน้ำมัน และร้านสะดวกซื้อ และบางส่วนยิงเข้ากลางโรงพยาบาล ห่างจากพื้นที่โรงพยาบาล 3 กิโลเมตร เพราะฉะนั้นเรื่องนี้เราขอประณาม การใช้กำลังและดำเนินการโดยไม่ได้ยึดกฎหมายระหว่างประเทศ ที่ต้องคำนึงถึงการปฏิบัติอย่างเคร่งครัด

นายภูมิธรรมยืนยันว่า สิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นยังไม่ใช่การประกาศสงคราม แต่เป็นเรื่องการปะทะกัน เรายืนยันหลักการว่าต้องใช้สันติวิธีไม่ใช้ความรุนแรง และต้องพยายามพูดคุยพยายามแก้ไขปัญหา แต่สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นลักษณะยั่วยุจากทางกัมพูชามาโดยตลอด เราป้องกันตัวเราเอง และป้องกันอธิปไตยของประเทศ ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญ และเรายอมไม่ได้ให้มีลักษณะที่จะบุกรุก หรือละเมิดอธิปไตยของไทย และทำหน้าที่อย่างเต็มที่ในการปกป้องตัวเอง และดูแลอธิปไตยของประเทศ

นายภูมิธรรมยังระบุอีกว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นการกระทำอย่างน้อย 2 ครั้งติดต่อกันในเขตพื้นที่ที่มีการเดินลาดตระเวน ซึ่งเป็นพื้นที่เดินลาดตระเวนเก่าตามข้อตกลงเดิม แต่สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เกิดปัญหา เมื่อก่อนนี้เราเดินลาดตระเวนกันตลอดไม่เคยมีปัญหา แต่มีการระเบิดขึ้นครั้งล่าสุดทำให้เราสูญเสีย เจ้าหน้าที่ทหารขาขาด เป็นเรื่องที่น่าเสียใจ และเป็นเรื่องที่เราจำเป็นต้องแสดงความชัดเจนในเรื่องนี้

ขณะนี้ได้มีการเตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาต่าง ๆ โดยทางกองทัพได้ดำเนินการในการปกป้องอธิปไตยในพื้นที่อย่างเต็มที่ โดยกองทัพภาคที่ 2 เป็นผู้รับผิดชอบและขณะนี้ได้ให้อำนาจของทหารในการที่จะใช้มาตรการต่าง ๆ ตามความจำเป็น พยายามยึดหลักกฎหมายระหว่างประเทศและสถานการณ์ฉุกเฉินอาจไม่มีเวลาที่มารอขออนุญาต สามารถดำเนินการได้ตามขอบเขตและแจ้งให้เราทราบโดยเร็ว

ขณะนี้สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นพื้นที่ประมาณ 4 จังหวัด อุบลราชธานี ศรีสะเกษ บุรีรัมย์ และสุรินทร์ เพราะฉะนั้นขณะนี้ยังควบคุมอยู่ในพื้นที่ได้อยู่ แต่ก็มีความระมัดระวังและป้องกันชายแดนเต็มที่ ได้ให้กระทรวงมหาดไทยอพยพคนออกจากพื้นที่ให้ไกลกว่า 50 กิโลเมตร เพราะถือว่าเป็นระยะปลอดภัยที่สุด และได้สั่งการให้มีการอพยพและดูแลประชาชน ดำเนินการในแต่ละพื้นที่ ซึ่งมีแผนดำเนินการรองรับอยู่แล้ว

นายภูมิธรรมยังกล่าวว่า มติที่ประชุมวันนี้ถือเป็นมติ ครม.ให้ดูแลประชาชนอย่างดีที่สุด เยียวยาผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บทั้งหมด ซึ่งมีกฎระเบียบที่วางไว้อยู่แล้ว ได้มอบหมายให้ดูชัดเจน และโรงเรียนขณะนี้มีการประกาศปิดเป็นที่เรียบร้อยแล้วในรัศมีใกล้เคียงชายแดน เพื่อป้องกันการเกิดเหตุ

โดยกระทรวงสาธารณสุขได้มีการดำเนินการในการที่จะเปลี่ยนแปลงโรงพยาบาลอำเภอในบริเวณชายแดน ให้เป็นโรงพยาบาลสนามและอพยพคนไข้ที่บาดเจ็บทั้งหมดออกจากแนวชายแดนเกินกว่า 50 กิโลเมตร ซึ่งอยู่ในจุดที่ปลอดภัย ขณะที่มาตรการต่างประเทศได้ดำเนินการไปตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา โดยลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูต ทั้งเรียกทูตไทยกลับ และส่งทูตเขากลับไปยังประเทศเขา ซึ่งยังอยู่ในระดับนี้ ถือว่าเป็นระดับที่รุนแรงที่สุดในระดับการทูต

เมื่อถามว่า จะมีการพูดคุยในระดับของรัฐบาลของทั้งสองประเทศเพื่อไม่ให้เหตุการณ์บานปลายหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ตอนนี้ต้องให้เรื่องยุติก่อน ถ้าแสดงความจริงใจต่อกันก็สามารถคุยกันได้ เรายังรู้สึกว่าฝ่ายกัมพูชาเป็นฝ่ายรุกล้ำเข้ามาเรื่อย ๆ เพราะฉะนั้นก็จะต้องดำเนินการไปตามครรลอง

ส่วนงบฯฉุกเฉินในการช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ ทางจังหวัดสามารถดำเนินการได้เลยใช่หรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า มีมาตรการอยู่แล้ว ในส่วนของกองทุนที่มีอยู่

ทั้งนี้ ในที่ประชุมได้รับการรายงานหรือไม่สำหรับความเสียหายที่เกิดขึ้นในฝั่งของทางกัมพูชา นายภูมิธรรมกล่าวว่า ไม่ขอพูดถึงเรื่องนี้

ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าสมเด็จฮุน เซน เดินทางออกจากประเทศกัมพูชาแล้ว นายภูมิธรรมกล่าวว่า ตนไม่ทราบเพราะไม่ได้ติดตามเรื่องนั้น สนใจแค่เรื่องคนในประเทศมากกว่า และเหตุการณ์ที่ปะทะกันเกิดขึ้นและบานปลาย ซึ่งคำนึงถึงชีวิตของทหารไทย และประชาชน

ขณะที่ทางกัมพูชาได้มีการส่งหนังสือถึงองค์การสหประชาชาติแล้ว ทางไทยจะมีการดำเนินการอย่างไร นายภูมิธรรมกล่าวว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้พูดคุยกับเลขาธิการ องค์การสหประชาชาติแล้ว รวมถึงได้พูดคุยกับเลขาของสภาความมั่นคงของสหประชาชาติ

ซึ่งขณะนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอยู่ที่รัฐนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ซึ่งได้มีการพูดคุยและประสานงานตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา ซึ่งทางกระทรวงการต่างประเทศได้ใช้มาตรการต่าง ๆ เล่าสถานการณ์ให้ฟัง พร้อมทั้งชี้แจงข้อเท็จจริงต่าง ๆ ซึ่งทางกระทรวงการต่างประเทศจะมีการแถลงอีกครั้ง

นายภูมิธรรมย้ำว่า รัฐบาลไม่ได้ปกปิดอะไร แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน และยืนยันว่าโดยหลักการ ที่เกี่ยวข้องกับอธิปไตยของประเทศไทย และการบุกเข้ามาในประเทศไทย เรามีหลักฐานแน่น และรัฐบาลไทยก็ได้แสดงออกไปอย่างชัดเจน ในหลายเรื่องอยากขอร้องว่า เรื่องของยุทธการที่ไม่สามารถพูดได้ เพื่อไม่ให้เกิดการเพลี่ยงพล้ำ หรือเสียเปรียบในยุทธการ

เมื่อถามว่า ทางกองทัพได้ขีดเส้นว่าจะยุติปฏิบัติการ ได้เมื่อไหร่ นายภูมิธรรมระบุว่า จนกว่าเหตุการณ์จะเข้าสู่สภาวะปกติ และมีข้อยุติที่เพียงพอ

ส่วนรัฐบาลไทยได้รับการติดต่อจากทางฝั่งกัมพูชา ว่ามีสัญญาณหรือแนวโน้ม ที่จะยุติการปะทะหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ตนได้ยินทางโซเชียลมีเดีย ยังไม่ได้มีการพูดคุยกัน จริงหรือไม่จริงก็ไม่ทราบ ส่วนฝ่ายไทยจะมีวิธีการเจรจาอย่างไรนั้นไม่สามารถพูดได้ เป็นเรื่องของวิธีการ เขาต้องยุติความรุนแรง

และสิ่งที่สำคัญ คือเรื่องของข่าวลือ และต้องระมัดระวังเรื่องของข่าวที่ไม่ชัดเจน เพราะทำให้เกิดความรุนแรง ที่อาจจะรุนแรงมากไปกว่านี้ ยืนยันว่าทางกองทัพสามารถดูแลและปกป้องประเทศได้ เพราะมีความพร้อมทุกอย่าง แต่หากสถานการณ์บานปลาย สิ่งที่เกิดขึ้นจะกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทางนี้ได้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปดูแลทรัพย์สินของประชาชนที่อพยพออกมาจากพื้นที่แล้ว

เมื่อถามว่า ถ้ากัมพูชาแรงมา เราจะแรงกลับใช่หรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า การตอบโต้จะดูตามสถานการณ์ โดยไม่ให้อธิปไตยของไทยเสียหาย ไม่อยากให้ถามว่าเราจะต้องรุนแรงกลับไปหรือไม่ เพราะการพูดไม่ดีเท่ากับการทำ เพราะหากพูดไปจะมีแต่ยั่วยุ เพราะการทำที่ดีจะสามารถแก้ปัญหาได้

ส่วนจะต้องดึงองค์กรระหว่างประเทศเข้ามาเจรจาหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ยัง ระหว่างนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการ และแจ้งให้องค์การระหว่างประเทศให้ทราบเท่านั้น พร้อมยืนยันว่าเราต้องการปกป้องอธิปไตยของประเทศไทยไม่ให้ถูกรุกราน

นายภูมิธรรมกล่าวอีกว่า รัฐบาลมีความห่วงใยต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยยึดหลักที่จะไม่ยอมเสียอธิปไตยและเราจะปกป้องตัวเองอย่างเต็มที่ และรัฐบาลจะดูแลประชาชนอย่างเต็มที่ และจะทำทุกอย่างเท่าที่เงื่อนไขเราทำได้อย่างสุดความสามารถ

ส่วนจะมีการจัดการแรงงานกัมพูชาในไทยอย่างไรบ้างนั้น นายภูมิธรรมกล่าวว่า ตอนนี้เอาเรื่องสงครามก่อน ผู้สื่อข่าวจึงกล่าวแย้งว่า ไหนบอกว่าไม่ใช่ภาวะสงคราม ทำให้นายภูมิธรรมหันกลับมาตอบว่า ถึงมันเป็นแบบนี้เราก็ไม่อยากให้มันเกิดไง ไม่อยากให้มันมีความรุนแรงเกิดขึ้น ขอให้เอาเรื่องนี้ก่อน

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ภูมิธรรมยังไม่ประกาศภาวะสงคราม ลั่นยังยึดหลักสันติวิธี เร่งอพยพรัศมี 50 กม.

ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก ประชาชาติธุรกิจ

สมาคมข่าวออนไลน์ ย้ำสมาชิกยึดแนวปฏิบัติ รายงานข่าวชายแดนไทย-กัมพูชา

3 ชั่วโมงที่ผ่านมา

อนุ กมธ.ครุภัณฑ์ฯ เห็นพ้องไม่ลดงบซื้ออาวุธ แนะจัดสรรสอดรับสถานการณ์

4 ชั่วโมงที่ผ่านมา

กองทัพภาค 2 รายงานชายแดนไทย-กัมพูชา ทหารกัมพูชา เสียชีวิต 100 นาย

5 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ธปท.กำชับแบงก์เร่งช่วยลูกค้ากระทบ ความไม่สงบไทย-กัมพูชา

6 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความการเมืองอื่น ๆ

ข่าวและบทความยอดนิยม

‘ตระกูลบุญวิสุทธิ์’ ดีลเลอร์รถรายใหญ่ลั่นโกยรายได้ทะลุ 6,000 ล้านบาท คว้ารถอีวี ZEEKR เสริมทัพ

ประชาชาติธุรกิจ

ส่องทิศทาง 7-Eleven ญี่ปุ่น หลังยักษ์แคนาดาล้มดีลควบรวม

ประชาชาติธุรกิจ

‘ซูเลียน’ พลิกเกมสู้ศึกขายตรง เพิ่มผลตอบแทน-บุกอาเซียน

ประชาชาติธุรกิจ
ดูเพิ่ม