“ทวี” ลงพื้นที่ นำทีมแถลงข่าว เปิดยุทธการ ‘NO Drugs NO Dealers’ ทลายเครือข่ายชายแดนใต้ ในขณะที่ เลขา ศอ.บต. เผยคืบหน้านโยบาย 120 วัน วาระพืชกระท่อม ประชาชน จชต.ให้ความร่วมมือ
เมื่อช่วงสายที่ผ่านมา ที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ส่วนหน้า อำเภอเมือง จังหวัดยะลา พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วยนาย เดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย พล.ท.ไพศาล หนูสังข์ ผอ.รมน.ภาค 4 พล.ต.ต.อาชาน จันทร์ศิริ รอง ผบช.ภ.9 พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการ ศอ.บต. นายวิชาญ ชัยเศรษฐสัมพันธ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส พ.ต.ท. นริช สอนดิษฐ ผอ.ปปส.ภ.9 ได้ร่วมกันแถลงข่าวผลจากการสืบสวนและติดตามกลุ่มผู้ลักลอบลำเลียงยาเสพติด ทำให้สามารถจับกุมนักค้ายาเสพติดรายสำคัญได้ 1 เครือข่าย พร้อมตรวจยึดยาไอซ์กว่า 900 กิโลกรัม และได้ยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำผิดในอีก 1 เครือข่าย รวม 2 เครือข่าย คิดเป็นมูลค่าทรัพย์สินทั้งหมดประมาณ 20 ล้านบาท
โดยปฏิบัติการจับกุมและยึดทรัพย์เครือข่ายยาเสพติด เครือข่ายที่ 1 เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจจังหวัดนราธิวาสได้ขยายผลการสืบสวนและจับกุม นายจีรพงษ์ พันเพชร อายุ 37 ปี พร้อมของกลางยาไอซ์ 900 กิโลกรัม ซุกซ่อนในรถกระบะที่จอดทิ้งไว้ริมถนนในอำเภอตากใบ โดยเจ้าหน้าที่สืบทราบว่ามีการลำเลียงยาเสพติดจากภาคกลางมายังนราธิวาส นานกว่า 2 เดือน และได้รับแจ้งจากสายลับว่าจะมีการส่งมอบยาในวันเกิดเหตุ จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ายาเสพติดที่ยึดได้มีมูลค่าสูงถึง 135 ล้านบาท และมีการยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องในเครือข่ายนี้มูลค่าประมาณ 800,000 บาท ขณะนี้อยู่ระหว่างการขยายผลสืบสวนเพื่อดำเนินคดีกับผู้ร่วมขบวนการต่อไป
เครือข่ายที่ 2 เป็นการขยายผลจากการจับกุมผู้ต้องหา 3 คน พร้อมยาไอซ์ 615 กิโลกรัม ในอำเภอสุไหงโก-ลก เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2568 เจ้าหน้าที่ได้ขอศาลอนุมัติหมายจับผู้ร่วมขบวนการอีก 4 คน ซึ่งอยู่ระหว่างหลบหนี และได้เข้าตรวจค้นเพื่อยึดทรัพย์สินใน 5 เป้าหมายที่เกี่ยวข้องเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2568 ผลการตรวจค้นสามารถยึดทรัพย์สินได้ 13 รายการ เช่น ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง 2 แปลง, รถยนต์ 4 คัน, อาวุธปืน 3 กระบอก และเจ็ตสกี 2 ลำ แม้จะไม่พบผู้ต้องหาตามหมายจับ แต่เจ้าหน้าที่จะยังคงสืบสวนและติดตามจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างต่อเนื่อง เพื่อทำลายเครือข่ายยาเสพติดในพื้นที่ให้หมดสิ้นไป
โดยพ.ต.ท.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงนโยบายที่เกี่ยวข้องกับการบำบัดผู้ติดยาเสพติด ว่า รัฐบาลเข้าใจดีถึงช่องว่างที่ผู้ติดยาอาจยังไม่พร้อมในการเข้ารับการบำบัดด้วยตนเอง ดังนั้น จึงกำหนดนโยบายให้ผู้ที่ต้องการเลิกยาเสพติด สามารถเข้ารับการบำบัดได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย เพราะถือว่าบุคคลเหล่านั้นมีเกียรติและมีความตั้งใจที่จะเปลี่ยนแปลงตนเอง
“ในเรื่องนี้ กระทรวงสาธารณสุขจะเข้ามาบูรณาการการทำงาน โดยมีแนวคิดที่จะให้แพทย์เข้ามามีส่วนร่วมในการบำบัดรักษาด้วย นอกจากนี้ ในระดับพื้นที่ ผู้นำท้องถิ่นควรช่วยกันผลักดันให้มีการนำผู้ติดยาเสพติดเข้าสู่กระบวนการบำบัด ซึ่งถือเป็นตัวชี้วัดสำคัญของความสำเร็จในการทำงาน รวมทั้ง รัฐควรสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการบำบัด เพื่อลดภาระของครอบครัว เพราะการที่ประเทศได้พลเมืองที่มีสุขภาพดีกลับคืนมา ถือเป็นกำไรของประเทศชาติ ส่วนการประเมินผลงานการทำงานของข้าราชการในพื้นที่นั้น แม้รัฐบาลจะมีความเมตตาต่อข้าราชการ แต่ก็จำเป็นต้องมีการประเมินผล หากพบว่าผู้นำในพื้นที่ใดยังคงปล่อยปละละเลย หรือทำงานได้ไม่เต็มที่ ก็ควรมีการพิจารณาโยกย้าย เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ที่มีความตั้งใจและมุ่งมั่นเข้ามาทำงานแทน” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าว
ส่วนทางด้านพ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการ ศอ.บต. บอกว่า สำหรับนโยบาย 120 วัน วาระพืชกระท่อม ของรัฐบาล ในเรื่องของการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ถ้าได้ติดตามข่าวสารทุกวัน จะเห็นว่า ทุกหมู่บ้านกำลังดำเนินการไม่เอาพืชกระท่อม ในส่วนของ ศอ.บต. ก็ส่งเสริม สนับสนุนในทุกกิจกรรม ผ่านกลไกลที่ทางท่านแม่ทัพภาค 4 ได้วางเอาไว้ หมู่บ้านใดให้ความมุ่งมั่นในการดำเนินการในเรื่องนี้ก็จะลงไปดำเนินการสนับสนุน ในทุกมิติทั้งทางด้านการพัฒนา การส่งเสริมอาชีพ เพื่อให้สอดคล้องและมีความมั่นคง และยั่งยืนในแนวทางนี้ ให้เห็นว่ารัฐบาลมีความจริงจังและจริงใจในเรื่องนี้ ที่ส่งเสริมภาคประชาชนให้มีส่วนร่วม ซึ่งต้องขอบคุณประชาชนที่ทำหน้าที่นี้ให้รัฐสามารถทำงานได้อย่างเข้มแข็ง และมีความยั่งยืนต่อไป