ลุ้นศาลชี้คลิปลุงฮุน ‘อิ๊งค์’นัดครม.มอนิเตอร์ เล็งใช้‘ประยุทธ์โมเดล’

“แพทองธาร” ระทึก! ลุ้นศาลรัฐธรรมนูญเคาะคดี "คลิปลุงฮุน" พ่วงสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ นัด ครม.ประชุมเร็วขึ้นเพื่อมอนิเตอร์ “อุ๊งอิ๊ง” รับกังวล แต่ปัดควบวัฒนธรรมเพื่อหนีตาย แค่อยากดันซอฟต์พาวเวอร์ “ชูศักดิ์” ชู “ประยุทธ์โมเดล” บอกให้ดูตัวอย่างในอดีต “เท้ง” พลิ้วเรื่องอภิปรายไม่ไว้วางใจ ชี้ต้องรอดูศาลก่อน กลัวยื่นไปแล้วเสียของ! “นายกฯ อิ๊งค์” รับทราบผลโพล ลั่นสู้ต่อทำงานให้เต็มที่ ส่วนลูกหาบเมินบอกชี้วัดอะไรไม่ได้

ในวันอังคารที่ 1 กรกฎาคม 2568 ศาลรัฐธรรมนูญได้นัดประชุมเพื่อพิจารณาคดีสำคัญ โดยอาจมีการพิจารณาคำร้องที่นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา (สว.) นำรายชื่อ 36 สว.ยื่นเรื่องให้ศาลวินิจฉัยว่าความเป็นนายกรัฐมนตรีของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ สืบเนื่องจากคลิปเสียงสนทนาระหว่าง น.ส.แพทองธาร กับนายฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา พร้อมทั้งขอให้ศาลสั่งให้ น.ส.แพทองธารหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ ชั่วคราวจนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย

โดยเมื่อวันที่ 30 มิ.ย. สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ได้แจ้งเลื่อนเวลาการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 1 ก.ค.ให้เร็วขึ้นเป็นเวลา 09.00 น. จากเดิม 10.00 น. เนื่องจาก น.ส.แพทองธารต้องการให้ ครม.ได้ร่วมรับฟังการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญที่นัดประชุมพิจารณาคดีด้วย ขณะที่ภารกิจของนายกฯ ในเดือน ก.ค.นั้น ได้มีการวางงานไว้ตลอดทั้งเดือนตามปกติยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง

ด้าน น.ส.แพทองธารกล่าวเรื่องนี้ว่า ก็ต้องปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการ ถามว่ากังวลหรือไม่ก็มีความกังวล ส่วนการเตรียมความพร้อมนั้น เราก็พยายามทำและเน้นเรื่องกระบวนการทำงาน ไม่อยากให้มันสะดุด เพราะอย่างที่สื่อถามวันนี้มีเรื่องกำแพงภาษี รวมถึงมีอีกหลายอย่างที่ต้องเจรจากับต่างประเทศเยอะ เพราะฉะนั้นก็ไม่อยากสะดุด อยากทำให้มันดี

เมื่อถามถึงความคืบหน้าการปรับ ครม.ที่มีกระแสข่าวว่าจะไปนั่งเก้าอี้ รมว.วัฒนธรรม ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร น.ส.แพทองธารยอมรับว่า "ค่ะ ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการดำเนินการ แต่ที่จะดูวัฒนธรรมด้วยเพราะเป็นเรื่องซอฟต์พาวเวอร์ และอยากให้รู้ว่าจริงๆ แล้ว วธ.ไม่ใช่กระทรวงเกรดบี เกรดซี หรือเกรดอะไรก็ตาม แต่เป็นกระทรวงที่สำคัญมากๆ ที่นำวัฒนธรรมของไทยได้จริงๆ และส่งออกซอฟต์พาวเวอร์ได้จริง"

เมื่อถามว่า ส่วนหนึ่งเป็นเพราะกังวลเรื่องปมคลิปเสียงหรือไม่ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ไม่เกี่ยว เป็นอะไรที่ต้องไปเน้นเรื่องซอฟต์พาวเวอร์ไปด้วย ก็ควบวัฒนธรรมด้วย

ถามถึงกระทรวงกลาโหมวางใครให้เป็นรัฐมนตรีว่าการ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า เดี๋ยวรอดู ขณะนี้ทุกอย่างอยู่ในขั้นตอน รอให้จบก่อนแล้วจะได้เห็นชื่อทั้งหมด

ส่วนนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกระแสข่าว น.ส.แพทองธารจะควบ รมว.วธ.เพื่อรองรับกรณีศาลสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ว่า ยังไม่โปรดเกล้าฯ รู้ได้อย่างไรว่าจะไปอยู่ วธ.หรือไม่

ถามว่า แต่มีกระแสข่าวอาจเป็นลักษณะเดียวกับสมัย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ถูกหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ แต่ทำหน้าที่ รมว.กห.ได้ นายภูมิธรรมกล่าวว่า อย่าไปจินตนาการ รอให้โปรดเกล้าฯ ลงมาแล้วค่อยมาวิพากษ์วิจารณ์กัน

ลั่นยึด 'ประยุทธ์โมเดล'

นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกฯ กล่าวประเด็นนี้ว่า ให้เทียบเคียงกับสมัย พล.อ.ประยุทธ์ ให้ไปค้นดูว่า พล.อ.ประยุทธ์ทำหน้าที่ รมว.กลาโหมได้หรือไม่

เมื่อถามย้ำว่า มีการมองว่าเป็นคนละกรณีกับ พล.อ.ประยุทธ์ เพราะคดีที่ร้อง น.ส.แพทองธารเป็นเรื่องจริยธรรม นายชูศักดิ์กล่าวว่า ไม่เกี่ยว ต้องเทียบเคียงอดีตที่ผ่านมา

ถามถึงกรณีหากศาลสั่งให้ น.ส.แพทองธารหยุดปฏิบัติหน้าที่ และมีการโปรดเกล้าฯ ครม.ชุดใหม่ ขั้นตอนจะเป็นอย่างไร นายชูศักดิ์กล่าวว่า หากนายกฯ ถูกให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ก็ต้องให้รองนายกฯ ที่รักษาการเป็นผู้นำถวายสัตย์ฯ เป็นไปตาม พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน ยืนยันไม่กระทบกับการปรับ ครม.

นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ยอมรับว่า ทุกอย่างเป็นไปตามปกติ อย่างที่นายกฯ ให้สัมภาษณ์ ทุกอย่างต้องเดินหน้า หากถามว่าในใจกังวลหรือไม่ นายกฯ ก็เป็นกังวลอยู่ แต่ทั้งหมดทั้งปวงคือ ทุกอย่างต้องเดินหน้าต่อ

เมื่อถามย้ำว่า แล้วพรรค พท.ได้มีการเตรียมการไว้อย่างไรบ้าง นายสรวงศ์กล่าวว่า

“ก็มอนิเตอร์ เราไม่ได้อยากตีความอะไรล่วงหน้าไว้ก่อน เราเฝ้าดูดีกว่า แต่ทุกสิ่งทุกอย่างนายกฯ แสดงถึงความตั้งใจในการทำงาน ทุกอย่างเป็นไปตามปกติ” นายสรวงศ์กล่าวตอบในเรื่องพรรค พท.ได้เตรียมการอะไรไว้บ้าง

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.การคลัง ในฐานะรองหัวหน้าพรรค พท. กล่าวเช่นกันว่า พรรคไม่มีการพูดคุยและเตรียมตั้งรับเรื่องนี้ เพราะเรามั่นใจสิ่งที่นายกฯ สนทนากับสมเด็จฮุน เซน ไม่ได้เป็นสิ่งผิดปกติ เพราะกระบวนการพูดคุยกันระดับประเทศโดยการยกหูคุยกันนั้น ถือเป็นเรื่องปกติที่ผู้นำทำกัน วันก่อนนายกฯ ก็ยกหูคุยกับเอมมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส สิ่งที่พูดไปก็ไม่ได้มีผลร้ายหรือผลเสียต่อประเทศไทย เราก็ดูว่าประเทศไทยสูญเสียอะไรไปหรือไม่ในเรื่องของดินแดน

เมื่อถามว่า จะเกิดเดดล็อกทางการเมืองหรือไม่ นายจุลพันธ์กล่าวว่า ไม่เกิด ไม่ว่าจะกรณีใดๆ และเข้าใจว่ามีการทูลเกล้าฯ ถวายรายชื่อ ครม.ชุดใหม่ไปแล้ว องค์คณะของ ครม.ยังมีอยู่ ณ ขณะนี้ก็สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างครบถ้วน ทุกหน่วยงานมี ครม.กำกับดูแล ฉะนั้นไม่ได้มีประเด็นปัญหาในการปฏิบัติราชการใดๆ

ส่วนนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ และประธาน สส.พรรค พท.ระบุว่า เป็นเรื่องที่ผู้บริหารพรรคเพื่อไทยคงมีมาตรการในการเตรียมตัวรับผลคำวินิจฉัยอยู่แล้ว เชื่อว่าไม่ได้กังวลอะไร ส่วนที่ตั้งข้อสังเกตว่าอาจถึงขั้นถูกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่นั้น เห็นว่าเป็นเรื่องที่มีการจินตนาการไปหลายอย่าง ซึ่งถือเป็นเรื่องธรรมดา แต่ก็มั่นใจว่าไม่มีอะไร ซึ่งพวกตนเชื่อมั่นเช่นนั้นจึงไม่จินตนาการอะไรไปไกล

ด้านนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ว่า ขอยืนยันอีกหนึ่งครั้งว่าเราไม่ได้เห็นต่าง หรือคัดค้านการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่จังหวะการยื่นจะยื่นอย่างไรให้แม่นยำมากที่สุด ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน เป็นสิ่งที่ต้องประเมินให้เห็นตรงกันระหว่างพรรคร่วมฝ่ายค้านด้วยกันเอง เนื่องจากในวันที่ 1 ก.ค.นี้ ก็ต้องรอฟังความชัดเจนเรื่องคดีของนายกฯ ว่าตกลงแล้วศาลรัฐธรรมนูญจะสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ ซึ่งก็ทำให้เกิดความไม่แน่นอน

“การยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจสามารถทำได้หนึ่งครั้งต่อหนึ่งปีสมัยประชุม หากเรายื่นตั้งแต่ตอนนี้ เท่ากับว่าถ้าจะยื่นอีกครั้งต้องรอในช่วงเดือนกรกฎาคมปีหน้า" นายณัฐพงษ์กล่าว

ปชน.อ้างกลัวเสียของ

เมื่อถามว่า หากยื่นช้าไปอาจจะไม่ทัน ถ้าเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองใช่หรือไม่ นายณัฐพงษ์ระบุว่า เป็นสิ่งที่สามารถคิดได้ในมุมกลับว่า ถ้ายื่นญัตติต่อนายกฯ ไป แล้วเกิดอุบัติเหตุการเมืองต่อตัวนายกฯ ขึ้นมา เราก็ไม่สามารถตอบได้ 100% ในการตีความว่าการยื่นจะเสียของหรือไม่ เพราะฉะนั้นการประเมินสถานการณ์ ณ ตอนนี้ มองว่าอาจใช้เวลาประเมินสถานการณ์อีกสักหน่อย รอความชัดเจนจากศาลรัฐธรรมนูญและอีกหลายๆ เรื่อง ถึงเวลาค่อยยื่นอย่างแม่นยำ ซึ่งไม่ได้ทำให้เสียเวลาแต่อย่างใด

น.ส.แนน บุณย์ธิดา สมชัย โฆษกพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวว่า พรรคได้ยกร่างญัตติเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจ น.ส.แพทองธารไว้แล้ว และจะเสนอให้พรรค ปชน., พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.), พรรคเป็นธรรม (ปธ.) และพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) ได้พิจารณาว่ามีเหตุผลเพียงพอจะร่วมลงชื่อในญัตติเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อลงมติไม่ไว้วางใจนายกฯ หรือไม่ ซึ่งเบื้องต้นได้รับแจ้งจาก พปชร.ว่าเห็นด้วยในหลักการ

“ถ้านายกฯ ไม่ต้องการให้ประชาชนลุกฮือขึ้นมาต่อต้านนอกสภา และเป็นเงื่อนไขที่อาจจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ไม่มีใครต้องการ ขอให้นายกฯ ใช้เวทีสภาเป็นเวทีชี้แจงและแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น” น.ส.แนนกล่าว

ขณะเดียวกัน เพจเฟซบุ๊กพรรคภูมิใจไทยได้นำเสนอกราฟิกและเนื้อหาในหัวข้อ “ประเทศไทยจะไปทางไหน? ระหว่างลาออก, ยุบสภา และรัฐประหาร” โดยให้สัญญาณไฟเขียวนายกฯ ลาออกพร้อมนำเสนอขั้นตอน ขณะที่ไฟเหลืองยุบสภา และไฟแดงรัฐประหาร

นายจุลพันธ์กล่าวถึงกรณี สว.ขอเปิดอภิปรายทั่วไปในปมคลิปเสียงว่า สว.เคยหารือเข้ามา ซึ่งนายชูศักดิ์ได้ไปพูดคุยกับ สว.แล้ว โดย สว.ตัดสินใจไม่ยื่น ส่วนจะเปลี่ยนแปลงอย่างไรนั้นคงตัดสินใจอีกครั้ง ส่วนการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจของพรรค ภท.นั้น มีการแจ้งความประสงค์มา แต่คงต้องรอดูว่ากระบวนการที่ยื่นมานั้นจะครบถ้วนหรือไม่ รวมถึงต้องดูเรื่องจังหวะเวลา

“รัฐบาลยืนยันว่าพร้อมชี้แจงทุกประเด็น ไม่ได้ห่วงในเรื่องข้อสงสัย ถือเป็นเรื่องที่ดีด้วยซ้ำที่จะมีการยื่นอภิปรายเข้ามา เพราะถือเป็นเวทีที่รัฐบาลจะได้ชี้แจง ทั้งนี้เชื่อว่านายกฯ และ ครม.พร้อมจะชี้แจง แต่ต้องดูว่าภูมิใจไทยจะรวบรวมเสียงได้ครบหรือไม่” นายจุลพันธ์กล่าว

นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภา กล่าวว่า การยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจยื่นได้ตลอดเวลาที่สามารถยื่นได้ และเมื่อยื่นแล้วสภาก็พร้อมตรวจสอบรายชื่อและญัตติให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญและข้อบังคับ ถ้าเรียบร้อยก็จะส่งไปให้รัฐบาลเพื่อพิจารณากำหนดวันอภิปราย และถ้ารัฐบาลพร้อมเมื่อไหร่ก็จะประชุมวิปทั้ง 3 ฝ่ายเพื่อกำหนดว่าอภิปรายกี่วัน และแบ่งเวลากันอย่างไร ซึ่งก็เหมือนปกติที่เคยปฏิบัติมา

เมื่อถามว่า หากวันที่ 1 ก.ค.นี้ ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้นายกฯ หยุดปฏิบัติหน้าที่ จะทำให้ไม่สามารถอภิปรายตัวนายกฯ ได้ใช่หรือไม่ นายวันมูหะมัดนอร์กล่าวว่า ถ้าศาลสั่งให้นายกฯ หยุดปฏิบัติหน้าที่ก็ยื่นอภิปรายไม่ได้ แต่เรายังไม่รู้ว่าฝ่ายค้านจะยื่นญัตติอภิปรายเฉพาะนายกฯ คนเดียวหรือรัฐมนตรีคนอื่นๆ ด้วย

“ผมเข้าใจว่าฝ่ายค้านคงดูด้วยความรอบคอบว่าจะอภิปรายใครบ้าง ซึ่งสภาก็จะพิจารณาตามรัฐธรรมนูญและข้อบังคับ และดำเนินการไปตามที่เคยปฏิบัติมา” นายวันมูหะมัดนอร์กล่าว

วันเดียวกัน ยังคงมีความต่อเนื่องจากผลโพลการเมือง ที่ระบุว่าความนิยมในตัวนายกฯ และพรรค พท.ลดต่ำลงอย่างมาก โดย น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ผลโพลจากทุกสำนักเป็นประโยชน์อยู่แล้ว เวลาผลโพลมาดีเราก็กำลังใจดี หากไม่ดีก็ทำให้ต้องเตือนใจว่าต้องสู้ต่อและต้องทำงานให้เต็มที่ ต้องแสดงผลงานให้ชัดเจนและต้องสื่อสารกับประชาชนให้ดียิ่งขึ้น อันนี้เป็นสิ่งที่เราต้องรับฟังอยู่แล้ว ไม่ว่าเป็นโพลสำนักไหนก็ตาม

นายภูมิธรรมกล่าวว่า เราทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ผลโพลมันขึ้นๆ ลงๆ ตามช่วงเวลา ที่สุดแล้วประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินในวันที่มีการเลือกตั้ง วันนี้รัฐบาลยังเดินหน้าทำเต็มที่ สิ่งที่มีใครพยายามขัดขวาง สร้างเงื่อนไข พยายามทำเพื่อประโยชน์ส่วนตน ประชาชนจะค่อยๆ พิจารณา

เมินผลโพลความนิยมตก

นายจุลพันธ์ระบุว่า โพลอยู่ที่ช่วงระยะเวลา ซึ่งวันที่ทำโพลอยู่ในช่วงที่มีการเผยแพร่คลิปเสียงสนทนาของ น.ส.แพทองธารกับสมเด็จฮุน เซน หลุดออกมา แน่นอนว่าอารมณ์ของประชาชนอ่อนไหว ฉะนั้นเรารับไว้เป็นข้อคิดและข้อสังเกตเพื่อที่จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดและดีขึ้น แก้ไขปัญหาให้เต็มกำลังความสามารถ แต่ทั้งนี้ก็ไม่ได้เป็นตัวชี้วัดการเลือกตั้งใดๆ โดยเชื่อว่าหากทำโพลในช่วงที่นายกรัฐมนตรีชี้แจงแล้ว ผลโพลจะดีกว่านี้แน่นอน

นายวิสุทธิ์กล่าวว่า ขออย่าเอามากังวล และวันนี้สิ่งที่ต้องกังวลที่สุดคือ ทำอย่างไรให้เกษตรกรขายข้าวและสินค้าเกษตรได้ราคา โดยรัฐมนตรีที่จะเข้ามาใหม่ต้องทำได้อย่างเต็มที่ ดังนั้นจึงไม่กังวลผลโพล เมื่อรัฐบาลทำงานได้ผลดีขึ้น เศรษฐกิจดีขึ้น แก้ปัญหาได้ก็เชื่อว่ากระแสมาดีเอง ดังนั้นขออย่ากังวลอะไร สิ่งที่กังวลคือปัญหาปากท้องของประชาชนมากกว่า

นายณัฐพงษ์กล่าวถึงผลโพลที่ความนิยมในตัวเขามีคะแนนนำ แต่นายกฯ รั้งท้ายว่า รู้สึกดีใจและขอบคุณประชาชนทุกคนที่มอบความไว้วางใจให้ตนเองและพรรค ปชน.มากยิ่งขึ้น แต่เราไม่ได้ประมาทและเป็นห่วงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ ต้องพูดตามข้อเท็จจริงส่วนหนึ่งว่า คะแนนความนิยมส่วนหนึ่งที่ตกลงของนายกฯ หรือการขาดความเชื่อมั่นต่อตัวนายกฯ นั้น ย่อมส่งผลอีกด้านหนึ่งที่ทำให้คะแนนนิยม ไม่ใช่แค่ของตนเอง แต่รวมไปถึงคะแนนนิยมของตัวแคนดิเดตนายกฯ คนอื่นๆ ที่อยู่ในโพลเพิ่มขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน เพราะขาดความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลปัจจุบัน

เมื่อถามว่า จะส่งผลต่อเสียงในสนามเลือกตั้งครั้งหน้าด้วยหรือไม่ นายณัฐพงษ์มองว่า ผลโพลมีขึ้นมีลงตลอด ก่อนถึงสนามเลือกตั้งครั้งหน้า เชื่อว่าการสื่อสารและการปฏิบัติตัวอยู่บนหลักการ รวมถึงการนำเสนอสิ่งต่างๆ ที่เป็นทางออกในการแก้ปัญหา และประโยชน์สูงสุดของประชาชน จะนำไปสู่ชัยชนะในการเลือกตั้งในอนาคต แต่ตั้งแต่วันนี้จนถึงการเลือกตั้ง ผลโพลต่างๆ ไม่ว่าจะของใครที่ขึ้น ถ้าเราละทิ้งหลักการของเรา แล้วเลือกสื่อสารหรือชี้นำสังคมไปในทางใดทางหนึ่ง ที่เอาผลประโยชน์ระยะสั้นของตัวเองเป็นหลัก ก็เชื่อเพราะว่าประชาชนมองออก และไม่ได้หมายความว่า ผลโพลในวันนี้จะนำไปสู่ชัยชนะในการเลือกตั้งในอนาคต

เมื่อถามถึงกรณีที่ชื่อ พล.อ.ประยุทธ์กลับมาได้รับความนิยมอีกครั้งตามผลโพล เป็นสิ่งสะท้อนสถานการณ์การเมืองไทยที่เกิดขึ้นในขณะนี้หรือไม่ นายณัฐพงษ์ระบุว่า การสำรวจผลโพลที่ผ่านมาไม่ได้มีชื่อของ พล.อ.ประยุทธ์อยู่ในโพล แต่ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันที่เป็นอยู่ คะแนนความนิยมของตัวนายกฯ ที่ตกลง สะท้อนถึงความไม่เชื่อมั่นของประชาชนส่วนหนึ่ง ที่จะนำมาสู่การอยากเลือกนายกฯ ที่เข้มแข็งที่มาจากฝ่ายทหาร ซึ่งเราก็ต้องสื่อสารกับประชาชนทุกกลุ่ม ว่าสิ่งหนึ่งที่เราไม่อยากเห็นคือ นายกฯ ที่เคยทำรัฐประหารมาเสียเอง รวมถึงการใช้การเมืองนอกระบบ ฉะนั้นในสถานการณ์หัวเลี้ยวหัวต่อแบบนี้ จึงอยากเรียกร้องให้ทุกฝ่ายยึดมั่นอยู่บนหลักการ ต้องปฏิเสธการปฏิวัติรัฐประหารให้หนักแน่นที่สุด ไม่ควรเปิดช่อง

ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล นายสนธิญา สวัสดี ในฐานะนักร้องเรียนทางการเมือง ได้มายื่นหนังสือถึงนายกฯ เรียกร้องให้ปลดนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ และ รมว.พลังงาน เนื่องจากมีคุณสมบัติขัดรัฐธรรมนูญใน 2 ประเด็น คือ 1.พบหลักฐานว่าบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนเอ็มเอฟซี จำกัด (MFC) ที่ภรรยาของนายพีระพันธุ์ได้โอนหุ้นของบริษัทที่ถือหุ้นอยู่ไปให้ถือหุ้นแทน แต่ต่อมาบริษัทเอ็มเอฟซีได้แจ้งยกเลิกการโอนหุ้นเมื่อวันที่ 28 พ.ค. 68 หลังจากภรรยาได้โอนหุ้นให้บริษัทเอ็มเอฟซี ตั้งแต่วันที่ 4 ก.ค. 2567 และ 2.นายพีระพันธุ์ยังถือหุ้น และเป็นกรรมการในบริษัทที่ประกอบด้วยคุณแม่ของนายพีระพันธุ์อยู่ด้วย

โดยหากไม่ดำเนินการในวันที่ 4 ก.ค.นี้ จะนำเรื่องดังกล่าวไปถวายฎีกาต่อองคมนตรี ตามมาตรา 10 ของรัฐธรรมนูญต่อไป.