'ไทยยูเนี่ยน' ปักหมุดฟาร์มกุ้งคาร์บอนต่ำ โมเดลยั่งยืนด้วย Blue Finance
“เราไม่ได้พูดถึงแค่การเปลี่ยนแปลง แต่เรากำลังสร้างระบบนิเวศที่เอื้อให้การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นได้จริง” — ยงยุทธ เสฏฐวิวรรธน์, ไทยยูเนี่ยน
อุตสาหกรรมกุ้งไทยสู่จุดเปลี่ยน เมื่อความยั่งยืนกลายเป็นหัวใจของความสามารถทางการแข่งขัน
อุตสาหกรรมเพาะเลี้ยงกุ้งถือเป็นหนึ่งในหัวใจหลักของเศรษฐกิจอาหารทะเลไทย ซึ่งมีมูลค่าการส่งออกสูงและมีห่วงโซ่อุปทานที่กว้างขวางครอบคลุมเกษตรกรรายย่อยจำนวนมาก ทว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ความท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ มาตรฐานสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวดขึ้นของประเทศคู่ค้า และความกังวลของผู้บริโภคต่อ "คาร์บอนฟุตพริ้นท์ (Carbon Footprint)" ของผลิตภัณฑ์ ได้ผลักดันให้อุตสาหกรรมต้องปรับตัวอย่างจริงจัง
ภายใต้บริบทดังกล่าว บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้เล่นหลักระดับโลกในอุตสาหกรรมอาหารทะเล ได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำการเปลี่ยนผ่านอุตสาหกรรมกุ้งของไทยสู่ความยั่งยืน โดยใช้กลไกทางการเงินรูปแบบใหม่ที่เรียกว่า Blue Finance มาสนับสนุนโครงการเพาะเลี้ยงกุ้งคาร์บอนต่ำในระดับประเทศ
'Blue Finance' จากทฤษฎีสู่เครื่องมือขับเคลื่อนเศรษฐกิจสีน้ำเงิน
Blue Finance หรือการเงินเพื่อมหาสมุทร (Ocean-focused Sustainable Finance) คือรูปแบบการจัดหาเงินทุนที่มุ่งเน้นการสนับสนุนกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องกับทะเลและทรัพยากรทางน้ำ โดยเน้นผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม สังคม และเศรษฐกิจในระยะยาว ปัจจุบัน Blue Finance กลายเป็นหนึ่งในกลไกทางการเงินที่ได้รับความสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆ บนเวทีโลก โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่พึ่งพาทรัพยากรธรรมชาติ เช่น การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ
ภายในงาน UN Global Compact NetworkThailand หรือ GCNT Expo 2025 งานเสวนาภายใต้หัวข้อ ‘Blue Financing and Aquaculture: Empowering the Sustainability Transition เจาะลึกโอกาสและกลไกความร่วมมือ เพื่อเปลี่ยนผ่านอุตสาหกรรมเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำสู่ความยั่งยืน’ โดยผู้เชี่ยวชาญจากภาครัฐ สถาบันการเงิน ผู้ประกอบการ และตัวแทนเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้ง ได้ร่วมหารือถึงแนวทางการเข้าถึงแหล่งเงินทุนและองค์ความรู้ ตลอดจนการนำนวัตกรรมมาช่วยให้เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งสามารถลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม พร้อมสร้างการเติบโตให้อุตสาหกรรมอาหารทะเลในระยะยาว
ไทยยูเนี่ยนได้แสดงจุดยืนและวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนในการนำ Blue Finance มาเป็นกลไกหลักในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากฟาร์มกุ้ง
โดยหนึ่งในไฮไลต์ของงานเสวนาคือผลลัพธ์ของโครงการ Shrimp Decarbonization Project ซึ่งไทยยูเนี่ยนนำร่องร่วมกับพันธมิตรระดับโลกอย่าง The Nature Conservancy (TNC), Ahold Delhaize USA และ Whole Foods Market โดยมีแบรนด์ Chicken of the Sea เป็นปลายทางของผลิตภัณฑ์
ฟาร์มกุ้งที่เข้าร่วมโครงการสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้จริงจากการ ใช้พลังงานหมุนเวียน เช่น แผงโซลาร์เซลล์, เพิ่มประสิทธิภาพการให้อาหารและการจัดการน้ำในบ่อ, และ ใช้เทคโนโลยีเพื่อติดตามและควบคุมกระบวนการเลี้ยง ที่สำคัญคือ ผลิตภัณฑ์กุ้งจากโครงการนี้สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม
อนาคตของฟาร์มกุ้งไทย จาก Net Zero สู่ Blue Economy
นายยงยุทธ เสฏฐวิวรรธน์ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายการบริหารการเงินกลุ่มและศูนย์บริการร่วมทางการเงิน บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า "ไทยยูเนี่ยนมีเป้าหมายจัดหาเงินทุนที่เชื่อมโยงกับการดำเนินงานด้านความยั่งยืนให้ได้ 75 เปอร์เซ็นต์ของการจัดหาเงินทุนระยะยาวภายในปี 2568 และเราเชื่อว่า Blue Finance อันหมายถึงกลไกทางการเงินเพื่อสนับสนุนโครงการที่สร้างความยั่งยืนให้กับท้องทะเล จะเป็นหนึ่งในกุญแจสำคัญที่ช่วยปลดล็อกทรัพยากรที่จำเป็นสำหรับทุกภาคส่วน เพื่อขับเคลื่อนการนำองค์ความรู้ นวัตกรรม และเทคโนโลยีมาใช้สร้างความยั่งยืนตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรม และส่งเสริมการเติบโตของเศรษฐกิจสีน้ำเงินหรือ Blue Economy”
เกษตรกรคือหัวใจของความสำเร็จ โอกาสใหม่จากการเข้าถึงทุนและเทคโนโลยี
โครงการนี้ไม่เพียงแต่สร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบายระดับองค์กรหรือระดับโลก แต่ยังส่งผลเชิงบวกในระดับเกษตรกรโดยตรง ดังคำกล่าวของ นายพลชาติ เหลืองนฤมิตชัย เจ้าของฟาร์ม “อนันต์ฟาร์ม” ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงหลังเข้าร่วมโครงการ
“ก่อนเข้าร่วมโครงการ ผมไม่เคยเข้าถึงแหล่งเงินทุนหรือเทคโนโลยีที่จำเป็นในการลดการปล่อยคาร์บอนเลย แต่เมื่อได้ร่วมมือกับไทยยูเนี่ยน ผมได้ทั้งความรู้ แรงสนับสนุน และโอกาสในการขยายตลาดกุ้งไปยังต่างประเทศที่ต้องการสินค้าคุณภาพและยั่งยืนมากขึ้น”
นี่คือมิติสำคัญของ Blue Finance ที่ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ระดับมหภาค แต่ยังช่วยลดความเหลื่อมล้ำด้านการเข้าถึงทรัพยากรของเกษตรกรรายย่อย และสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนจากฐานรากของอุตสาหกรรม
ความร่วมมือคือคำตอบ รัฐ-เอกชน-การเงินต้องเดินไปด้วยกัน
การขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านอุตสาหกรรมไม่สามารถสำเร็จได้ด้วยองค์กรใดองค์กรหนึ่ง การรวมพลังของภาครัฐ เช่น กรมประมง ที่มีนโยบายสนับสนุนการลดการปล่อยคาร์บอนในฟาร์ม ร่วมกับ สถาบันการเงินอย่างธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) ที่เสนอเครื่องมือทางการเงินที่มีความยืดหยุ่น และภาคธุรกิจอย่างไทยยูเนี่ยน จึงเป็นโมเดลความร่วมมือที่มีพลัง
นางสาวฝนทิพย์ ยุทธเสรี จาก ADB ชี้ว่า “Blue Finance มีศักยภาพที่จะพลิกโฉมแนวปฏิบัติสำหรับอุตสาหกรรมที่พึ่งพิงทรัพยากรทางทะเล การจัดสรรเงินทุนที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและสังคม และสอดคล้องกับมาตรฐานสากล จะช่วยให้เกษตรกรสามารถพัฒนาแนวทางการดำเนินงานในแบบที่เป็นประโยชน์ต่อทั้งเกษตรกร ธุรกิจสังคม สิ่งแวดล้อม รวมทั้งความหลากหลายทางชีวภาพได้ดียิ่งขึ้น”
ทั้งนี้ การใช้ Blue Finance โดยไทยยูเนี่ยนไม่ได้เป็นเพียงแค่กรณีศึกษา แต่คือ "ต้นแบบของการออกแบบโมเดลธุรกิจใหม่" ที่ยึดโยงกับเป้าหมายโลก ยั่งยืนได้จริง และสร้างแรงบันดาลใจให้กับทุกภาคส่วน
“เราไม่ได้พูดถึงแค่การเปลี่ยนแปลง แต่เรากำลังสร้างระบบนิเวศที่เอื้อให้การเปลี่ยนแปลงสู่ความยั่งยืนนี้เกิดขึ้นได้จริง นี่คือโอกาสที่ประเทศไทยจะก้าวไปเป็นผู้นำ แต่ความสำเร็จจะเกิดขึ้นได้ ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นเกษตรกร สถาบันการเงิน หน่วยงานกำกับดูแล หรือแม้แต่นักวิจัย เพื่อให้เราสามารถต่อยอดความสำเร็จของโครงการนี้ และขยายผลไปสู่ฟาร์มกุ้งอีกนับร้อยนับพันแห่ง และเป็นต้นแบบที่ประเทศอื่นๆ ทั่วโลกสามารถนำไปปรับใช้ได้” นายยงยุทธ กล่าวทิ้งท้าย