กองทัพบกยันดูแล18ทหารกัมพูชาในฐานะเชลยศึกตามอนุสัญญาเจนีวา
กองทัพบก (ทบ.) ชี้แจงกรณีที่ทหารกัมพูชา 20 นายยอมจำนนหลังเหตุปะทะที่ จ.ศรีสะเกษ เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2568 โดยยืนยันว่าการให้สถานะ "เชลยศึก" กับทหารเหล่านี้ ไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อการประณาม แต่เป็นการปฏิบัติตาม อนุสัญญาเจนีวา ค.ศ.1949 ซึ่งทั้งประเทศไทยและกัมพูชาเป็นภาคี
พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่าหลังเกิดเหตุปะทะ ทหารกัมพูชา 20 นายได้ยอมจำนนต่อทหารไทย ซึ่งกองทัพบกได้ปลดอาวุธและควบคุมตัวตามหลักสากล
เพื่อแก้ไขข้อมูลที่คลาดเคลื่อน กองทัพบกจึงชี้แจงว่า สถานะ "เชลยศึก" ตามอนุสัญญาเจนีวาเป็นกลไกทางกฎหมายที่รับรองสิทธิพื้นฐานของบุคคลในสถานการณ์ความขัดแย้ง โดยมีเป้าหมายเพื่อคุ้มครองทหารที่ถูกควบคุมตัวจากการถูกทำร้าย การทรมาน และการปฏิบัติที่ไม่เหมาะสม รวมถึงการจัดหาอาหาร น้ำ ที่พัก และการรักษาพยาบาลอย่างมีมนุษยธรรม
นอกจากนี้ รองโฆษก ทบ. ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า สถานะเชลยศึกจะเกิดขึ้นเมื่อทั้งสองฝ่ายอยู่ในสภาวะความขัดแย้งด้วยอาวุธ และผู้ที่ถูกควบคุมตัวเป็นกำลังพลของอีกฝ่าย
ส่งทหารกัมพูชาที่บาดเจ็บกลับประเทศแล้ว 2 นาย เตรียมส่งที่เหลือ 18 นายกลับหลังสถานการณ์คลี่คลาย
กองทัพบกได้เคลื่อนย้ายเชลยศึกทั้งหมดไปยังพื้นที่ปลอดภัย และดูแลตามหลักสิทธิมนุษยชนอย่างเต็มที่
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2568 ทบ. ได้ส่งทหารกัมพูชาที่ได้รับบาดเจ็บและได้รับการรักษาจนปลอดภัยแล้ว 2 นาย กลับประเทศผ่านจุดผ่านแดนถาวรช่องจอม จ.สุรินทร์ ส่วนเชลยศึกที่เหลืออีก 18 นาย ยังคงอยู่ในการควบคุมของไทย และจะถูกส่งกลับประเทศก็ต่อเมื่อสถานการณ์ความขัดแย้งด้วยอาวุธยุติลงโดยสมบูรณ์ตามข้อกำหนดของอนุสัญญาเจนีวา
กองทัพบกยืนยันว่าจะยังคงยึดมั่นในหลักการสิทธิมนุษยชนและกฎหมายระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัด พร้อมทั้งปฏิบัติต่อกำลังพลและผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์สู้รบด้วยความเคารพในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์