‘สุริยะ’ เปิดเดินเครื่องหัวเจาะรถไฟฟ้าสีม่วงใต้สัญญา 3 ช่วงผ่านฟ้าฯ-สะพานพุทธ อุโมงค์ลอดแม่น้ำเจ้าพระยา เผยความคืบหน้างานโยธา 59.49% เร็วกว่าแผน
BTimes
อัพเดต 4 สิงหาคม 2568 เวลา 23.04 น. • เผยแพร่ 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา • อัพเดตข่าวหุ้น ธุรกิจ การเงิน การลงทุน การตลาด การค้า สุขภาพ กับ บัญชา ชุมชัยเวทย์ - BTimes.Bizนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงภายหลังเป็นประธานในพิธีเริ่มเดินเครื่องหัวเจาะอุโมงค์ โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ (วงแหวน กาญจนาภิเษก) สัญญาที่ 3 ช่วงผ่านฟ้าฯ-สะพานพุทธ ว่า สัญญาที่ 3 จะมีการเจาะอุโมงค์ลอดใต้แม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณสะพานพระปกเกล้า ซึ่งถือเป็นอุโมงค์ลอดใต้แม่น้ำเจ้าพระยาแห่งที่ 2 ของประเทศไทย (แห่งแรกคือ อุโมงค์รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน) ปัจจุบันการก่อสร้างงานโยธาคืบหน้า 59.49% เร็วกว่าแผนที่ตั้งเป้าไว้ 51.52% สำหรับขั้นตอนการขุดเจาะอุโมงค์คาดจะแล้วเสร็จภายในพฤษภาคม 2569 ทั้งนี้ ในปี 2571 จะเปิดให้ประชาชนใช้บริการช่วงเตาปูน-หอสมุดแห่งชาติ และเปิดให้บริการตลอดสายภายในปี 2573
ทั้งนี้ เส้นทางรถไฟฟ้าสีม่วงจะรองรับการเดินทางจากนนทบุรีเข้าสู่ กทม.และไปถึงสมุทรปราการ ซึ่งเมื่อแล้วเสร็จคาดการณ์ว่าจะมีผู้โดยสารประมาณ 150,000 คนต่อวัน และจากนโยบายค่าโดยสารไม่เกิน 20 บาทตลอดสาย คาดว่าจะทำให้มีประชาชนใช้บริการสายสีม่วงเพิ่มมากกว่า 250,000 คนต่อวัน
สำหรับแผนแม่บทรถไฟฟ้าเริ่มต้น 7 สาย เป็น 14 สาย ซึ่งได้เน้นย้ำให้กรมการขนส่งทางราง (ขร.) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง รวมถึง ผู้รับจ้าง ต้องปฏิบัติตามมาตรการความปลอดภัยในงานก่อสร้างอย่างเคร่งครัด และจัดการจราจรระหว่างการก่อสร้างให้เหมาะสม เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางให้แก่ผู้ใช้รถใช้ถนน ดำเนินมาตรการรับมือในช่วงฤดูฝนไม่ให้เกิดน้ำท่วมขังในพื้นที่ก่อสร้าง ควบคู่กับการดำเนินงานตามมาตรการลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม คุณภาพอากาศ และฝุ่นละอองในระหว่างการก่อสร้างอย่างเคร่งครัดต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดความปลอดภัยและความมั่นใจแก่ประชาชนในทุกด้าน
นายกาจผจญ อุดมธรรมภักดี ผู้ว่าการ รฟม. กล่าวว่า การก่อสร้างงานโยธาโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ (วงแหวนกาญจนาภิเษก) มีความก้าวหน้าในภาพรวม ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2568 อยู่ที่ 59.49% เร็วจากแผนงานที่กำหนด 51.52% สำหรับการก่อสร้างอุโมงค์ทางวิ่งใต้ดินของสัญญาที่ 3 ช่วงผ่านฟ้าฯ-สะพานพุทธ มีการนำเทคโนโลยีหัวขุดเจาะอุโมงค์สมดุลแรงดันดิน (Earth Pressure Balance) มาใช้ ซึ่งเป็นระบบที่เหมาะกับสภาพชั้นดินอ่อนในเขตกรุงเทพมหานคร โดยจะใช้หัวขุดเจาะอุโมงค์ทั้งสิ้น 2 หัว เริ่มต้นจากสถานีสะพานพุทธ ไปยังสถานีสามยอด และสิ้นสุดที่สถานีอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย บริเวณแยกผ่านฟ้าฯ เพื่อบรรจบกับสัญญาที่ 2 รวมระยะทางการขุดเจาะประมาณ 2.8 กิโลเมตร ซึ่งหัวเจาะที่ 2 จะเริ่มดำเนินการใน พ.ย. 2568
จุดเด่นของสัญญาที่ 3 คือการขุดเจาะอุโมงค์ลอดใต้แม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณสะพานพระปกเกล้า ซึ่งนับเป็นอุโมงค์รถไฟฟ้าใต้ดินที่ลอดใต้แม่น้ำเจ้าพระยาแห่งที่ 2 ของประเทศไทย มีลักษณะเป็นอุโมงค์คู่ ก่อสร้างอยู่ในชั้นดินใต้ท้องแม่น้ำ มีความยาวอุโมงค์ 220 เมตร และลึก 42.3 เมตร จากผิวน้ำ โดยหัวเจาะมีสมรรถนะการขุดเจาะเฉลี่ยวันละ 10-15 เมตร หรือเฉลี่ย 350 เมตรต่อเดือน ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณเดือนพฤษภาคม 2569
สัญญาที่ 3 ช่วงผ่านฟ้าฯ-สะพานพุทธ มี กิจการร่วมค้า ไอทีดี-เอ็นดับเบิ้ลยูอาร์ เอ็มอาร์ที ซึ่งเป็นกิจการร่วมค้าระหว่าง บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ ITD กับบริษัท เนาวรัตน์พัฒนาการ จำกัด (มหาชน) หรือ NWR เป็นผู้รับจ้างงานออกแบบและก่อสร้างอุโมงค์ทางวิ่ง และสถานีใต้ดิน ได้แก่ สถานีสามยอด สถานีสะพานพุทธฯ และอาคารปล่องระบายอากาศ 3 แห่ง ในวงเงิน 15,109 ล้านบาท (รวมค่า Provisional Sum และภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%)
จากนโยบายที่ต้องการเร่งรัดเปิดเดินรถสายสีม่วงใต้ ปี 2571 จำนวน 4 สถานีก่อน ตั้งแต่สถานีเตาปูน-หอสมุดแห่งชาติ ซึ่งจะเชื่อมต่อกับสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-เตาปูน ที่สถานีเตาปูนได้สะดวก ซึ่งจากการปรับปรุงรายงานการศึกษาวิเคราะห์โครงการ ตามพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 (PPP) ซึ่งรวมถึงการวิเคราะห์กรณีอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ตามนโยบายของรัฐบาลแล้ว ผลศึกษาเสนอให้ใช้รูปแบบการลงทุน PPP Gross Cost เป็นการจ้างเอกชนเดินรถ โดยใช้วิธีคัดเลือก ไม่เปิดประกวดราคาทั่วไป โดยเป็นการเจรจากับผู้ให้บริการรายเดิม คือ บริษัท รถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ซึ่งรฟม.จ้างเดินรถสายสีม่วงเหนือ ช่วงบางใหญ่-เตาปูน
ทั้งนี้ เนื่องจากมีข้อจำกัดทางเทคนิค ได้แก่ การใช้ศูนย์ซ่อมบำรุงรถไฟฟ้า คลองบางไผ่ ซึ่งจะมีผลทำให้การเปิดประมูลทั่วไปอาจจะเกิดความไม่เท่าเทียมกันในการยื่นข้อเสนอของเอกชน รวมถึงให้การเดินรถต่อเนื่องเป็นโครงข่ายเดียวกัน และการจ้างเอกชนเนื่องจากมีความเชี่ยวชาญในการให้บริการ ซึ่งรูปแบบนี้จะสอดคล้องกับนโยบายค่าโดยสารราคาเดียวมากกว่า ภายใน 1-2 เดือนคาดว่าจะเสนอคณะกรรมการ (บอร์ด) รฟม.พิจารณาเห็นชอบแนวทาง และเสนอกระทรวงคมนาคม เพื่อเสนอคณะกรรมการ PPP คาดได้ข้อสรุปผลการเจรจาเอกชนในปี 2569