OPEC+ เพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันอีกครั้ง หวังแย่งคืนส่วนแบ่งตลาดท่ามกลางแรงกดดันจากวิกฤตรัสเซีย
กลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมัน OPEC+ ได้มีมติเมื่อวันอาทิตย์ที่ 3 สิงหาคม 2568 ให้ปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันอีก 547,000 บาร์เรลต่อวันในเดือนกันยายน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์การเพิ่มกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่องเพื่อเรียกคืนส่วนแบ่งตลาดที่สูญเสียไป ทั้งนี้ ความกังวลเกี่ยวกับอุปทานน้ำมันจากรัสเซียที่อาจหยุดชะงักยังคงเป็นปัจจัยกดดันสำคัญต่อตลาดพลังงานโลก
การตัดสินใจดังกล่าวถือเป็นการพลิกกลับนโยบายก่อนกำหนด จากมาตรการลดกำลังการผลิตครั้งใหญ่ที่สุดของกลุ่ม โดยปริมาณที่เพิ่มขึ้นนี้รวมถึงกำลังการผลิตเพิ่มเติมจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ทำให้ปริมาณการผลิตรวมเพิ่มขึ้นราว 2.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งคิดเป็นประมาณ 2.4% ของอุปสงค์น้ำมันทั่วโลก
การประชุมออนไลน์ฉุกเฉินซึ่งประกอบด้วยสมาชิก OPEC+ 8 ประเทศ จัดขึ้นท่ามกลางแรงกดดันจากสหรัฐอเมริกา ที่ต้องการให้อินเดียยุติการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย เพื่อบีบให้รัสเซียเข้าสู่กระบวนการเจรจาสันติภาพกับยูเครน ทั้งนี้ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ได้แสดงเจตจำนงที่ต้องการเห็นความคืบหน้าภายในวันศุกร์ที่ 8 สิงหาคม 2568
ภายหลังการประชุม กลุ่ม OPEC+ ได้ออกแถลงการณ์ระบุว่า เศรษฐกิจโลกที่แข็งแกร่งและระดับคลังน้ำมันที่อยู่ในระดับต่ำ เป็นปัจจัยสำคัญเบื้องหลังการตัดสินใจครั้งนี้ แม้ว่า OPEC+ จะมีการเพิ่มกำลังการผลิต แต่ราคาน้ำมันยังคงรักษาระดับสูงไว้ได้ โดยราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปิดตลาดใกล้ระดับ 70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งเพิ่มขึ้นจากจุดต่ำสุดในปี 2025 ที่ราว 58 ดอลลาร์ในเดือนเมษายน โดยได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ในช่วงฤดูร้อน ขณะที่ราคาน้ำมันดิบสหรัฐฯ ปรับลดลงเล็กน้อยราว 2 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ก่อนที่ข่าวการเพิ่มกำลังการผลิตจะได้รับการเผยแพร่
สมาชิกทั้ง 8 ประเทศของ OPEC+ มีกำหนดจะจัดการประชุมอีกครั้งในวันที่ 7 กันยายน และมีแนวโน้มที่จะพิจารณายกเลิกมาตรการลดกำลังการผลิตเพิ่มเติมอีก 1.65 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นมาตรการที่มีผลบังคับใช้ไปจนถึงสิ้นปี 2026
อนึ่ง กลุ่ม OPEC+ ประกอบด้วยประเทศผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่ม OPEC จำนวน 10 ประเทศ โดยมีรัสเซียและคาซัคสถานเป็นประเทศผู้ผลิตหลัก และมีสัดส่วนการผลิตน้ำมันรวมกันเกือบครึ่งหนึ่งของกำลังการผลิตทั่วโลก ย้อนไปก่อนหน้านี้ OPEC+ เคยลดกำลังการผลิตเพื่อประคองราคาน้ำมัน แต่ได้เปลี่ยนแปลงนโยบายหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้เรียกร้องให้เพิ่มกำลังการผลิตเพื่อลดราคาพลังงาน
ตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา OPEC+ ได้ทยอยเพิ่มกำลังการผลิต โดยเริ่มจาก 138,000 บาร์เรลในเดือนแรก ตามด้วย 411,000 บาร์เรลในเดือนพฤษภาคมถึงกรกฎาคม และอีก 548,000 บาร์เรลในเดือนสิงหาคม และล่าสุดอีก 547,000 บาร์เรลในเดือนกันยายน
จิโอวานนี สเตานูโว (Giovanni Staunovo) จาก UBS ให้ความเห็นว่าตลาดสามารถรองรับปริมาณน้ำมันที่เพิ่มขึ้นได้เป็นอย่างดี ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการที่จีนมีการกักตุนน้ำมัน และเสริมว่าทุกสายตากำลังจับจ้องไปที่การตัดสินใจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เกี่ยวกับรัสเซียในวันศุกร์ที่ 8 สิงหาคม 2568
แม้จะมีการยกเลิกมาตรการลดกำลังการผลิตจากสมาชิก 8 ประเทศแล้ว OPEC+ ยังคงมีแผนลดกำลังการผลิตอีก 2 ล้านบาร์เรลต่อวันทั่วทั้งกลุ่ม ซึ่งจะสิ้นสุดในปี 2026
จอร์จ เลออน (Jorge Leon) จาก Rystad Energy และอดีตเจ้าหน้าที่ OPEC ให้ทัศนะว่ากลุ่ม OPEC+ ประสบความสำเร็จในการทดสอบด่านแรก เนื่องจากสามารถยกเลิกมาตรการลดกำลังการผลิตครั้งใหญ่ที่สุดได้โดยไม่ก่อให้เกิดภาวะราคาน้ำมันตกต่ำ
อย่างไรก็ตาม “โจทย์ต่อไปจะยากยิ่งกว่า คือการตัดสินใจว่าจะปลดล็อกปริมาณอีก 1.66 ล้านบาร์เรลเมื่อไร ท่ามกลางความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์และการรักษาความเป็นเอกภาพของกลุ่ม” จอร์จ กล่าวย้ำ
อ้างอิง: