ภูมิธรรม สั่งผู้ว่าฯ เร่งจ่ายค่าตอบแทน ชรบ. พ่วงเงินเยียวยาชายแดนกัมพูชา
วันนี้ (9 สิงหาคม 2568) ที่ห้องประชุมมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสุรินทร์ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมติดตาม สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ศรีสะเกษ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี โดยได้สั่งการ 5 แนวทางการบริหารจัดการในอำนาจหน้าที่ของผู้ว่าราชการจังหวัด ดังนี้
1. อำนวยความสะดวกประชาชนกลับบ้าน โดยสามารถขอรับการสนับสนุนจากส่วนกลาง ซึ่งกระทรวงคมนาคมได้สั่งการทุกส่วนงายให้พร้อมสนับสนุนทันทีแล้ว ขณะที่ในกลไกพื้นที่ ขอให้วางแผนบูรณาการความร่วมมือทุกส่วนเพื่อให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนกลับให้ได้เร็วที่สุด รวมถึงการอำนวยความสะดวกในด้านอื่น ๆ หากอะไรที่ดำเนินการได้ตามกรอบกฎหมายให้ทำทันที
2. การสำรวจความเสียหาย สภาพความพร้อมบ้านพักอาศัย สาธารณูปโภค โดยการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจะไม่เรียกเก็บค่าไฟสำหรับบ้านเรือนที่อยู่ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบรวมทั้งศูนย์พักพิงทั้งหมดตั้งแต่เดือนกรกฎาคม - สิงหาคม 2568
รวมไปถึงการประปาส่วนภูมิภาคด้วย สำหรับในเรื่องการซ่อมแซมบ้านเรือน ทุกส่วนราชการทั้งทหาร พลเรือน อาชีวะ สามารถช่วยเหลือโดยใช้เงินตามกรอบที่อนุมัติมาให้ รวมถึงเงินบริจาคที่ได้รับจากภาคส่วนต่าง ๆ โดยประสานมาที่ส่วนกลาง
3. การสำรวจประกอบอาชีพและสาธารณสุข ทั้งเรื่องสุขภาพกาย สุขภาพใจ รวมถึงผู้ปฏิบัติงานทั้งทหาร ตำรวจ ตำรวจตระเวนชายแดน อาสาสมัคร เจ้าหน้าที่ทุกคนที่ไปพื้นที่ก็มีความเสี่ยงเช่นกัน ต้องดูแลให้ครอบคลุมครบถ้วน
4. การเบิกจ่ายเยียวยาในภาวะที่ประชาชนเผชิญกับความทุกข์ ต้องใช้จ่ายอย่างมีคุณภาพ ครบถ้วน เต็มที่ บนเหตุผลและหลักการที่ต้องรักษาอธิปไตยของประเทศและชีวิตพี่น้องประชาชนอย่างเต็มที่ ทุกอย่างต้องเป็นไปอย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ รวมถึงผู้ปฏิบัติงานด้วย เพราะเป็นผู้เสียสละสำคัญทั้งแนวหน้าและแนวหลัง
5. ค่าตอบแทนชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) จะดูแลให้ดีที่สุด โดยหากถ้าทำงานวันละ 6 ชั่วโมงขึ้นไปแต่ไม่ถึง 12 ชั่วโมง 120 บาท แต่ถ้าเกินจาก 12 ชั่วโมงขึ้นไป 240 บาท รวมแล้วประมาณ 117 ล้านบาท เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้กับ ชรบ. หมู่บ้านต่าง ๆ ประมาณ 32,740 นาย ในพื้นที่
นายภูมิธรรม กล่าวว่า สถานการณ์ชายแดน ไทย-กัมพูชา ล่าสุด ภายหลังจาก รักษาการรมว.กลาโหมได้เจรจาในการประชุม GBC ที่ประเทศมาเลเซีย มีผลการเจรจาเป็นที่น่ายินดีในชั้นต้นเพราะเราต้องการความจริงจังและจริงใจจากกัมพูชา ด้วยจุดมุ่งหมายสำคัญ คือ การรักษาสันติภาพให้ดีขึ้นเพื่อรักษาบ้านเมืองให้ชีวิตประชาชนได้มีสิ่งที่ดีที่สุด ซึ่งกองทัพได้หารือและมีข้อสรุป คือ การหยุดยิงเกิดขึ้นโดยทันทีหลังจากที่ได้มีการคุยกัน
โดยขณะนี้มีการเพิ่มอาเซียนเข้ามาเป็นสักขีพยาน รวมทั้งประเทศใหญ่ทั้งสหรัฐอเมริกาและสาธารณรัฐประชาชนจีน ก็เข้ามาสังเกตการณ์ และประเทศเหล่านี้ก็ได้ส่งตัวแทนเข้าไปดูสถานที่จริงแล้ว ทำให้ได้เห็นความสูญเสียของประชาชนทั้ง 2 ประเทศ ทั้งทหาร ตำรวจ และพลเรือน โดยเมื่อการประเมินได้รับการยอมรับจากกองทัพแล้วว่าปลอดภัยทุกพื้นที่ประชาชนจึงจะกลับได้
ทั้งนี้ต้องขอบคุณกระทรวงการต่างประเทศที่เข้ามาดูแลพูดคุยเจรจาและการรักษาสันติภาพ รวมถึงกระทรวงมหาดไทย ทั้งกรมการปกครอง กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยที่ทุกส่วนขับเคลื่อนสนับสนุนบทบาทของพื้นที่อย่างเต็มกำลังตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ รวมถึงสำนักนายกรัฐมนตรี ในเรื่องเงินกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย และด้านการสื่อสารประชาสัมพันธ์ของกรมประชาสัมพันธ์ด้วย