ประจานเขมรต่อโลก พานานาชาติดูพื้นที่จริง! ภูมิธรรมสั่งเคาะเยียวยา
"ทบ." นำคณะเอกอัครราชทูต-อุปทูต-ผู้แทน 11 ชาติ พร้อมผู้ช่วยทูตทหาร 23 ประเทศ ลงพื้นที่พิสูจน์ทหารกัมพูชายิงพลเรือน โจมตีโรงเรียน-รพ.-ปั๊มน้ำมัน-ร้านสะดวกซื้อพังยับ ปชช.เสียชีวิต-บาดเจ็บจำนวนมาก ไล่ไทม์ไลน์แจงยิบตั้งแต่เขมรจัดกิจกรรมยั่วยุ รุกอธิปไตย เปิดฉากยิงใส่ไทยก่อน บิดเบือนข้อมูลให้ร้าย "โฆษก กต." แถลงประชาคมโลกรู้ข้อเท็จจริงบอกเห็นใจไทย "โฆษก ศบ.ทก." ย้ำคณะทูตข้องใจเขมรโจมตี ปชช.ไม่มีหลักการหรือตั้งใจ เผยชายแดนยังสงบ สองฝ่ายตรึงกำลังในที่ตั้ง ผู้อพยพกลับบ้านแล้ว 2.1 หมื่นคน "ครม.นัดพิเศษ" อนุมัติจัดงบกลางเพิ่มจ่ายเยียวยา มอบ 6 หน่วยงานสรุปตัวเลขเสนอ ครม. 5 ส.ค. “บิ๊กเล็ก” แจงย้ายประชุมจีบีซีไปมาเลย์ เหตุ รบ.กัมพูชาปลุกปั่น ปชช.ให้เกลียดไทย ไม่เห็นด้วยส่งผู้สังเกตการณ์เข้าร่วม ระบุเป็นการหารือทวิภาคี สถานทูตสวีเดนยันไม่มีการระงับขายกริพเพนฝูงใหม่
เมื่อวันที่ 1 ส.ค.2568 ศูนย์ประชาสัมพันธ์กองทัพบก (ศปส.ทบ.) นำคณะเอกอัครราชทูต 3 ประเทศคือ บรูไน, ญี่ปุ่น และเมียนมา อุปทูต 3 ประเทศ ได้แก่ มาเลเซีย, สปป.ลาว และอินโดนีเซีย ผู้แทนทางการทูตต่างๆ 5 ประเทศ ประกอบด้วย สหรัฐฯ, สิงคโปร์, จีน, เวียดนาม และฟิลิปปินส์ รวม 11 ประเทศ และผู้ช่วยทูตทหารอีก 23 ประเทศ ได้แก่ 1.จีน 2. มาเลเซีย 3.ปากีสถาน 4.เกาหลีใต้ 5. รัสเซีย 6.สิงคโปร์ 7.เยอรมนี 8.อินเดีย 9.ลาว 10.แคนาดา 11.ฝรั่งเศส 12.สหรัฐอเมริกา 13.ฟิลิปปินส์ 14.ญี่ปุ่น 15.เวียดนาม 16.อิตาลี 17.เนเธอร์แลนด์ 18.อินโดนีเซีย 19.สวีเดน 20.สวิตเซอร์แลนด์ 21.บรูไน 22.ทูร์เคีย 23.สหราชอาณาจักร และสื่อมวลชน รวม 150 คน เดินทางลงพื้นที่ จ.ศรีสะเกษและ จ.อุบลราชธานี เพื่อตรวจสอบจุดที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ไทย-กัมพูชา
โดยได้เดินทางไปตรวจสอบจุดที่ทหารกัมพูชายิงจรวดใส่ร้านสะดวกซื้อสถานีบริการน้ำมัน ปตท.บ้านผือ ต.หนองหญ้าลาด อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งทำให้ประชาชนคนไทยเสียชีวิต 8 คน หนึ่งในนั้นเป็นเด็กอายุ 7-8 ขวบ บาดเจ็บจำนวน 10 คน และเดินทางต่อไปยัง รร.ภูมิซรอลวิทยา ต.เสาธงชัย เพื่อสังเกตการณ์พื้นที่ที่ได้รับความเสียหาย จากนั้นเดินทางไปยัง รพ.สต.บ้านชำเม็ง ต.เสาธงชัย สังเกตการณ์ พื้นที่ที่ได้รับความเสียหาย ก่อนจะเดินทางต่อไปยังศูนย์พักพิงวิทยาลัยเทคโนโลยีกันทรลักษ์
ทั้งนี้ เมื่อคณะเดินทางมาถึงมณฑลทหารบกที่ 22 ค่ายสรรพสิทธิประสงค์ กองทัพบกได้ชี้แจงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นให้ทราบว่าการดำเนินงานของกองทัพในการรักษาอธิปไตย ยึดมั่นในหลักกฎหมายระหว่างประเทศ และย้ำถึงความมุ่งมั่นของกองทัพที่จะแก้ปัญหาด้วยทวิภาคีที่ไทยและกัมพูชามีอยู่ ด้วยความจริงใจและโดยสันติวิธีมาโดยตลอด
จากนั้นกองทัพบกได้ไล่เรียงเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากที่ฝ่ายกัมพูชาดำเนินการยั่วยุเพื่อสร้างความตึงเครียด ด้วยกิจกรรมทางทหารและพลเรือน ตั้งแต่วันที่ 13 ก.พ.68 การพานักท่องเที่ยวขึ้นมาร้องเพลงปลุกใจในพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม วันที่ 28 ก.พ.68 การเผาศาลาตรีมุข สัญลักษณ์ความร่วมมือไทย กัมพูชา และ สปป.ลาว เดือน มี.ค.-เม.ย.68 ทหารกัมพูชาดัดแปลงภูมิประเทศแนวชายแดนเพื่อทางการทหาร เสริมความแข็งแรงของที่มั่น ปรับปรุงเส้นทางและการขยายแนวเขตคูเลตเข้ามาในเขตประเทศไทย เดือน เม.ย.-พ.ค.68 ฝ่ายกัมพูชาได้เคลื่อนย้ายกำลังพลเพิ่มเติม และอาวุธยุทโธปกรณ์ประชิดชายแดนเพิ่มมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ต่อมาฝ่ายกัมพูชาได้รุกล้ำเข้ามาในเขตแดนของไทย โดยเข้ามาขุดคูเลตติดต่อ วันที่ 28 พ.ค. กัมพูชาเริ่มเปิดฉากการยิง (Skirmish) ระหว่างหน่วยในพื้นที่ โดยฝ่ายไทยได้ตอบโต้เพื่อเป็นการป้องกันตัวบริเวณช่องบก กองทัพและรัฐบาลไทยพยายามใช้แก้ไขปัญหาแบบทวิภาคี ซึ่งไม่เป็นผล ห้วงเดือน ก.ค.68 ทหารกัมพูชาได้รุกล้ำเข้ามาลักลอบวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลหลายพื้นที่ในเขตแดนไทย จนทำให้ทหารไทยลาดตระเวนบาดเจ็บสูญเสียขาจากทุ่นระเบิดสังหารบุคคล PMN-2 ถึง 2 ครั้ง ทำให้เกิดการสูญเสีย ขาขาด 2 นาย และมีบางส่วนบาดเจ็บ ซึ่งเป็นการกระทำที่ฝ่ายกัมพูชาจงใจละเมิดหลักมนุษยธรรมอย่างร้ายแรง อีกทั้งเป็นการจงใจละเมิดอนุสัญญาออตตาวาที่ทั้งไทยและกัมพูชาให้สัตยาบัน
ทบ.ไล่ไทม์ไลน์เขมรเปิดศึกไทย
กองทัพบกได้ชี้แจงมาตรการควบคุมชายแดน มีเปิดฉากยิงของกัมพูชาเมื่อวันที่ 24 ก.ค.68 บริเวณปราสาทตาเมือนธม ใช้ปืนเล็กยาว เครื่องยิงลูกระเบิด mortar เกิดการปะทะกัน กัมพูชายกระดับใช้ปืนใหญ่และจรวดหลายลำกล้อง BM-21 โจมตี และจงใจยิงเป้าหมายพลเรือน ซึ่งหากจากชายแดนเกือบ 10 กม.ถึง 30 กม. โรงพยาบาลพนมดงรัก จ.สุรินทร์ ปั๊มน้ำมัน PTT บ้านผือ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ร้านค้าสะดวกซื้อ 7-11 บ้านผือ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ โรงเรียนในจังหวัดสุรินทร์และศรีสะเกษ บ้านเรือนราษฎร เช่น หมู่บ้านกรวด บ้านกุดเชียง ในพื้นที่ จ.สุรินทร์, บุรีรัมย์, ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี ทำให้พลเรือนบาดเจ็บ 36 ราย เสียชีวิต 15 ราย ซึ่งผู้เสียชีวิต 1 ในนั้นเป็นเด็กอายุเพียง 8 ขวบ และมีราษฎรต้องอพยพจำนวนมากกว่า 150,000 คน ซึ่งฝ่ายไทยตอบโต้ภายใต้หลักการแห่งการป้องกันตนเอง
ปัจจุบันกัมพูชายังคงดำเนินการทางทหาร หลังจากมีการเจรจาข้อตกลงหยุดยิงที่มาเลเซีย เมื่อวันที่ 28 ก.ค.68 แล้ว เวลาหลังเที่ยงคืน ฝ่ายกัมพูชาได้ละเมิดข้อตกลงการหยุดยิง
ส่วนที่ไทยใช้เครื่องบิน F-16 และอาวุธหนักจำนวนมากนั้น อาวุธทั้งหมดที่ใช้ในการตอบโต้และมีความเหมาะสมตามสัดส่วน เป็นเพื่อสกัดการรุกล้ำของฝ่ายกัมพูชา และกระทำต่อเป้าหมายทางทหารบริเวณแนวชายแดน ไม่ใช่การโจมตีเชิงรุก แต่เป็นฝ่ายกัมพูชาต่างหากที่วางกำลังและยิงอาวุธจากพื้นที่พลเรือน ใช้ชุมชนเป็น “โล่มนุษย์” ซึ่งเป็นการละเมิด International Humanitarians Laws อย่างร้ายแรง
ทั้งนี้ ไทยขอประณาม และให้กัมพูชาหยุดการกล่าวหาอันเป็นเท็จ เพื่อปลุกปั่นกระแสความเกลียดชัง และขอให้หันมาร่วมมือกับประเทศไทยและประชาคมระหว่างประเทศในการคลี่คลายสถานการณ์ชายแดนอย่างสันติผ่านการเจรจาและความร่วมมือที่ตรงไปตรงมา
ล่าสุด เมื่อวันที่ 30 ก.ค.68 ฝ่ายกัมพูชาเชิญคณะผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศประจำกัมพูชาไปตรวจพื้นที่การรบห่างจากชายแดน 30 กม. แต่ฝ่ายกัมพูชากลับเปลี่ยนแผน พาคณะผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศประจำกัมพูชาไปพื้นที่ช่องอานม้า ซึ่งเป็นพื้นที่การสู้รบ ยังมีความเสี่ยงต่ออันตราย
กองทัพบกสรุปช่วงท้ายว่า ขอเน้นย้ำว่าการปะทะระหว่างไทยกับกัมพูชานั้น ฝ่ายกัมพูชาเป็นผู้เริ่มยิงก่อน โดยอาวุธระยะไกลยิงต่อเป้าหมายพลเรือน และทำให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของพลเรือนที่ยอมรับไม่ได้
ต่อมาคณะได้เดินทางมาที่สถานีบริการน้ำมัน ปตท.บ้านผือ ต.หนองหญ้าลาด อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นจุดที่ทหารกัมพูชายิงจรวด BM-21 ใส่ร้านสะดวกซื้อ จนประชาชนเสียชีวิต 8 คน หนึ่งในนั้นเป็นเด็กอายุ 7-8 ขวบ บาดเจ็บจำนวน 10 คน ทั้งนี้ ครอบครัวผู้เสียชีวิตได้ถือกรอบรูปผู้เสียชีวิตมาเรียกร้องความยุติธรรมกับทางกระทรวงการต่างประเทศ หน่วยงานความมั่นคง และบรรดาทูตต่างประเทศ
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ระหว่างที่คณะทูต ทูตทหาร ตรวจจุดปั๊มน้ำมัน ทางลูกสาวเจ้าของปั๊มน้ำมันแห่งนี้ได้เขียนจดหมายเป็นภาษาอังกฤษบอกเล่าความรู้สึก ซึ่งตนเองอยู่ที่จุดเกิดเหตุให้แก่คณะทูตและสื่อมวลชนฟัง รวมทั้งยังมีหญิงสาวคนหนึ่งเล่าเหตุการณ์เป็นภาษาดัตช์ให้ทูตทหารจากเนเธอร์แลนด์ฟังถึงเหตุการณ์ที่ประสบในพื้นที่เหตุการปะทะครั้งนี้
จากนั้นคณะได้เดินทางต่อไปที่โรงเรียนภูมิซรอลวิทยา และเดินทางไปดูที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) บ้านซำเม็ง ตำบลเสาธงชัย อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้รับความเสียหายจากการยิงของทหารกัมพูชา รวมทั้งเดินทางไปเยี่ยมศูนย์พักพิงแห่งหนึ่งใน อ.กันทรลักษ์
ทูตนานาชาติข้องใจยิงพลเรือน
เวลา 18.00 น. นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมด้วย พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ โฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) แถลงผลการพาคณะทูตและผู้ช่วยทูตทหารลงพื้นที่ว่า เราดำเนินการอย่างโปร่งใส จัดให้เห็นข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมทั้งได้พบปะพูดคุยกับผู้ได้รับผลกระทบโดยตรง ซึ่งพลเรือนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบด้านจิตใจ ประชาชนต้องอพยพออกจากบ้าน
"ทางคณะทูตไม่ได้แค่ขอบคุณ แต่เขาได้เห็นกับตาถึงความโหดร้ายที่เกิดขึ้นกับประชาชน การมาครั้งนี้สำคัญมาก ไม่เพียงแต่เห็นสถานที่ที่พังทลาย แต่เขาได้คุยกับญาติผู้เสียชีวิต ได้คุยกับประชาชนที่ต้องอพยพ ถามว่าเขารู้สึกอย่างไร ผมบอกได้โดยไม่ขอระบุประเทศว่าเขาเห็นใจเรา ไม่มีเหตุผลอะไรที่คนเหล่านี้ต้องมาเป็นเหยื่อ เขาไม่เห็นประเด็นว่าทำไมไทยต้องเป็นผู้เริ่ม เป็นไปไม่ได้ เขาเห็นอกเห็นใจแสดงท่าทีสนับสนุนสิ่งที่ไทยทำ ชื่นชมในการดูแลประชาชน ทั้งครอบครัวผู้ได้รับผลกระทบและผู้อพยพ" นายนิกรเดชกล่าว
ถามว่า ผลการลงพื้นที่ถือเป็นทิศทางที่ดีใช่หรือไม่ โฆษก กต.กล่าวว่า เป็นทางที่ดีทั้งหมด ตนได้คุยกับท่านเหล่านั้น ท่านเห็นอกเห็นใจมากว่าเราเป็นเหยื่อ ชัดเจนมากว่ามีการล้ำมาในประเทศไทยเกือบ 30 กิโลเมตร ในการที่เขาเหมือนไม่เล็งหรือตั้งใจเล็งมาที่ประชาชนเป้าหมายที่ไม่ใช่ทหาร วันนี้คณะทูตทั้งหลายได้เห็นความจริง ได้เห็นพื้นที่จริง ได้เจอคนที่ต้องย้ายออกจากบ้าน ยิ่งตอกย้ำสิ่งที่เราพูดมาเป็นข้อเท็จ
ส่วน พล.ร.ต.สุรสันต์กล่าวว่า สถานการณ์โดยทั่วไปตามแนวชายแดน ภาพรวมถือว่าอยู่ในความสงบ ทั้งสองฝ่ายยังคงตรึงกำลังอยู่ในที่ตั้งของตนเอง ในเรื่องของสถานภาพผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตที่เป็นพลเรือน ณ เวลา 09.00 วันนี้ ยังเป็นยอดคงเดิม โดยมียอดเสียชีวิตที่ 14 ราย บาดเจ็บสาหัส 12 คน บาดเจ็บปานกลาง 13 คน บาดเจ็บเล็กน้อย13 คน โดยยอดรวม 52 คน ขณะยอดผู้อพยพในศูนย์พักพิงทั้ง 5 จังหวัด ปัจจุบันมีจำนวนศูนย์ที่เปิดให้บริการทั้งหมด 676 แห่ง ได้ปิดทำการลงไปหนึ่งแห่ง สามารถรองรับผู้อพยพได้ 395,858 คน
ทั้งนี้ ปัจจุบันมีผู้อพยพทั้งสิ้น 167,121 คน ลดลง 21,277 คน โดยเจ้าหน้าที่แต่ละจังหวัดพิจารณาเรียบร้อยแล้วว่าสามารถกลับไปบ้านของตนเองได้ โดยให้ประชาชนกลับไปที่บ้านของตนเองเรียบร้อยแล้วจำนวน 21,277 คน ถือว่าสถานการณ์โดยภาพรวมอยู่ในสถานการณ์ปลอดภัย
พล.ร.ต.สุรสันต์กล่าวว่า มีโอกาสได้พูดคุยกับคณะทูตและทูตทหารที่มาเยี่ยมชมในสถานที่ที่เกิดเหตุการณ์ ได้เยี่ยมชมสถานีบริการน้ำมันจังหวัดศรีสะเกษและโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ซึ่งเหล่านี้ถือเป็นการนำเสนอให้ทูตต่างๆ ได้เห็นด้วยประสบการณ์จริงด้วยตนเองในสถานที่จริง ถึงผลกระทบจากฝ่ายกัมพูชาที่โจมตีอย่างไม่มีทิศทางไร้เป้าหมายไปยังบ้านเรือนประชาชน ไปยังสถานีบริการน้ำมันและโรงพยาบาลหลายแห่งที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งถือเป็นการละเมิดอนุสัญญาเจนีวาอย่างร้ายแรง และเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนต่างๆ
"ผู้แทนฝ่ายทหารต่างประเทศได้มาถามผมว่า ไม่เข้าใจว่าเป้าหมายของการโจมตี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป้าที่เป็นพลเรือน ไม่ว่าจะสถานีบริการน้ำมัน เขาบอกว่าทำไมถึงต้องมาโจมตีตรงนี้ เพราะดูตามแผนที่แล้วไม่มีเป้าหมายทางการทหารในแผนที่เลย และในบริเวณใกล้เคียงตรงนั้นเลย ฉะนั้นเขาไม่เข้าใจว่าทำไมถึงมีการโจมตีตรงนั้น เป็นเพราะว่าเขาไม่มีหลักการในการเล็งเป้าหมายหรือไม่ หรือเป็นเพราะว่าเขาตั้งใจที่จะโจมตีเข้ามาบริเวณของพลเรือน อันนี้ผมคงให้คำตอบไม่ได้ แต่มันบ่งชัดจากการที่ได้พาเขาไปเยี่ยมชมพื้นที่ ให้เขาเห็นเลยว่าบริเวณใกล้เคียงไม่มีพื้นที่หรือสถานที่ใดที่เป็นเป้าหมายทางการทหารเลย" โฆษก ศบ.ทก.ระบุ
ครม.พิเศษไฟเขียวเพิ่มงบเยียวยา
ที่ทำเนียบรัฐบาล มีการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดพิเศษ มีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในฐานะรักษาราชการนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน
นายภูมิธรรมแถลงหลังประชุมว่า ครม.ได้นำเรื่องผลการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) มาพิจารณา คือการปรับปรุงแก้ไขหลักเกณฑ์และวิธีการในการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นเพื่อแก้ไขหรือเยียวยาความเดือดร้อนเสียหายในบางกรณี พ.ศ.2559 เพื่อจัดสรรงบประมาณไปใช้จ่ายให้กับผู้ที่รับผลกระทบจากเหตุการณ์ปะทะกันอย่างรุนแรงใน 7 จังหวัดชายแดนระหว่างประเทศไทยกับกัมพูชา
"ที่ประชุม ครม.นัดพิเศษมีมติอนุมัติในหลักการขอใช้งบกลางเพิ่มเติม รวมถึงจะพิจารณาค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เกิดจากกรณีการเสียชีวิต ผู้ได้รับบาดเจ็บ และผู้ทุพพลภาพ รวมถึงกรณีของบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหาย ซึ่งจะใช้กรณีพิเศษในการดูแลเรื่องเหล่านี้ แต่ขณะนี้ยังไม่สรุปตัวเลขเงินงบประมาณที่จะขอใช้จากงบกลาง แต่จะมากกว่าที่เคยประกาศไว้" นายภูมิธรรมกล่าว
นอกจากนี้ นายภูมิธรรมระบุว่า ที่ประชุมยังมอบหมายให้กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสำนักนายกรัฐมนตรี ไปร่วมกันพิจารณาและหารือสรุปตัวเลขงบประมาณดังกล่าว แล้วนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุม ครม. ในวันอังคารที่ 5 ส.ค.นี้ ขณะเดียวกันการใช้งบประมาณดังกล่าวสามารถนำไปจ่ายได้ทันทีให้กับผู้ที่รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว
ต่อมาเวลา 10.30 น. เจ้าหน้าที่ได้ส่งมอบทหารกัมพูชา 2 นายที่ถูกควบคุมตัวและได้รับบาดเจ็บ ซึ่งได้รับการรักษาเบื้องต้นส่งกลับประเทศกัมพูชาทางจุดผ่านแดนถาวรช่องจอม อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ และจึงมีการอ่านเอกสารสัญญาและมีการส่งมอบตัวให้กับทางฝั่งกัมพูชา บรรยากาศเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย ส่วนทหารกัมพูชาอีก 18 นาย ยังอยู่ในกระบวนการตรวจสอบ และจะดำเนินการนัดหมายการส่งตัวกลับประเทศกัมพูชาอีกครั้ง
ขณะที่ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (จีบีซี) ที่ไทยขอเปลี่ยนสถานที่ประชุมจากกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชาไปที่ประเทศมาเลเซีย ในวันที่ 4-7 ส.ค.แทนว่า ทราบจากผู้ช่วยทูตทหารประจำกัมพูชาแจ้งกลับมาว่ากัมพูชาตอบรับแล้ว เพราะเราได้แจ้งไปว่ารัฐบาลกัมพูชาให้ข่าวที่ทำให้ประชาชนกัมพูชาเกลียดชังคนไทย ดังนั้นการที่ประชุมต้องไปประชุมหลายวันอาจเกิดความไม่เรียบร้อยได้ จึงอยากให้ไปประชุมในประเทศที่สาม
ถามว่า การประชุมครั้งนี้จะมีผู้สังเกตการณ์เป็นจีนและสหรัฐอเมริกาเหมือนครั้งที่ผ่านมาหรือไม่ พล.อ.ณัฐพลกล่าวว่า คงไม่ใช่ ต้องหารือ แต่ตนต้องหารือกับหน่วยที่เกี่ยวข้องก่อน เพราะเพิ่งทราบจากฝ่ายเลขาฯ ว่ามีการขอผู้สังเกตการณ์ แต่ความคิดของตนครั้งนี้เป็นการประชุมแบบทวิภาคี เป็นกลไกปกติที่คุยสองประเทศ ต่างจากการเจรจาหยุดยิงเมื่อครั้งที่แล้วที่เป็นการไกล่เกลี่ย แต่ครั้งนี้เป็นการประชุมทวิภาคี และในเงื่อนไขการเจรจาครั้งที่ผ่านมาก็ไม่มีเรื่องนี้
ซักถึงกรณีสื่อกัมพูชาและสื่อมาเลเซียนำเสนอข่าวว่ารัฐบาลสวีเดนจะระงับการเซ็นสัญญาซื้อขายเครื่องบินกริพเพนให้กับไทย หลังถูกนำมาใช้ในการโจมตีทางอากาศในช่วงที่ผ่านมา พล.อ.ณัฐพลกล่าวว่า ยังไม่ได้รับรายงานเรื่องนี้ แต่ไม่น่ามีปัญหาอะไร เพราะความสัมพันธ์ของไทย-สวีเดนไม่มีปัญหา
อย่างไรก็ตาม เฟซบุ๊กสถานทูตสวีเดนประจำประเทศไทยโพสต์ข้อความชี้แจงถึงจัดซื้อเครื่องบินรบกริพเพนของกองทัพอากาศไทยว่า ขอเรียนว่ายังไม่มีการตัดสินใจใดๆ เพื่อระงับการจำหน่ายเครื่องบินขับไล่ให้แก่ประเทศไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผบ.ทอ. เตรียมเดินทางไปลงนามสัญญาการจัดซื้อเครื่องบินขับไล่กริพเพนฝูงใหม่จำนวน 4 ลำ ในช่วง 23-27 ส.ค.นี้
ส่วน พล.ท.หญิงมาลี โสเจียตาโฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา แถลงข่าวประจำวันว่า กัมพูชาตกลงตามข้อเสนอของไทยที่จะย้ายที่ประชุม รวมทั้ง พล.อ.เตีย เซฮา ยังได้ส่งหนังสือถึง พล.อ.ณัฐพล เสนอให้มาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน เข้าร่วมการประชุมจีบีซีในฐานะผู้สังเกตการณ์.