จีนครองเกมแร่หายาก "เป่าโถว" รวยเศรษฐกิจ แต่สิ่งแวดล้อมพัง
ในวันที่เทคโนโลยีสมัยใหม่ ตั้งแต่สมาร์ทโฟน รถยนต์ไฟฟ้า ไปจนถึงอาวุธระดับสูง พึ่งพาแร่หายาก มากกว่าที่เคย โลกจึงหันมาจับตาจีน ประเทศที่ควบคุมห่วงโซ่อุปทานของแร่กลุ่มนี้แทบทั้งหมด
แต่เบื้องหลังความได้เปรียบทางเศรษฐกิจและการเจรจาการค้ากับโลกตะวันตก เมืองหนึ่งในจีนกำลังรับภาระมหาศาล นั่นคือ “เป่าโถว” เมืองอุตสาหกรรมกลางทะเลทราย ที่ร่ำรวยขึ้นจากแร่หายาก แต่ต้องแลกด้วยราคาสิ่งแวดล้อม และชีวิตของผู้คน
The Guardian รายงานว่า ใจกลางเมืองเป่าโถว ศูนย์กลางอุตสาหกรรมที่มีประชากร 2.7 ล้านคนและตั้งอยู่ติดกับทะเลทรายโกบีในภาคเหนือของจีน ให้ความรู้สึกไม่ต่างจากเมืองชั้นรองทั่วไปของจีน ห้างสรรพสินค้าใหญ่ที่มีร้านค้าตะวันตก เช่น Starbucks และ KFC ตั้งเรียงรายอยู่เคียงข้างร้านอาหารท้องถิ่น
ฝั่งชานเมือง มีโรงงานตั้งเรียงรายแน่นหนา ทั้งโรงถลุงเหล็กและโรงงานผลิตซิลิคอน เเละยังเป็นที่ตั้งของการผูกขาดแร่หายากของจีน ซึ่งเป็นธาตุโลหะที่ใช้ในอุปกรณ์กลั่นน้ำมันและแบตเตอรี่รถยนต์ และได้กลายมาเป็นประเด็นสำคัญในสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน
รายงานระบุว่า มากกว่า 80% ของปริมาณสำรองแร่หายากของจีนอยู่ในเมืองเป่าโถว โลหะอย่างซีเรียม (cerium) และแลนทานัม (lanthanum) มีความสำคัญต่อเทคโนโลยีสมัยใหม่ ตั้งแต่หน้าจอสมาร์ตโฟนไปจนถึงระบบเบรกของรถยนต์ แร่หายากบางชนิด เช่น แซมาเรียม (samarium) ถูกใช้ในแม่เหล็กระดับการทหาร ซึ่งรวมถึงการใช้งานโดยสหรัฐฯ
แร่หายากเป็นหมากต่อรองของจีนในสงครามการค้า
จีนคัดค้านต่อมาตรการห้ามส่งออกเซมิคอนดักเตอร์ขั้นสูงไปยังจีนของสหรัฐ และในขณะนี้ดูเหมือนว่าจีนกำลังตอบโต้ในลักษณะเดียวกันด้วยการตัดซัพพลายของธาตุสำคัญที่ผู้ผลิตจากชาติตะวันตกต้องพึ่งพา
เมื่อเดือนเมษายน จีนจำกัดการส่งออกแร่หายากหลายรายการ ก่อนที่จะตกลงคืนใบอนุญาตการส่งออกบางรายการหลังการเจรจาเมื่อเร็ว ๆ นี้ที่กรุงลอนดอน
ข้อจำกัดนี้ได้ส่งผลในระดับโลก
ฟอร์ดต้องปิดโรงงานผลิตรถยนต์ในชิคาโกชั่วคราวเนื่องจากขาดแคลนแร่ ผู้บริหารของฟอร์ดกล่าวว่า บริษัทกำลังดำเนินกิจการเพื่อรักษาการเดินสายการผลิตให้ดำเนินต่อไป
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว อูร์ซูลา ฟอน เดอร์ ไลเอิน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป กล่าวสุนทรพจน์อย่างดุเดือด โดยกล่าวหาว่าจีน ใช้แร่หายากเป็นอาวุธในการควบคุมห่วงโซ่อุปทานของโลก มีรายงานว่าการเข้าถึงแร่เหล่านี้เป็นวาระสำคัญในการประชุมสุดยอด EU-จีนที่กำลังจะมีขึ้น
ผลดีทางเศรษฐกิจ ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
แร่หายากมีบทบาทเป็นศูนย์กลางในชีวิตของผู้คนในเป่าโถวมานาน แร่เหล่านี้ถูกค้นพบครั้งแรกในจีนที่ เขตเหมือง Bayan Obo ซึ่งอยู่ห่างจากเป่าโถวไปทางเหนือ 150 กิโลเมตร ในช่วงทศวรรษ 1930 แต่การผลิตไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างจริงจังจนกระทั่งในทศวรรษ 1990 เมื่อจีนเข้าสู่ยุคปฏิรูปเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว ระหว่างปี 1990 ถึง 2000 การผลิตของจีนเพิ่มขึ้น 450% ไปอยู่ที่ 73,000 เมตริกตัน
ขณะเดียวกัน การผลิตในประเทศอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสหรัฐฯ ก็ลดลง ทำให้จีนเกือบผูกขาดซัพพลายระดับโลก ในปี 2024 รัฐบาลจีนตั้งโควตาการผลิตแร่หายากไว้ที่ 270,000 ตัน เขตเหมืองBayan Obo ในปัจจุบันกลายเป็นชุมชนที่มีการควบคุมเข้มงวด โดยมีผู้คนอาศัยอยู่ใต้เงาของเหมืองขนาดยักษ์และของเสียที่เป็นพิษจากการทำเหมือง
ทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจ GDP ต่อหัวของเมืองอยู่ที่ 165,000 หยวน (ประมาณ 17,000 ปอนด์) เทียบกับค่าเฉลี่ยระดับประเทศที่ 95,700 หยวน แม้ว่าคนในท้องถิ่นจะบอกว่า ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวที่กำลังส่งผลกระทบไปทั่วประเทศ
ตามรายงานของสื่อของรัฐ เมื่อปีที่แล้ว อุตสาหกรรมนี้สร้างรายได้เกิน 100,000 ล้านหยวนให้แก่เมืองเป็นครั้งแรก แต่ในขณะเดียวกัน อุตสาหกรรมนี้ก็มีผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมด้วย
ของเสียที่เป็นพิษและมักมีสารกัมมันตรังสีจากกระบวนการแปรรูปแร่หายาก ถูกทิ้งลงในบ่อดินที่มนุษย์สร้างขึ้นซึ่งเรียกว่า “บ่อกากแร่” หนึ่งในบ่อกากแร่ที่มีชื่อเสียงที่สุดในพื้นที่คือเขื่อนกากแร่ Weikuang tailings dam ซึ่งเป็นของบริษัท Baogang Group ที่รัฐเป็นเจ้าของ
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา บ่อกากแร่นี้เคยเป็นจุดทิ้งของเสียจากแร่หายากที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยไม่ได้บุพื้นผิวอย่างเหมาะสม ทำให้เกิดความกังวลว่าของเสียที่เป็นพิษอาจซึมลงสู่แหล่งน้ำใต้ดินและไหลไปยังแม่น้ำเหลือง ซึ่งเป็นแหล่งน้ำดื่มหลักของภาคเหนือของจีน
กระทรวงนิเวศวิทยาและสิ่งแวดล้อมระบุว่า โครงการฟื้นฟูลำธารสาขาของแม่น้ำเหลืองในเป่าตู้สามารถลดระดับของแอมโมเนียไนโตรเจน ซึ่งเป็นผลพลอยได้จากการแปรรูปแร่หายาก ลงได้ถึง 87% ระหว่างปี 2020 ถึง 2024
The Guardian ยังรายงานว่า ช่วงทศวรรษ 2000 และ 2010 การตรวจสอบหมู่บ้านรอบ ๆ เมืองเป่าโถวเผยให้เห็นปัญหากระดูกผิดรูป ความพิการแต่กำเนิด และ การระบาดของโรคมะเร็ง แร่หายากที่มีอนุภาคระดับไมโครสามารถผ่านแนวกั้นระหว่างเลือดกับสมองและสะสมในสมองได้ ทำให้การสัมผัสมีความเกี่ยวข้องกับปัญหาทางระบบประสาทหลายประการ เช่น ความบกพร่องในการเคลื่อนไหวและการรับความรู้สึก รวมถึงอาจส่งผลต่อพัฒนาการของระบบประสาทในทารกในครรภ์ของหญิงตั้งครรภ์ด้วย
งานวิจัยที่ตีพิมพ์ในปี 2020 พบว่า เด็กในเป่าโถวมีแนวโน้มได้รับแร่หายากผ่านฝุ่นถนนสูงเป็นพิเศษ ซึ่งนักวิจัยระบุว่าเป็นความเสี่ยงร้ายแรง อีกการศึกษาหนึ่งพบว่า การได้รับแร่หายากในรูปแบบฝุ่นละอองทางอากาศในพื้นที่เหมืองมีค่าสูงถึง 6.7 มิลลิกรัมต่อวัน สูงกว่าระดับ 4.2 มิลลิกรัมซึ่งถือว่าค่อนข้างปลอดภัย
จูลี คลิงเงอร์ รองศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยเดลาแวร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านแร่หายากกล่าวว่า การสกัดแร่ในระดับอุตสาหกรรมมักดำเนินไปโดยแลกกับสุขภาพและความเป็นอยู่ของชุมชนโดยรอบ ไม่ว่าบริบทจะเป็นเช่นไร
แม้ว่าในทางทฤษฎีจะมีเทคโนโลยีที่สามารถแปรรูปแร่หายากโดยไม่ก่อมลพิษมากนัก แต่แทบไม่ได้นำมาใช้ เนื่องจากมีต้นทุนสูง
ข้อมูล
- The Guardian