โผล่อีก ป่าสระบุรี ถูกนายทุนรุกถาง 600 ไร่ 'สร้างบ้าน' อ้างเป็นเกษตรกร ปลูกสำปะหลัง
บิ๊กเต่า ชี้จุด ‘เจ้าหน้าที่รัฐ’ บุกรุกพื้นที่ป่า ปลอมเอกสาร อ้างเป็นพื้นที่ทำเกษตร เผย สั่งห้ามแล้ว แต่ไม่ฟัง สร้างบ้าน-ถางป่า ลั่นพร้อมขยายผลต่อ เอาพื้นที่คืนชาวบ้าน
เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม หลังจากนั้นในช่วงเที่ยงของวันนี้ ทางด้านของ พ.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พร้อมด้วย พร้อมด้วย พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ป. นายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ ที่ปรึกษาด้านกฎหมายฯ รมว.เกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วยกรมป่าไม้ พาทีมข่าวเดินทางขึ้นไปดูพื้นที่ป่าสงวน ที่โดนนายทุนรุกล้ำ และแอบอ้างออกเอกสารสิทธิ์
โดยมีการเปิดเผยว่าช่วงเมื่อประมาณ 2-3 เดือนที่ผ่านมา ได้เข้ามาตรวจสอบพื้นที่บริเวณนี้แล้ว 1 รอบ พร้อมกับสื่อมวลชน โดยในครั้งนั้นพบว่าพื้นที่บริเวณดังกล่าวยังไม่มีการแผ้วถางมากเท่าตอนนี้
นอกจากนั้น ทางเจ้าหน้าที่ยังบอกกับทีมข่าวว่า บริเวณจุดดังกล่าวก่อนหน้านี้ไม่มีการปลูกต้มหม่อน หรือต้นกล้วยแต่อย่างใด แต่พอมาตรวจสอบในครั้งนี้กลับพบว่าพื้นที่ดังกล่าวมีการปลูกต้นหม่อน และต้นกล้วยขึ้นมา เพื่อเป็นการแสดงให้เจ้าหน้าที่เห็นว่า “พื้นที่ดังกล่าวใช้เพื่อการเกษตร” แต่เมื่อทีมข่าวได้ตรวจสอบใบรับรองการออกที่ดิน สปก. กลับพบว่า “ที่ดินดังกล่าวขอออกเอกสารสิทธิ์ปลูกมันสำปะหลัง”
และพื้นที่บริเวณนี้ ก่อนหน้านี้มีการสร้างบ้าน 2 ชั้นไว้ แต่ยังไม่ได้ทาสี ซึ่งในตอนนั้นทางด้านของเจ้าหน้าที่ได้มีการมาบอกว่าห้ามก่อสร้างเพิ่มเติม แต่ทางด้านนายทุนคนดังกล่าวไม่เชื่อ เมื่อมาตรวจสอบในครั้งนี้พบว่าบ้านหลังดังกล่าวได้มีการทาสีเสร็จสิ้นแล้ว มีการเตรียมเดินสายไฟเอาไว้ แต่ยังไม่มีกระแสไฟเข้ามา
นอกจากนั้น ทีมข่าวได้สอบถามว่าก่อนหน้านี้ได้มีการสอบถามกับเจ้าหน้าที่รังวัดหรือไม่ว่าพื้นที่บริเวณนี้เป็นพื้นที่ป่า ทางด้านของ พ.ต.ต.จรูญเกียรติ เปิดเผยว่า ทางด้านของ เจ้าหน้าที่รังวัด ตอบว่า มีอำนาจหน้าที่ในการรังวัด ตนจึงได้สอบถามต่อว่าแล้วไม่รู้ว่าพื้นที่บริเวณนั้นเป็นพื้นที่ป่า ทางด้านเจ้าหน้าที่รังวัดคนดังกล่าวไม่สามารถตอบคำถามได้ ซึ่งพื้นที่บริเวณนี้เหมือนเป็นการลักไก่ไปวัดพื้นที่ก่อน โดยมีผู้ใหญ่บ้านและกำนันในพื้นที่เป็นคนเซ็นรับรอง และนำไปออกเอกสารสิทธิ์ โดยไม่ได้มีการลงพื้นที่มาดูสภาพจริง
หลังจากนั้นทีมข่าวได้สอบถามกับทางด้านของ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ถึงเรื่องบทบาทหน้าที่ของกำนัน ที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจออกหมายจับ โดยทีมข่าวสอบถามว่าก่อนที่จะมีการรังวัดที่ดินทางด้านกำนันจะต้องเป็นคนมานำชี้หรือไม่ ทางด้านของ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เผยว่า ทางด้านของกำนันจะต้องเป็นคนมานำชี้ให้เจ้าหน้าที่รางวัดที่ดิน เพราะอย่างนั้นเจ้าตัวจะต้องรู้มากที่สุดว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ป่า ที่ไม่สามารถรุกล้ำได้ แต่กลับเซ็นเป็นพยานให้กับทางด้านของเจ้าหน้าที่ จึงทำให้มีความผิดมากที่สุด ยืนยันว่าตนเองไม่ได้กลั่นแกล้ง ซึ่งตนเองก็เชื่อว่าทั้งกำนันและผู้ใหญ่บ้านเป็นกลุ่มที่รู้เห็น และรับผลประโยชน์ด้วยกัน จึงเป็นที่มาของการออกหมายจับในครั้งนี้
ส่วนพื้นที่วัดที่อยู่บริเวณตีนเขานั้นทางด้านของกรมป่าไม้ได้มีการมอบให้กับวัดเพื่อเป็น “พื้นที่สาธารณะประโยชน์” แต่ถ้าหากเมื่อไหร่ที่วัดในพื้นที่ดังกล่าวเป็น “พื้นที่ส่วนตัว” ก็จะถูกดำเนินการเช่นเดียวกัน
ซึ่งระหว่างที่ทีมข่าวพร้อมกับเจ้าหน้าที่กำลังพูดคุยกันอยู่นั้นก็มี รถกระบะปริศนาขับลงมาจากบริเวณด้านบนของภู ทีมข่าวพร้อมกับเจ้าหน้าที่จึงรีบเดินไปสอบถามว่าเป็นคนในพื้นที่ หรือเจ้าของหรือไม่ แต่ทางด้านบุคคลดังกล่าว อ้างว่า ไม่ใช่ แต่เป็นเพียงชาวบ้านที่ขับผ่านมาเท่านั้น หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จึงให้เจ้าตัวเดินทางกลับ
ต่อมา พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาฯ ป.ป.ท. บอกว่า เป็นปฏิบัติการตามนโยบายท้วงผืนป่าให้กับเกษตรกรผู้ยากไร้ ซึ่งเกษตรกรผู้ยากไร้ไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้าถึงที่ดินทำกิน ในวันนี้เป็นการบูรณาการกับหลายหน่วยเพื่อทวงพื้นที่ป่าให้กับประชาชน
นายภูมิวิศาล บอกว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อปี 2558 ทาง ป.ป.ท. ร่วมกับกรมป่าไม้ดำเนินคดีกับประชาชนที่บุกรุกป่าในพื้นที่จังหวัดสระบุรี 5 ราย ศาลมีคำพิพากษาให้มีโทษจำคุกทั้ง 5 ราย หลังจากผู้ต้องหาพ้นโทษ สำนักงาน ส.ป.ก. จังหวัดสระบุรี ได้มีการจัดสรรที่ดินทำดินให้กับ เกษตรกรทั้ง 5 ราย ซึ่งมีความผิดปกติ จึงได้มีการตรวจสอบขยายผลการมอบที่ดินให้ทั้ง 5 ราย โดยเข้มข้นปรากฏว่าพบความผิดปกติ พบข้อเท็จจริง และพยานหลักฐานบางอย่างชี้ชัดว่าอาจจะมีการทุจริตจากคน 3 กลุ่ม คือ กลุ่มเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก. ซึ่งเป็นรัฐ กลุ่มที่สองคือประชาชนที่อาจจะเป็นนอมินี หรือผู้ที่เป็นมีสิทธิ์ และกลุ่มสุดท้าย คือนายทุน เราจึงตรวจสอบ และพบว่ามีการออกเอกสารสิทธิ์ที่ดินของส.ป.ก. ขยายไปอย่างรวดเร็วเกือบ 600 ไร่ ซึ่งเป็นที่น่าตกใจ
สำนักงาน ป.ป.ท. จึงตัดสินใจเข้าร้องเรียน เราดำเนินการ 2 ส่วน ส่วนแรกที่ส่งเรื่องไป คือ ป.ป.ช. แต่อีกส่วนหนึ่งจาก 84 แปลง 600 ไร่ เราตัดสินใจเข้าร้องทุกข์กับ บก.ปปป. หลังจากนั้นก็มีการบูรณาการกับกระทรวงเกษตร กรมป่าไม้ สำนักงานปปช. หลายเดือนที่ผ่านมามีการเก็บหลักฐานอย่างเข้มข้น จนนำมาสู่ปฏิบัติการในวันนี้และมาสู่การจับกุม เจ้าหน้าที่รัฐ ส.ป.ก. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ที่มีส่วนเกี่ยวพันกับการออกเอกสารสิทธิ์โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ด้านพล.ต.ต.จรูญเกรียติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการสอบสวนกลาง กล่าวว่า เราได้ร่วมบูรณาการร่วมกับ ปปท. , ป.ป.ช. , กรมป่าไม้ และกระทรวงเกษตรในการที่จะบังคับใช้กฎหมายกับผู้ที่ละเมิดกฎหมาย เราได้ทำการสืบสวนร่วมกัน พบว่าที่แปลงนี้แบ่งเป็น 2 ส่วน ในส่วนแรกที่ 100 ไร่ในคาเฟ่รีสอร์ตหรูที่เป็นประเด็นอยู่ในขณะนี้ ทาง ป.ป.ช. รับไปดำเนินการเอง และยังไม่ส่งกลับ แต่ในส่วนที่ 2 คือพื้นที่ 600-700 ไร่ ป.ป.ช. ได้ส่งให้เราดำเนินการ และก็ได้ทำการสืบสวนสอบสวน เก็บหลักฐานข้อมูล ปรากฏว่า มีพื้นที่เสียหายเป็นจำนวนมาก สิ่งที่เราดำเนินการเพื่อให้เกิดความชัดเจนว่า เราไม่ได้รังเแกใคร เราทำไปตามขอบเขตของกฎหมาย
ก่อนหน้านี้เราเคยมาที่พื้นที่ดังกล่าวแล้ว ข้างหลังยังเป็นป่าไม้ที่สมบูรณ์ ไม่ใช่พื้นที่ทำมาหากิน และมีนายทุนมาร่วมกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ ยึดพื้นที่ประมาณ 600-700 ไร่ ในการสอบให้กับผู้ที่ไม่มีสิทธิ์ วันนี้เราจึงมาบังคับใช้กฎหมายใน 4 แปลงนี้หลังจากนั้นจะขยายผลไปยังพื้นที่และบุคคลที่เกี่ยวข้อง ที่ดินทั้งหมด เราจะตามเอากลับมาให้ครบ ไม่ใช่เอาพื้นที่นี้ไปแจกนายทุน
ด้านพ.ต.อ.วนัสชัย ยิ่งยงสมสวัสดิ์ ผกก.กก2 บก.ปปป. บอกว่าในส่วนของตำรวจ บก.ปปป. ได้รับมอบหมายให้ดำเนินการในข้อเท็จจริง จนกระทั่งรวบรวมพยานหลักฐาน และออกหมายจับศาลอนุมัติออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด 6 รายซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ทั้งหมด มีทั้งเจ้าหน้าที่สปก.จังหวัดสระบุรี เจ้าหน้าที่พนักงานรางวัด ขึ้นไปถึง หัวหน้าส.ป.ก.จังหวัดสระบุรี รวมถึงผู้ใหญ่บ้านและกำนัน ที่ออกใบรับรองให้กับผู้ที่ไม่มีสิทธิ์โดยแท้จริง มีผู้ต้องหาทั้งหมด 6 คนในวันนี้ เป็นผู้ที่เกี่ยวข้องในขั้นตอนการออกส.ป.ก. ในส่วนของข้อหา คือข้อหาเจ้าพนักงานปฎิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ และทำเอกสารอันเป็นเท็จ หลังจากนี้เราจะขยายผลทั้งที่ดิน และผู้บุคคลที่เกี่ยวข้องต่อไป
ขณะที่ นายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า เดิมทีพื้นที่ตรงนี้เป็นพื้นที่ป่าไม้มายาวนาน มีหลักฐานจากกรมป่าไม้ชัดเจน ทางกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เราไม่ได้มีนโยบายประชาชนมาทำกินโดยการที่บุกรุกป่า แต่มีเจ้าหน้าที่รัฐ คือเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก.จังหวัดสระบุรี ไล่ตั้งแต่ ปฏิรูปที่ดินจังหวัด ผอ. ฝ่ายกฎหมาย ฝ่ายรังวัด และฝ่ายยุทธศาสตร์
พื้นที่ดังกล่าวบริเวณนี้มีพื้นที่ 1 แปลง 62 ไร่ โดยที่ขั้นตอนคือเจ้าของที่ทำประโยชน์ต้องไปแจ้งกับ ส.ป.ก. จังหวัดว่า ที่ดินดังกล่าวทำอยู่ ซึ่งเดิมทีที่ดินตรงนี้เป็นป่าทั้งหมด แต่ไปออกเอกสารเท็จว่าพื้นที่ตรงนี้ปลูกมันสำปะหลัง จากนั้นเจ้าหน้าที่รังวัดก็จะเข้ามารังวัดพอมารังวัดเสร็จ ก็จะส่งข้อมูลให้กับฝ่ายกฎหมาย ฝ่ายนิติกรในการสอบสวนสิทธิ์ และให้ฝ่ายยุทธศาสตร์ตรวจสอบสิทธิ์ว่า มีคุณสมบัติเป็นเกษตรกรหรือไม่ จากนั้น ส่งให้ปฏิรูปที่ดินจังหวัดออกใบส.ป.ก. 4-01 ซึ่งกระบวนการเหล่านี้ เป็นกระบวนการฉ้อฉลเพื่อให้ได้ที่ดินของรัฐ ให้ได้ซึ่งเอกสารสิทธิ์ถูกต้อง
เมื่อมีเอกสารถูกต้องเขาก็เข้ามาบุกรุกป่า จากนั้นก็มาปลูกบ้าน ตัดต้นไม้ทั้งที่เป็นทรัพยากรของประเทศชาติ จึงเป็นที่มาในการออกหมายจับเจ้าหน้าที่ของส.ป.ก. ทั้งหมด 5 คน และ กำนันที่เป็นผู้รับรับรองว่ามีเกษตรกรประกอบอาชีพอยู่ในที่ดินนี้ ซึ่งทั้งหมดเป็นเอกสารปลอมทั้งสิ้น ย้ำว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ปราบปรามคอรัปชั่น หากมีเจ้าหน้าที่มีพฤติกรรมแบบนี้ก็จะดำเนินคดีอย่างแน่นอน
นายพัฒน์พงษ์ สมิตติพัฒน์ รองอธิบดีกรมป่าไม้บอกว่า เราภูมิใจกับพื้นที่ตรงนี้ เพราะเราเริ่มปลูกต้นไม้มาตั้งแต่ 2021 ปลูกทั้งไม้ประดู่ ไม้สักจนเต็มพื้นที่ 6,000 ไร่เป็นที่น่าเสียดายที่ทรัพยากรที่กรมป่าไม้ดูแลรักษามาเป็นอย่างดีกลายเป็นเช่นนี้ สิ่งเหล่านี้ไม่ควรจะเกิดขึ้น
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : โผล่อีก ป่าสระบุรี ถูกนายทุนรุกถาง 600 ไร่ ‘สร้างบ้าน’ อ้างเป็นเกษตรกร ปลูกสำปะหลัง
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.matichon.co.th