ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล้าหรือไม่? ที่จะสั่งปลดประธานเฟด
คุยเฟื่องเรื่องต่างประเทศ / ดร.วิวัฒน์ เศรษฐช่วย
ตามประวัติศาสตร์การเมืองของสหรัฐฯที่ผ่านๆมา ดูเหมือนว่ายังไม่มีประธานาธิบดีคนใดเลยที่จะมีความคิดสั่งปลดประธานเฟดออกจากตำแหน่ง
ทว่า “ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์” ที่ถึงแม้ว่าจะเป็นผู้แต่งตั้ง “เจอโรม พาวเวลล์”ขึ้นไปรับตำแหน่งประธานเฟดในสมัยแรกด้วยตัวของเขาเองก็ตาม และในยุคสมัยของ “ประธานาธิบดีโจ ไบเดน” ก็ได้ทำการต่ออายุให้ประธานเจอโรม พาวเวลล์ ดำรงอยู่ในตำแหน่งต่อไปอีกสี่ปีก็ตาม
แต่เมื่อประธานาธิบดีทรัมป์ได้รับเลือกให้เข้าไปในสมัยที่สอง เขาก็เอ่ยปากข่มขู่ที่จะสั่งปลดประธานเฟดพาวเวลล์ บ่อยๆหลายครั้งหลายครา โดยอ้างว่าประธานเฟดผู้นี้ไม่ยอมปฏิบัติตามข้อเรียกร้องให้ลดอัตราดอกเบี้ย!!!
ถึงแม้ว่าประธานาธิบดีทรัมป์จะพยายามผลักดันด้วยวิธีการต่างๆนาๆหลายๆครั้งหลายๆคราก็ตาม แต่ประธานพาวเวลล์ กลับไม่แสดงอากัปกิริยาตอบรับใดๆ ยังคงทำงานอย่างปกติ โดยทำเหมือนว่ามิได้สนใจไยดีต่อคำข่มขู่ของประธานาธิบดีทรัมป์เลยแม้แต่น้อย
ที่ผ่านๆมาตำแหน่งประธานเฟด หรือ “ ประธานคณะกรรมการผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐฯ” (Federal Reserve) จะเป็นตำแหน่งอิสระ และสามารถดำรงอยู่ในตำแหน่งได้ครั้งละ 4 ปีเท่านั้น แต่เมื่อปีค.ศ. 2018 ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้มีการเสนอให้ต่ออายุการทำงานของประธานเฟดเจอร์รัลด์ พาวเวลล์
ทั้งนี้ธนาคารกลางสหรัฐฯ ประกอบไปด้วยธนาคารกลางประจำภูมิภาค 12 แห่ง และคณะผู้ว่าการธนาคารในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.
ความรับผิดชอบที่สำคัญที่สุดของธนาคารกลางสหรัฐฯก็คือ บทบาทสำคัญในการกำหนดนโยบายด้านการเงิน ควบคุมปริมาณเงินในเศรษฐกิจสหรัฐฯ และกำหนดอัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารกลางสหรัฐฯปล่อยเงินกู้ โดยมีเป้าหมายหลักด้านการรักษาจำนวนอัตราของคนว่างงานให้อยู่ในระดับต่ำที่สุดเท่าที่จะทำได้นั่นเอง
ที่ผ่านๆมาแม้ว่าตลาดหลักทรัพย์จะมีความมั่นอกมั่นใจใจต่อประธานเฟดพาวเวลล์มาอย่างยาวนานก็ตาม แต่จากการหยั่งเสียงของสำนักหยั่งเสียงกัลลัพ กลับปรากฏว่าประธานพาวเวลล์ได้รับความนิยมอยู่แค่ 37% เท่านั้น
ในขณะที่ประธานาธิบดีทรัมป์ตั้งหน้าตั้งตาข่มขู่ว่า จะสั่งปลดประธานเฟดพาวเวลล์ออกจากตำแหน่งอยู่นั้น ปรากฏว่า“เจมี ไดมอนด์” ซีอีโอของ “เจพีมอร์แกนเชส” ที่เขาผู้นี้กลายเป็นกระบอกเสียงแทนบรรดาธนาคารยักษ์ใหญ่ทั้งหลายออกมาคัดค้านต่อคำขู่ของประธานาธิบดีทรัมป์ โดยให้ความคิดเห็นว่า “หากสั่งปลดประธานเฟดพาวเวลล์ออกจากตำแหน่งแล้วละก็ จะมีผลทำให้ตลาดการเงินและตลาดหลักทรัพย์เกิดปั่นป่วนวุ่นวายในทันท่วงที ที่จะไม่เกิดแต่เฉพาะในสหรัฐฯอย่างเดียวเท่านั้น แต่จะมีผลกระทบไปทั่วทุกมุมโลก”
นอกเหนือจากนั้น “รัฐมนตรีคลังสกอต เบสเซนต์”ก็ยังออกมาแสดงท่าทีที่ไม่เห็นด้วยที่จะให้มีการสั่งปลดประธานเฟดพาวเวลล์ ออกจากตำแหน่ง!!!
และเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2025 ประธานาธิบดีทรัมป์ ได้ออกปากเชื้อเชิญบรรดานักการเมืองระดับผู้นำของค่ายพรรครีพับลิกันเข้าไปปรึกษาหารือกันที่ทำเนียบขาว เพื่อหาทางปลดประธานเฟดพาวเวลล์ และเมื่อคณะผู้นำได้เห็นร่างจดหมายสั่งปลดฉบับนั้นแล้ว ปรากฏว่าพวกเขากลับแสดงท่าทีที่ไม่เห็นด้วย
และหลังจากที่ประธานาธิบดีทรัมป์ เจรจากับบรรดาแกนนำของพรรครีพับลิกันเสร็จสิ้นลงแล้ว เขาก็ได้ออกมาเอ่ยว่า “จะยังไม่สั่งปลดประธานเฟดในช่วงนี้”
แต่เมื่อดูจากท่าทางของเขาแล้วนั้น ในหัวของเขายังคงคิดหาทางที่จะสั่งปลดประธานเฟดอยู่
อย่างตลอดแน่นอน เพราะไม่นานมานี้เขาออกมาตำหนิว่า เพราะเหตุใดประธานเฟดพาวเวลล์จึงใช้เงินซ่อมแซมสำนักงานใหญ่ถึง 2.5 พันล้านดอลลาร์?
แต่กลับปรากฏว่าประธานเฟดพาวเวลล์ได้ออกมาแสดงหลักฐานให้เห็นอย่างชัดเจนว่า เขามิได้มีสิ่งใดปิดบัง จนเรื่องหายเงียบไปชั่วระยะหนึ่ง
ทั้งนี้เมื่อใดก็ตามที่ประธานาธิบดีทรัมป์ออกมาข่มขู่ว่า จะสั่งปลดประธานเฟดพาวเวลล์ออกจากตำแหน่ง จะปรากฏให้เห็นแทบทุกครั้งว่า ตลาดหลักทรัพย์จะเกิดปั่นป่วนจนน่าวิตก!!!
ล่าสุดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 17 กรกฎาคม 2025 ที่เพิ่งผ่านมาไม่กี่วันนี้ “วุฒิสมาชิกอลิซาเบธ วาร์เรน” สังกัดพรรคเดโมแครต และเป็นสมาชิกอาวุโสของ “คณะกรรมาธิการธนาคารของวุฒิสภา”ได้ออกมาโต้แย้งว่า การโจมตีต่อประธานเฟดอย่างไม่ลดละของประธานาธิบดีทรัมป์ นับว่ามีความเสี่ยงและยังเป็นการทำลายความเป็นอิสระของการทำงานของธนาคารกลางสหรัฐฯอีกด้วย
โดยวุฒิสมาชิกวาร์เรน ยังได้กล่าวเสริมว่า หากประธานาธิบดีทรัมป์ปลดประธานเฟดออกจากตำแหน่ง ก็จะส่งผลทำให้มูลค่าของเงินดอลลาร์ตกร่วงลงอย่างมาก อีกทั้งเธอยังได้กล่าวเตือนอีกว่า การโจมตีอย่างไม่ลดละของประธานาธิบดีทรัมป์ต่อประธานเฟด เป็นการบั่นทอนความเป็นอิสระของเฟด ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญสำหรับตลาดการเงินของสหรัฐฯและตลาดการเงินทั่วโลก (ข้อมูลจากสถานีโทรทัศน์ CNBC: Markets will ‘crash’ if Trump fire Powell, Sen.Wareen warns)
อย่างไรก็ตามขณะนี้ดูเหมือนว่าคะแนนนิยมของประธานาธิบดีทรัมป์กำลังร่วงหล่นลงมาเรื่อยๆ ซึ่งอาจจะเป็นส่วนหนึ่งที่สร้างความอึดอัดให้แก่เขา และจากการรายงานของ “หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์”เมื่อวันจันทร์ที่ 21 กรกฎาคม 2025 ปรากฏว่า คะแนนนิยมของประธานาธิบดีทรัมป์โดยเฉลี่ยแล้วอยู่ที่ 44% และมีผู้ที่ไม่พึงพอใจเขาอยู่ที่ 54% (ข้อมูลจากหนังสือพิมพ์นอวยอร์คไทมส์ หัวข้อ: President Trump’s Approval Rating: Latest Polls:วันจันทร์ที่ 21 กรกฎาคม 2025)
ทั้งนี้ประธานาธิบดีทรัมป์อ้างว่าเหตุผลที่เขาจำเป็นต้องปลดประธานเฟดพาวเวลล์ สืบเนื่องมาจากประธานเฟดผู้นี้มิเล็งเห็นถึงความเดือดร้อนของประชาชนเลย!!!
กล่าวโดยสรุปทั้งนี้และทั้งนั้นการที่ “ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์” แสดงเจตจำนงอย่างมั่นอกมั่นใจว่า มีสิทธิ์ที่จะสั่งปลด “ประธานเฟดเจอร์รัลด์ พาวเวลล์” ออกจากตำแหน่งได้อย่างสมเหตุสมผล เพราะประธานเฟดละเลยต่อหน้าที่ ส่วนเขาจะกล้าสั่งปลดประธานเฟดออกจากตำแหน่งหรือไม่? คงขึ้นอยู่กับเวลาละครับ