เมื่อไขมัน “บุกรุก” ทำลายตับ ร่างกายจะบวม 5 จุด เตือนมีแค่ 1 จุด ก็ควรรีบพบแพทย์!
เมื่อไขมัน "รุกล้ำ" และทำลายตับ ร่างกายจะบวม 5 จุด เตือนใครมีแค่เพียง 1 จุด ก็ควรรีบพบแพทย์
ไขมันพอกตับ เป็นภาวะที่มีไขมันสะสมในตับมากเกินไป ซึ่งมักเกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ไม่ดี เช่น การรับประทานอาหารไม่สมดุล ขาดการออกกำลังกาย มีน้ำหนักเกิน หรือเป็นโรคอ้วน
ในระยะเริ่มต้น ไขมันพอกตับมักไม่แสดงอาการชัดเจน และแทบไม่ก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อน แต่หากไม่ได้รับการควบคุมหรือรักษาทันท่วงที โรคอาจลุกลามอย่างรุนแรงจนกลายเป็น โรคตับแข็ง ซึ่งเป็นความเสียหายของตับแบบถาวรและไม่สามารถฟื้นฟูได้
โรคตับแข็ง เป็นผลมาจากความเสียหายของตับที่สะสมมายาวนาน โดยไขมันที่สะสมจะนำไปสู่การสร้างเนื้อเยื่อแผลเป็น (Fibrosis) จนทำให้ตับหดเล็กลง หากไม่รักษา อาจพัฒนาไปสู่ภาวะตับวาย หรือมะเร็งตับได้
จากรายงานของ Express ระบุว่า เมื่อเกิดภาวะตับแข็ง ร่างกายมักจะเกิดอาการบวมใน 5 ตำแหน่งหลัก ที่เตือนว่าคุณอาจมีตับแข็งจากภาวะไขมันพอกตับ ได้แก่
น่อง
ข้อเท้า
เท้า
ท้อง
นิ้วมือ
อาการบวมเหล่านี้เกิดจากแรงดันในหลอดเลือดดำของตับที่เพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากตับทำงานผิดปกติ แรงดันที่สูงนี้รบกวนการไหลเวียนของเลือดผ่านตับ และเมื่อเวลาผ่านไปจะส่งผลต่อการทำงานของไต ซึ่งเมื่อตับและไตไม่สามารถกำจัดเกลือส่วนเกินและของเหลวออกจากร่างกายได้ ก็จะเกิดการสะสมของของเหลวในตำแหน่งต่างๆ ดังกล่าว
ตับแข็งรักษาให้หายขาดได้หรือไม่? ตับแข็ง เป็นภาวะที่ตับมีแผลเป็นแบบถาวร ไม่สามารถกลับคืนสู่สภาพเดิมได้ แต่การรักษาสามารถช่วย ชะลอการดำเนินของโรค และลดความเสียหายเพิ่มเติมได้ ขึ้นอยู่กับสาเหตุและการตอบสนองของผู้ป่วยต่อการรักษาแนวทางการรักษาตับแข็งประกอบด้วย
1. รักษาที่ต้นเหตุ
หากเกิดจากไวรัสตับอักเสบ B หรือ C แพทย์จะให้ยาต้านไวรัส
หากเกิดจากโรคภูมิคุ้มกันผิดปกติ อาจใช้ยากลุ่มคอร์ติโคสเตียรอยด์ หรือยากดภูมิ
หากเกิดจากแอลกอฮอล์ ต้องหยุดดื่มทันที
2. ควบคุมโรคเมตาบอลิก โดยเฉพาะในกรณีไขมันพอกตับที่ไม่ได้เกิดจากแอลกอฮอล์ (NAFLD) จำเป็นต้องควบคุมน้ำหนัก น้ำตาล และไขมันในเลือด
3. ปรับพฤติกรรม เช่น งดแอลกอฮอล์โดยเด็ดขาด, รับประทานอาหารที่เหมาะสมตามคำแนะนำของแพทย์ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
4. รักษาภาวะแทรกซ้อน เช่น ผูกเส้นเลือดในหลอดอาหารเพื่อป้องกันการตกเลือด, เจาะระบายของเหลวในช่องท้อง, ให้เลือดหากมีเลือดออก, ฟอกไตหากเกิดภาวะไตวาย, รักษามะเร็งตับหากพบเซลล์มะเร็ง
5. การปลูกถ่ายตับ เป็นทางเลือกสุดท้ายในกรณีที่ตับเสียหายอย่างรุนแรง ไม่ตอบสนองต่อการรักษาอื่น หรือเป็นมะเร็งตับ
ทั้งนี้ หากมีอาการบวมผิดปกติ แม้เพียงตำแหน่งเดียว ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจเช็กตับโดยเร็ว เพราะการตรวจพบเร็ว จะช่วยเพิ่มโอกาสรักษาได้ทันท่วงที และป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้