สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ วันที่ 4 ส.ค. 68
1. สรุปสถานการณ์น้ำ และปริมาณฝนสะสม 24 ชม. สูงสุด ได้แก่ ภาคเหนือ : จ.น่าน (41 มม.) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : จ.มุกดาหาร (52 มม.) ภาคตะวันตก : จ.ประจวบคีรีขันธ์ (29 มม.) ภาคกลาง : จ.นครปฐม (20 มม.) ภาคตะวันออก : จ.สระแก้ว (33 มม.) ภาคใต้ : จ.นครศรีธรรมราช (67 มม.)
สภาพอากาศวันนี้ : มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังอ่อนยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ในขณะที่มีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนน้อย
คาดการณ์ : ในช่วงวันที่ 5 -8 ส.ค. 68 ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่งส่วนมากทางตอนบนของภาค เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือ ประเทศลาวตอนบนเข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย
2. สถานการณ์น้ำอ่างเก็บน้ำในภาพรวม : ปริมาณน้ำรวม 65% ของความจุเก็บกัก (52,285ล้าน ลบ.ม.) ปริมาณน้ำใช้การ 48% (28,167 ล้าน ลบ.ม.)
3. พื้นที่ประสบอุทกภัย : สถานการณ์อุทกภัย วันที่ 3 ส.ค. 68 ในพื้นที่ 4 จ. 8 อ. ได้แก่ จ.เชียงราย (อ. เชียงของ และขุนตาล) จ.น่าน (อ.เวียงสา) จ.สุโขทัย (อ.เมืองสุโขทัย ศรีสำโรง สวรรคโลก และศรีนคร) และ จ.พิษณุโลก (อ.บางระกำ)
4.ข่าวประชาสัมพันธ์ : วานนี้ (3 สิงหาคม 2568) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะประธานกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำในพื้นที่จังหวัดสุโขทัย ล่าสุดแม้ว่าบางจุดของแม่น้ำยมยังคงมีปริมาณน้ำมาก แต่ระดับน้ำทุกจุดลดต่ำกว่าตลิ่งและมีแนวโน้มลดลงอีกอย่างต่อเนื่อง โดยกรมชลประทานเร่งดำเนินการตามข้อสั่งการในการซ่อมแซมคันที่ชำรุดเสียหายในคลองยม-น่าน บริเวณอำเภอสวรรคโลกและอำเภอศรีนคร ขณะนี้ได้ซ่อมแซมคันคลองมะพลับเสร็จเรียบร้อยแล้ว และอยู่ในระหว่างเร่งรัดซ่อมแซมคันคลองหนองปักกระทุ่ม คาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 1-2 วัน ทั้งนี้ หากดำเนินการแล้วเสร็จในทุกจุด จะเร่งติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพื่อระบายน้ำที่ท่วมขังในพื้นที่การเกษตรลงสู่แม่น้ำและลำน้ำต่าง ๆ ซึ่งปัจจุบันมีศักยภาพรองรับปริมาณน้ำที่จะระบายลงไปเพิ่มเติมได้ โดยคาดว่าจะใช้เวลาในการสูบระบายน้ำประมาณ 5-7 วัน เพื่อลดความเสียหายต่อผลผลิตทางการเกษตรของพี่น้องประชาชน
ในส่วนของเขื่อนสิริกิติ์ซึ่งได้มีการปรับเพิ่มการระบายน้ำในอัตรา 40 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ต่อวัน จะคงอัตราดังกล่าวจนถึงวันที่ 10 สิงหาคม 2568 โดยขอยืนยันว่าการระบายน้ำจะไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ท้ายน้ำและตัวเขื่อนยังคงมีความมั่นคงแข็งแรง ขณะเดียวกัน เขื่อนเจ้าพระยาได้ปรับลดอัตราการระบายน้ำลงเหลือ 1,000 ลบ.ม. ต่อวินาที เพื่อลดผลกระทบต่อพื้นที่ลุ่มต่ำท้ายเขื่อน แม้ว่าจะมีปริมาณน้ำจากเขื่อนสิริกิติ์ไหลลงมาสมทบเพิ่มเติมในระยะนี้
อย่างไรก็ตาม ได้สั่งการให้มีการติดตามประเมินสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้สามารถปรับแผนการระบายน้ำให้สอดคล้องกับแต่ละช่วงเวลาได้อย่างทันที เพื่อป้องกันผลกระทบต่อประชาชนทั้งในพื้นที่เหนือน้ำและท้ายน้ำให้ได้มากที่สุด ด้วยความห่วงใยจากรัฐบาล
5. การให้ความช่วยเหลือ : กองทัพบก ได้จัดกำลังพลเข้าดำเนินการขนย้ายสิ่งของและอุปกรณ์ต่าง ๆ พร้อมทั้งล้างทำความสะอาดดินโคลนออกจากบ้านเรือนของประชาชนและโรงเรียน ในพื้นที่ อ.ภูเพียง ท่าวังผา และเมืองน่าน จ.น่าน เพื่อฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ให้สามารถกลับมาใช้สถานที่ได้ตามปกติ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ วันที่ 3 ส.ค. 68