โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

บลจ.กสิกรไทยโตสวนตลาด ดึงเงินใหม่ครึ่งปีแรกกว่า 8 หมื่นล้านบาท

ฐานเศรษฐกิจ

อัพเดต 9 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

นายวิน พรหมแพทย์ CFA, ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์(บลจ.) กสิกรไทย จำกัดหรือ KASSET เปิดเผยว่า ภาพรวมเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและการลงทุนผันผวนที่ผันผวนในปีนี้ ทำให้ภาพรวมอุตสาหกรรมกองทุนรวมมีเม็ดเงินลงทุนใหม่เติบโตขึ้นเพียง 1% กว่าหรือประมาณ 1.5 แสนล้านบาท

อย่างไรก็ตามในจำนวนเม็ดเงินลงทุนดังกล่าว มีเงินลงทุนใหม่ไหลเข้ามาที่บลจ.กสิกรไทยกว่า ครึ่งหนึ่งหรือประมาณ 8 หมื่นล้านบาท ส่งผลให้ผลการดำเนินงานของบลจ.กสิกรไทยในครึ่งแรกปี 2568 เติบโตถึง 7% มากกว่าการเติบโตของตลาดรวม

“เราทำงานร่วมกับธนาคาร กสิกรไทย ซึ่งมีฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งมาก ร่วมกันแนะนำการลงทุนให้กับลูกค้าได้อย่างเหมาะสมตั้งแต่ต้นปี ทั้งการลงทุนในกองทุนตราสารหนี้และกองทุนผสม ซึ่งถือว่า ถูกที่ถูกเวลา”

ดังนั้น เมื่อเจอเรื่องภาษีทรัมป์ ทำให้ไม่ได้รับผลกระทบมาก ในขณะที่ผลตอบแทนของตลาดรวมติดลบกว่า 20% แต่ผลตอบแทนกองทุนตราสารหนี้ของบลจ.กสิกรไทยยังเป็นบวก ขณะที่กองทุนผสมติดลบมากสุดคือ 3% แสดงว่า บริษัทสามารถพาลูกค้าฝ่าคลื่นลมแย่ๆ ออกมาได้

ส่วนทิศทางครึ่งปีหลัง ในแง่ภาพรวมของอุตสาหกรรมประเมินยากมากว่า จะเติบโตได้ในอัตราไหน เพราะยังมีความไม่แน่นอนสูง ทั้งปัญหาเศรษฐกิจและการเมือง แต่ยังคงแนะนำลงทุนกองตราสารหนี้ไทยและต่างประเทศ

“ถ้าเป็นกองทุนหุ้น แนะนำ K-GPIN ซึ่งเป็น Global Equity Fund ที่จะช่วยฝ่าด่านคลื่นลมเศรษฐกิจไปให้ได้ เหมาะกับตลาดหุ้นที่มีความผันผวนมากๆ โดยกองทุนนี้มีการลงทุน Option ไว้ด้วย”

อย่างไรก็ตาม สำหรับ บลจ.กสิกรไทย ยังยึดเป้าหมายเดิมที่จะผลักดันมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) แตะ 2 ล้านล้านบาทภายใน 3 ปี หรือปี 70 โดย ณ สิ้นเดือน มิ.ย.68 AUM อยู่ที่ 1.7 ล้านล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นธุรกิจกองทุนรวม 1.3 ล้านล้านบาท

สำหรับภาพรวมการลงทุนในตลาดหุ้นไทย นายวินกล่าวว่า หลังจากสหรัฐฯประกาศจัดเก็บภาษีตอบโต้กับในอัตรา 19% ซึ่งเกาะกลุ่มประเทศอาเซียน ซึ่งจากนี้ไปคงต้องรอดูนักลงทุนสถาบันว่าจะมีการปรับมุมมองเกี่ยวกับหุ้นไทยอย่างไรบ้าง หากนักลงทุนต่างชาติกลับเข้ามาซื้อหุ้นไทย ก็ไปต่อได้

ดังนั้นภาพระยะสั้นหรือรอบนี้ถ้าดัชนีไม่ลงไปต่ำกว่าจุดต่ำสุดเดิม (1,050 จุด) ถือว่าฟื้นตัว โดยแนะนำให้นักลงทุนปรับพอร์ตหุ้นไทยมาเป็นหุ้นปันผล ซึ่งมีกองทุน K-Value ที่เน้นหุ้นปันผลสูงที่มี 4 กลุ่มคือธนาคาร อสังหาริมทรัพย์ สื่อสาร และพลังงาน ที่คาดหวังจ่ายปันผล 5% และปีหน้า 6%

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก ฐานเศรษฐกิจ

"ธิรินทร์" ผอ.อคส. ชูวิสัยทัศน์ 3 ด้านโปร่งใส-ทันสมัย-สร้างกำไร ขับเคลื่อนองค์กร

37 นาทีที่แล้ว

กองทัพอากาศผนึก ปชช.! สแกนภัยโดรน พบเห็นแจ้งหน่วยงานเกี่ยวข้อง

40 นาทีที่แล้ว

โมเดลธุรกิจใหม่ที่กำลังเปลี่ยนโฉมอุตสาหกรรมบันเทิงโลก

44 นาทีที่แล้ว

ภาษีทรัมป์สะเทือนโลก ธุรกิจผวาปรับตัววุ่น บางประเทศรอด-หลายประเทศอ่วม

51 นาทีที่แล้ว

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความธุรกิจ-เศรษฐกิจอื่นๆ

อีกแล้ว! พรุ่งนี้ น้ำมันขึ้นราคา

สวพ.FM91

ชายสี่บะหมี่เกี๊ยวเชิดชูวีรชน มอบรถเข็นแก่ครอบครัวทหารกล้าผู้สละชีพเพื่อชาติ

SMART SME

พรุ่งนี้! (5 ส.ค.68) ปรับขึ้นราคาน้ำมันกลุ่มแก๊สโซฮอล์ 40 สต./ลิตร ส่วนกลุ่มดีเซลราคาคงเดิม มีผลเวลา 05.00 น.

JS100 - Post&Share

ราคาน้ำมันพรุ่งนี้ 5 ส.ค. 2568 อัปเดตราคาน้ำมันทุกชนิดล่าสุดลิตรละกี่บาท

Thairath Money

วิเคราะห์กลยุทธ์ OATSIDE ทำไมถึงขาย “นมโอ๊ต” ได้ถูกลง เข้าถึงคนทั่วไปในราคาลิตรละ 56 บาท

Thairath Money

เจาะลึก KTC “เคลียร์หนี้เกลี้ยง” จุดเริ่มวินัยการเงินที่ยั่งยืน

PostToday

จ้าง “BEM” ใช้ขบวนรถเดิมเดินรถต่อเนื่อง “สายม่วงใต้” ประเดิม 4 สถานีปี 71 ตลอดสายเลื่อนปี 73

เดลินิวส์

หุ้นปิดพุ่ง 11.07 จุดขึ้นมาดีกว่าคาดรีบาวด์ระยะสั้นตามภูมิภาค-หวัง Fund Flow ไหลเข้า

Manager Online

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...