ยุบสภาขวางอนุทิน พท.แก้เกม‘ปชน.’จับมือ‘ภท.’/ปัญญาพ้น‘ตศร.’30ส.ค.

"ครม." กร่อย รัฐมนตรี กธ.-กลุ่ม 18 ลาประชุม "ภูมิธรรม" ย้ำเสียงแข็งมีอำนาจยุบสภา บอกฟางเส้นสุดท้ายอยู่ที่สถานการณ์การเมือง "ชูศักดิ์" เล็งยื่นถามศาล รธน. ปมตุลาการหมดวาระลงมติฟันเชือดนายกฯ เผยราชกิจจาฯ ชัดตั้งตุลาการใหม่ มีผล 30 ส.ค. "อิ๊งค์-แม้ว" เข้าพรรค พท. "ชัยเกษม" แย้มอาจจะมีอัศวินขี่ม้าขาว "ปชน." ถก สส.วันที่สอง หึ่งแกนนำปักธงหนุน "อนุทิน" นายกฯ คนที่ 32 "พริษฐ์-ปกรณ์วุฒิ" รีบชิงปัด ขอรอฟังแถลงบทสรุป 3 ก.ย. "เพื่อไทย" เต้น! "สรวงศ์“ โดดขวาง "ภท." ปูดยุบสภาเดินหน้าตามแผนแล้ว ระบุทางออกดีสุดคืนอำนาจให้ ปชช. "อ้วน" บอกรอดูความชัดเจน กก.บห.ปชน. "มทภ.2" พบเด็ก "มธ." ยันทหารอาชีพ หมดยุคปฏิวัติไม่มีในสมอง

ที่ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 2 ก.ย. เวลา 10.00 น. นายภูมิธรรม เวชยชัย ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยมีรัฐมนตรีลาประชุม 6 คน ได้แก่ 1.นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.ศึกษาธิการ 2.นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รมว.เกษตรและสหกรณ์ 3.นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รมว.พาณิชย์ 4.นายอัครา พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ 5.นายอนุชา สะสมทรัพย์ รมช.สาธารณสุข และ 6.นายสุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์

ทั้งนี้ รัฐมนตรีส่วนใหญ่ที่ลาจากพรรคกล้าธรรม (กธ.) และพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ในส่วนของกลุ่ม 18 ที่ก่อนหน้านี้มีความเคลื่อนไหวชัดเจนว่าให้การสนับสนุนนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย จัดตั้งรัฐบาลและเป็นนายกรัฐมนตรี

นายภูมิธรรมให้สัมภาษณ์ยืนยันมีอำนาจในการยุบภา ซึ่งในการประชุม ครม. ไม่ได้มีการหารือเรื่องการยนุบสภา เพราะตอนนี้ขั้นตอนยังอยู่ช่วงการจัดตั้งรัฐบาล จับมือกัน จนกว่าจะมีการประกาศอย่างชัดเจน หรือเข้าสภาจนได้นายกฯ

ถามว่า เรื่องยุบสภายังมีเวลาตัดสินใจใช่หรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า อยู่ในกระบวนการจัดตั้งรัฐบาลร่วมกัน ซึ่งอยู่ที่ว่าบทสรุปการจัดตั้งรัฐบาลจะเป็นเช่นไร ยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน ตอนนี้แม้แต่พรรคประชาชน (ปชน.) ก็ยังไม่บอกว่าไม่ได้เอาพรรคเพื่อไทย (พท.) และก็ไม่ได้บอกไม่เอาพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ทุกอย่างยังเหมือนเดิม เขายังไม่ได้ข้อสรุป ก็ต้องรอเขา

"ถ้าบ้านเมืองไม่มีทางออก กลไกประชาธิปไตยก็จะมีขั้นตอน หนึ่ง สอง สาม สี่ ให้ทำ ก็เลือกตรงไหนให้ได้ แต่ตอนนี้เรายังไม่บรรลุการเจรจาจนได้ข้อยุติ ว่าจะเสนอใครโหวต และโหวตแล้วจะได้ใคร ยังไม่รู้ เพราะที่ประชุมของ ปชน.ก็แตกละเอียดไปหลายส่วน วันนี้จึงไม่มีประโยชน์อะไร จนกว่าการตกลงร่วมกันมีความชัดเจน เสนอชื่อเข้าสภา และโหวตจนสำเร็จ คำถามต่างๆ จึงค่อยมาถามต่อได้" นายภูมิธรรมกล่าว

ถามว่า พรรค พท.ถูกมองเรื่องตระบัดสัตย์ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ไม่จริง ที่ผ่านมา พท.โหวตให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกฯ ทั้งสองครั้ง ขณะที่พรรคก้าวไกลขณะนั้นบอกว่าจะไปดูแลเรื่องเสียง สว.เอง แต่ผลออกมาไม่ได้เป็นอย่างที่เขาพูด ฉะนั้นจึงมาว่าเราไม่ได้

เมื่อถามว่า อะไรคือฟางเส้นสุดท้ายที่จะยุบสภา นายภูมิธรรมกล่าวว่า อยู่ที่สถานการณ์การเมือง อะไรที่ทำสถานการณ์เมืองถึงทางตันไปไม่ได้ ตนยังไม่คิดถึงเรื่องการยุบสภาอยู่ในหัว เพราะการตัดสินใจเรื่องประชาธิปไตยนั้นมีหลายทาง อย่าคิดไปไกลกว่าสถานการณ์ที่เป็นอยู่

นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีมีการตั้งข้อสังเกตเรื่องการทำหน้าที่ของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่พ้นวาระแล้ว แต่ยังทำหน้าที่เป็นองค์คณะในการพิจารณาคดีนายกรัฐมนตรี จะมีผลกระทบต่อคดีของนายกรัฐมนตรีหรือไม่ว่า ขอให้ไปถามทางศาลรัฐธรรมนูญว่าจะมีผลอย่างไรบ้าง เพราะถ้าดูแล้วก็มีข้อที่ชวนสงสัย

จี้ถามปมตุลาการหมดวาระ

ถามว่า จะทำหนังสือไปยังศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ นพ.พรหมินทร์กล่าวว่า ทางตนคงไม่ทำ เมื่อถามย้ำว่าใครจะเป็นผู้ดำเนินการ ต้องเป็นผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียใช่หรือไม่ นพ.พรหมินทร์กล่าวว่า ตรงนี้ไม่ทราบ

ส่วนนายชูศักดิ์ ศิรินิล รักษาการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเรื่องข้อสังเกตการทำหน้าที่ของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่พ้นวาระว่า เท่าที่ทราบนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ร่วมกันลงรายชื่อ ทำคำร้องเพื่อยื่นต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร ส่งความเห็นไปยังศาลรัฐธรรมนูญ ให้ตีความวินิจฉัยความชอบตามรัฐธรรมนูญ

โดยจะมีการอ้างเหตุผล 2 ข้อ เพื่อให้เกิดความชัดเจน ได้แก่ 1.ทันทีที่มีพระบรมราชโองการในวันที่ 29 ส.ค. ตุลาการคนเก่าก็น่าจะพ้นไปในวันดังกล่าว การที่ตุลาการคนใหม่ยังไม่ได้ถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ใช่ประเด็น แต่เมื่อมีพระบรมราชโองการ คนเก่าก็ไม่ควรทำหน้าที่ต่อไปได้ เพราะต้องถือว่าคนใหม่เป็นตุลาการแล้ว ส่วนจะทำหน้าที่ได้หรือไม่เป็นคนละเรื่อง 2.มีการตั้งประเด็นว่าพระบรมราชโองการมีเมื่อวันที่ 29 ส.ค. แต่ทำไมผู้รับสนองพระบรมราชโองการจึงส่งไปที่ศาลรัฐธรรมนูญล่าช้าหลายวัน แทนที่จะส่งในวันเดียวกัน แต่ล่าช้าไป 1-2 วัน มีเจตนาให้ตุลาการคนเก่าทำหน้าที่ต่อไปหรือไม่ แล้วคนรับสนองกับโจทก์กลายเป็นคนเดียวกัน

อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 2 ก.ย.2568 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่พระบรมราชโองการ ประกาศแต่งตั้งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญว่า พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ประกาศว่า ตามที่ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง นายปัญญา อุดชาชน เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ตามประกาศลงวันที่ 26 พ.ย.2558 นั้น ต่อมา นายปัญญา อุดชาชน ได้พ้นจากตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากครบวาระการดำรงตำแหน่ง เป็นเหตุให้ตำแหน่งว่างลง

บัดนี้ วุฒิสภาได้ให้ความเห็นชอบ นายสราวุธ ทรงศิวิไล ผู้มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ตามมาตรา 200 (5) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 200 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ประกอบมาตรา 8 และมาตรา 12 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2561 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง นายสราวุธ ทรงศิวิไล เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 30 ส.ค.2568

ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) เวลา 12.06 น. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เดินทางมายังที่ทำการพรรค โดยในวันนี้จะมีการประชุมประจำสัปดาห์ โดยช่วงเวลา 13.00 น. จะเป็นการประชุมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ในแต่ละภาค ส่วนเวลา 15.00 น. จะเป็นการประชุม สส.รวมทุกภาค

ทันทีที่ น.ส.แพทองธารเดินทางมาถึง ได้เข้ามาด้านในตึก ผู้สื่อข่าวจึงถามถึงการเดินทางมาที่พรรควันนี้จะมีการพูดคุยในเรื่องใดบ้าง ซึ่ง น.ส.แพทองธารไม่ได้ตอบคำถาม เพียงแต่ยิ้มให้สื่อมวลชนและขึ้นลิฟต์ไปทันที

เวลา 13.20 น. นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางเข้ามาที่พรรคเพื่อไทย โดยเลี่ยงสื่อมวลชนเข้าทางด้านหลังอาคาร แต่ก็ยังหันมายิ้มและโบกมือให้สื่อมวลชน โดยช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน บรรดาแกนนำพรรค พท.ทยอยต่างทยอยเดินทางเข้ามายังที่ทำการพรรค อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ สส.เชียงใหม่ และรองหัวหน้าพรรค

จากนั้นเวลา 14.00 น. นายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรค พท. เดินทางเข้าพรรคด้วยเช่นกัน เพื่อเข้าร่วมประชุม สส.พรรคประจำสัปดาห์ แต่นายชัยเกษมปฏิเสธให้สัมภาษณ์พร้อมระบุว่า เดี๋ยวลงมาค่อยคุยกัน

ถามถึงเรื่องอาจจะมีอัศวินขี่ม้าขาวที่เคยให้สัมภาษณ์ไว้ นายชัยเกษม หัวเราะเสียงดัง ก่อนจะย้อนถามสื่อว่า “ผมมีม้ามาหรือเปล่า” ใครเป็นคนพูด และโลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน

เมื่อถามว่า พร้อมเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ นายชัยเกษมกล่าวว่า ก็พร้อมสิ ไม่พร้อมได้อย่างไร และการประชุมวันนี้ เป็นการพูดคุยกันทั่วไปไม่มีอะไร

ก่อนหน้านี้ นายชัยเกษมให้สัมภาษณ์ในรายการกรรมกรข่าวคุยนอกจอ ระบุว่า ตอนนี้สุขภาพแข็งแรง ไม่มีปัญหาทุกอย่าง หมอยังบอกว่าโชคดีทุกอย่าง ตีกอล์ฟได้ แต่ก็อย่าเจออากาศร้อน

ชัยเกษมปูดอัศวินขี่ม้าขาว

พอถามว่า แต่ตอนนี้เป็นแคนดิเดตคนเดียวที่เหลืออยู่ นายชัยเกษมกล่าวว่า อาจจะมีอัศวินขี่ม้าขาวพุ่งพรวดมาก็ได้ ตนไม่มีปัญหาอะไร ตอนนี้ใช้ชีวิตก็มีความสุขกับครอบครัว แต่ถ้าทำประโยชน์กับบ้านเมืองได้ก็ยินดี ถ้าไม่ยุ่งกับผมก็สบายๆ

ผู้ดำเนินรายการซักว่า ถ้าจากระบบจะมีอัศวินขี่ม้าขาวได้อย่างไร นายชัยเกษมกล่าวว่า ตามหลักการเป็นอย่างนั้น แต่ก็มีแคนดิเดตคนอื่นอีก เอาเป็นว่าถ้าใช้ผม ผมก็ไม่เคยเกี่ยง ถ้าไม่ใช้ผมก็อยู่เฉยๆ ดูเขาต่อสู้กันไป

เวลา 15.52 น. นายทักษิณเดินทางออกจากที่ทำการพรรค พท. โดยใช้ประตูด้านหลัง ผู้สื่อข่าวจึงถามว่าสถานการณ์ตอนนี้ คิดว่ามีทางออกสำหรับการเมืองไทยหรือไม่ นายทักษิณกล่าวว่า ไม่รู้ ตนมาให้กำลังใจ มาให้กำลังใจเฉยๆ

เมื่อถามว่า วันนี้พรรคเพื่อไทยยังยืนยันที่จะส่งชื่อนายชัยเกษม แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทยใช่หรือไม่ นายทักษิณปฏิเสธตอบคำถาม ย้ำเพียงว่าตนมาให้กำลังใจเฉยๆ ไม่มีอะไร

ถามถึงรายงานข่าวว่า ยอมรับผิดที่ไว้ใจ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรมนั้น นายทักษิณไม่ได้ตอบคำถามเช่นเดียวกัน ก่อนจะขึ้นรถและเดินทางออกจากพรรคเพื่อไทยทันที

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงค่ำวันที่ 1 ก.ย. สส.พรรคเพื่อไทยประมาณ 10 คน ได้นัดเลี้ยงสังสรรค์ให้นายฉลาด ขามช่วง ที่ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 2 เมื่อนายทักษิณรู้เรื่องจึงเดินทางมาร่วมแสดงความยินดีกับนายฉลาดด้วย โดยในวงรับประทานอาหาร นายทักษิณพูดถึงกรณีที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า นำพรรคกล้าธรรมถอนตัวจากรัฐบาลพรรคเพื่อไทย โดยยอมรับผิดว่า “ไว้วางใจ ร.อ.ธรรมนัสมากเกินไป พี่ผิดไปแล้ว พี่ดูคนผิด” ทำให้ สส.ที่ร่วมวงอยู่นั้นสวนทันทีว่า นายทักษิณโดนคนหลอกตลอด

ที่พรรคประชาชน (ปชน.) ตั้งแต่ช่วงเช้า กรรมการบริหารพรรค ปชน.ทยอยเดินทางเข้ามาที่พรรค โดยนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรค เดินทางมาถึงตั้งแต่ 09.30 น. แต่ในวันนี้ไม่ได้เข้าประตูด้านหน้าพรรคที่มีสื่อมวลชนจำนวนมากมาเกาะติดความเคลื่อนไหวอยู่ โดยนายณัฐพงษ์เข้าบริเวณประตูด้านหลัง และยิ้มทักทายสื่อมวลชนก่อนที่จะเข้าไปภายในอาคารทันที ขณะเดียวกัน นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ซึ่งถือเป็นแกนนำพรรคคนสำคัญอีกหนึ่งคน ก็เดินทางมาถึงตั้งแต่ช่วงเช้า รวมถึงนายศรายุทธิ์ ใจหลัก เลขาธิการพรรค เข้าบริเวณประตูด้านหลังเช่นกัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงบ่ายมีการประชุม สส.พรรคประชาชน และกรรมการบริหารพรรคประจำสัปดาห์ ช่วงบ่ายวันนี้เป็นการประชุมต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 เพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนถึงแนวทางการโหวตนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 นำโดย นายณัฐพงษ์, นายพิจารณ์, น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรค, นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ประธานคณะกรรมการประสานงานร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) พร้อมฝ่ายกฎหมายของพรรค และ สส.ของพรรค เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง ทั้งนี้ ในที่ประชุมยังได้มีการเก็บอุปกรณ์สื่อสารทุกประเภทอีกด้วย

โดยบรรยากาศในที่ประชุม ช่วงต้นของการประชุมดูท่าทีผ่อนคลาย ไม่ได้เคร่งเครียด จากสีหน้าของทั้งนายณัฐพงษ์และนายปกรณ์วุฒิ ที่ค่อนข้างยิ้มแย้มแจ่มใส ซึ่งหลังจากการประชุม สส.และการบริหารพรรคเสร็จสิ้นแล้ว ทางกรรมการบริหารพรรคจะมีการไปหารือกันอีกครั้ง เพื่อกำหนดท่าทีการโหวตนายกรัฐมนตรีให้เป็นมติอย่างเป็นทางการของพรรคประชาชน

นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุม สส.พรรคประชาชน ประจำสัปดาห์ กรณีนายชัยเกษม แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ระบุอาจจะมีอัศวินขี่ม้าขาวว่า เรื่องอัศวินขี่ม้าขาวก็ทำให้เกิดความสับสนเหมือนกัน เพราะพรรคเพื่อไทยที่เราเข้าใจมาตลอดว่า 2 คนที่มีการเสนอตัว คือนายชัยเกษม และนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ดังนั้น หากมีคนอื่นเข้ามาด้วยก็ต้องตอบให้ชัดว่าคือใคร หมายถึงพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา องคมนตรี ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีหรือไม่ หรือหมายถึงการใช้กลไกนอกระบอบประชาธิปไตยไปเลย ซึ่งจะทำให้นายกรัฐมนตรีคนนอกเข้ามา ซึ่งพรรคเพื่อไทยต้องรีบชี้แจง

หึ่งมติ ปชน.หนุน 'หนู' นายกฯ

ต่อมาเวลา 17.17 น. นายพริษฐ์ พร้อมด้วย นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ ประธาน สส.พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมการพรรคร่วมฝ่ายค้าน ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุม สส.พรรคประชาชน ประจำสัปดาห์ ซึ่งเป็นการประชุมต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 เพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนถึงแนวทางการโหวตนายกรัฐมนตรีคนที่ 32

นายปกรณ์วุฒิกล่าวว่า มติที่ประชุมของพรรคประชาชน คือวันนี้ไม่มีมติ ต้องบอกว่า 2 วันที่ผ่านมา เราได้มีการรับฟังความเห็นของ สส. มีการเปิดรับฟังความเห็นของทุกองคาพยพของพรรค ทั้งเจ้าหน้าที่พรรค ทีมงานพรรคประจำจังหวัด และเครือข่ายต่างๆ ทั่วประเทศ ทั้งนี้ พรรคประชาชนยังคงเปิดรับฟังความเห็นของสมาชิกพรรคอย่างต่อเนื่อง

"ในวันที่ 3 ก.ย.จะมีการประชุมของกรรมการบริหารพรรค และคณะผู้บริหารของพรรค ที่อาคารรัฐสภา เพื่อตัดสินใจในขั้นสุดท้ายว่า เราจะโหวตเลือกแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีท่านใด ยืนยันพรุ่งนี้ (3 ก.ย.) รู้แน่ ส่วนเวลากี่โมงนั้น ยังไม่มีการนัด แต่จะพยายามให้เร็วที่สุด สำหรับแนวโน้มในตอนนี้ ยังไม่มีการตัดสินใจในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง" นายปกรณ์วุฒิกล่าว

ถามถึงกระแสข่าวจะจับมือพรรคภูมิใจไทย นายปกรณ์วุฒิยืนยันว่า ไม่เป็นข้อเท็จจริงใดๆ ไม่มีมติ ไม่มีการตัดสินใจในทางใดทางหนึ่ง ณ ตอนนี้ เรื่องนี้ไม่ใช่การตัดสินใจที่ง่าย และเห็นตรงกันว่า นี่ไม่ใช่การเลือกนายกรัฐมนตรีที่ดีที่สุด แต่คือการเลือกนายกรัฐมนตรีที่มีโอกาสพาไปสู่การยุบสภา และมีโอกาสแก้รัฐธรรมนูญมากที่สุด ซึ่ง สส.ทุกคนเข้าใจตรงกัน

"ข่าวที่ปล่อยออกมา ผมไม่ทราบด้วยซ้ำว่าใครปล่อย จึงไม่ทราบเจตนา" นายปกรณ์วุฒิกล่าว

ถามว่า การไม่มีมติ คือการรอดูท่าทียุบสภาจากพรรคเพื่อไทยใช่หรือไม่ นายพริษฐ์ระบุว่า นาฬิกาเดินไปเรื่อยๆ เราเรียกร้องเรื่องนี้มาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม นาฬิกายังเดินต่อไป ถ้ารักษาการนายกรัฐมนตรีไม่ดำเนินการยุบสภา เราก็ต้องตัดสินใจ

ถามถึงความเห็น สส.ที่สนับสนุนพรรคภูมิใจไทย ให้เหตุผลว่าอะไร นายพริษฐ์กล่าวว่า สิ่งที่พูดได้คือ เราไม่ไว้วางใจทั้งคู่ เพราะเรื่องความรู้สึกคงมีกันหมด

เมื่อถามถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าพรรคเพื่อไทยมีการเริ่มขั้นตอนยุบสภาแล้ว พรรคประชาชนมีการเตรียมการอย่างไรบ้าง นายพริษฐ์กล่าวว่า ได้ยินมาเยอะ แต่ไม่เห็นการกระทำ นายปกรณ์วุฒิกล่าวเสริมว่า ประเด็นนี้ต้องไปถามพรรคเพื่อไทย อำนาจอยู่ในมือคุณ ซึ่งยังไม่ได้ทำ ส่วนเราเตรียมพร้อมเลือกตั้ง

ถามว่า มีข่าวนายภูมิธรรมได้ทูลเกล้าฯ ถวายให้มีพระราชกฤษฎีกายุบสภาแล้ว นายพริษฐ์กล่าวว่า เป็นรายงานข่าวมีประโยคเดียว จึงขอยังไม่ให้ความเห็นต่อสิ่งที่มีการรายงาน ถ้ามีการยุบสภาจริง ก็คงไม่ต้องพูดเยอะ ขอให้โชว์หลักฐานให้เห็นว่ามีการดำเนินการทำไปแล้ว

มีรายงานว่า ในการประชุม สส.ของพรรคประชาชน วันที่ 2 เพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนถึงแนวทางการโหวตนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 สส.แสดงความคิดเห็นกันอย่างหลากหลาย ซึ่งทุกคนเข้าใจตรงกันแล้วว่า ในเวลานี้จำเป็นต้องเลือก จึงเกิดการเสียงแตก ว่าจะเลือกฝ่ายใดกันแน่ ทำให้ภายหลังการประชุม สส. บรรดาแกนนำมีการนำเรื่องดังกล่าวกลับมาถกเถียงในวงเล็กอีกครั้งกันต่อ หลังจาก สส.ทยอยเดินทางกลับแล้ว

อย่างไรก็ดี เชื่อว่าแกนนำพรรคมีแนวโน้มเลือกสนับสนุนพรรคภูมิใจไทย และผลักดันนายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 อยู่แล้ว เพื่อหยั่งเชิงพรรคเพื่อไทย ว่าจะตัดสินใจอย่างไรต่อไป พร้อมหวังว่าอาจจะกดดันให้สามารถนำไปสู่การยุบสภาได้ในที่สุด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังข่าวสนับสนุนนายอนุทินหลุดออกไป ทำให้พรรคได้เปลี่ยนตัวผู้แถลง แต่เดิมที่เป็นนายณัฐพงษ์ ก็ให้นายพริษฐ์และนายปกรณ์วุฒิลงมาชี้แจงแทน พร้อมกับให้รอมติอย่างเป็นทางการของพรรค ในวันที่ 3 ก.ย.

พท.แย้มเดินหน้ายื่นยุบสภา

เวลา 17.10 น. นายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์หลังมีรายงานว่าพรรคประชาชนมีมติสนับสนุนนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นนายกฯ ว่า ขอให้รอมติอย่างเป็นทางการจากพรรคประชาชน เพราะขณะนี้ยังไม่ได้ออกแถลงอย่างเป็นทางการ แต่เท่าที่ตนเช็กและทราบมา เป็นมติของกรรมการบริหารพรรค แต่ยังไม่แน่ใจว่าเป็นมติของสมาชิกพรรคจากทั่วประเทศแล้วหรือยัง แต่หากเป็นมติทางการของพรรคประชาชน ที่โหวตให้นายอนุทิน เพื่อไทยก็ดำเนินการตามกระบวนการเข้าสู่กระบวนการเลือกนายกฯ พรรคเพื่อไทยก็พร้อมที่จะเสนอชื่อของนายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย เข้าชิงตำแหน่งนายกฯ

ถามว่า การยุบสภาจะเป็นหนึ่งในประเด็นพิจารณาของพรรคเพื่อไทยในขณะนี้หรือไม่ นายสรวงศ์กล่าวว่า กระบวนการได้ดำเนินการไปแล้ว แต่รอดูว่าจะอย่างไรต่อ เพราะสิ่งที่เพื่อไทยกำลังทำอยู่คือพยายามหาทางออกที่ดีที่สุดให้ประเทศ แต่ทั้งหมดเป็นอำนาจของนายภูมิธรรม เวชยชัย ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกฯ แต่อย่างไรก็ตาม ก็ได้มีการพูดคุยกัน ซึ่งกระบวนการทั้งหมดต้องใช้เวลา

เมื่อถามว่า กระบวนการยุบสภาที่เริ่มไปแล้วหมายความว่ารอนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายใช่หรือไม่ นายสรวงศ์กล่าวว่า ทางนายภูมิธรรมได้วางแผนและดำเนินการอยู่ ตนไม่ทราบว่าขั้นตอนอยู่ตรงไหน

ย้ำว่ากระบวนการที่ว่า คือนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายยุบสภาใช่หรือไม่ นายสรวงศ์ยอมรับว่า ใช่ครับ จริงๆ แล้วเป็นสิ่งที่เราดำเนินการอยู่แล้ว ไม่ใช่การออกมาขู่ ทางออกที่ดีที่สุดของประเทศคือการคืนอำนาจให้ประชาชน ซึ่งเป็นกระบวนการที่เราต้องทำอย่างรอบคอบและระมัดระวังที่สุด นายสรวงศ์ย้ำว่า รายละเอียดทั้งหมดต้องถามนายภูมิธรรม

เมื่อถามว่า ได้มีการแจ้งสมาชิกพรรคเพื่อไทยเรื่องการยุบสภาไปแล้วหรือไม่ นายสรวงศ์กล่าวว่า เป็นขั้นตอนทั้งหมด เราคุยกับสมาชิกพรรคว่าขั้นตอนเป็นอย่างไร มีการวางแผนอย่างไรในการทำงาน ทุกอย่างหากไปได้ต่อก็จะดี แต่อย่างที่นายพริษฐ์บอก หากยุบได้เลยก็ยุบ พวกเราอยากให้เป็นทางออกที่ดีที่สุด ไม่ได้อยากให้รู้ว่าใครจะชิงอะไรก่อนทั้งสิ้น ทั้งหมดเรามองว่าประเทศอยู่ในจุดที่จะต้องตัดสินใจ เพราะฉะนั้นขอดูว่าเป็นมติของพรรคประชาชนจริงหรือไม่ หรือเป็นเพียงมติของคณะกรรมการบริหารพรรค

ถามย้ำว่า หากเป็นมติทางการของพรรคประชาชน พรรคเพื่อไทยจะนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายยุบสภาเลยใช่หรือไม่ นายสรวงศ์กล่าวว่า ขั้นตอนตนขออนุญาตให้ไปถามนายภูมิธรรม เพราะไม่ใช่อำนาจของตน และขณะนี้ทุกพรรคมีความพร้อมสำหรับการเลือกตั้ง และพร้อมที่จะทำงานต่อด้วย ไม่ว่าสถานการณ์ใดพร้อมหมด

อย่างไรก็ตาม เวลา 17.27 น. นายภูมิธรรมให้สัมภาษณ์อีกครั้งถึงกระแสข่าวลือที่ประชุม สส.พรรคประชาชนมีมติสนับสนุนเป็นนายกฯ คนที่ 32 ว่า ตนเพิ่งรับแจ้งว่า ไม่จริง ไม่มีการนัด ไม่มีการเจอ แล้วจะไปพูดในสิ่งที่เลื่อนลอย

เมื่อถามว่า เพียงแค่รอขั้นตอนการเห็นชอบของ กก.บห. นายภูมิธรรมกล่าวว่า ไม่แน่ เมื่อกี้เขาก็บอกว่าไม่เกี่ยว ยังไม่ได้ตัดสินใจ เมื่อถามย้ำว่า หากข่าวการจับมือเป็นจริง นายภูมิธรรมกล่าวว่า ไม่มี ถามถึงกรณีนายสรวงศ์ให้สัมภาษณ์ระบุเริ่มกระบวนการยุบสภาแล้วนั้น นายภูมิธรรมกล่าวว่า ก็บอกแล้วว่าเป็นขั้นตอนต่อไป แต่ต้องรอความชัดเจนก่อนว่าอะไรเป็นอะไร

เมื่อถามว่า โดยส่วนตัวเตรียมยุบสภาหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ไม่เตรียม ยังไม่ได้เตรียม ผมบอกว่ายังอยู่ในขั้นตอนการเจรจาเลย

"ให้เขาประกาศจับมือกันเมื่อไหร่แล้วค่อยมาว่ากัน” นายภูมิธรรมกล่าวพร้อมหัวเราะ

เวลา 18.00 น. นายสรวงศ์โพสต์เฟซบุ๊กว่า "เห็นข่าวหลายสำนักพาดหัวว่าตนให้สัมภาษณ์ว่ากระบวนการการยุบสภาเริ่มต้นขึ้นแล้ว ต้องขอเรียนว่าสิ่งที่หมายความถึง คือการคืนอำนาจให้ประชาชนเป็นสิ่งที่พรรคเพื่อไทยคิดว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ขอเรียนว่าการยุบสภาเป็นพระราชอำนาจ ส่วนขั้นตอนขอให้ผู้ที่ทำหน้าที่ ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรีเป็นผู้ดำเนินการครับ ย้ำว่ายังไม่มีการทูลเกล้าฯ ถวายใดๆ ทั้งสิ้นครับ"

มท.2 ลั่นทหารหมดยุคปฏิวัติ

ที่พรรคกล้าธรรม (กธ.) นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.ศึกษาธิการ ในฐานะหัวหน้าพรรค กธ. แถลงภายหลังการประชุมพรรคว่า วันนี้พรรค กธ.ได้ประชุมและติดตามสถานการณ์ของแต่ละพรรคการเมือง ส่วนพรรค กธ.ชัดเจนตั้งแต่การแถลงการณ์เมื่อวันเสาร์ที่ 30 ส.ค.แล้วว่า เราจะสนับสนุนนายอนุทินเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 32

วันเดียวกัน ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 บรรยายพิเศษในหัวข้อ วิสัยทัศน์หลักธรรมะ และการวางยุทธศาสตร์ป้องกันชายแดน ในวิชาอาณาเขตศึกษา ให้กับนักศึกษาปี 1 ภาควิชาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

พลโทบุญสินกล่าวตอนหนึ่งว่า เรารักธรรมศาสตร์ เพราะธรรมศาสตร์สอนให้เรารักประชาชน ผมชอบคำนี้ เพราะผมอยู่กับประชาชน ไม่ต้องถามว่า จะปฏิวัติหรือไม่ ไม่อยู่ในสมอง ผมมีเพื่อนเป็น ผบ.ทบ. (พลเอกพนา แคล้วปลอดทุกข์) ยืนยันว่า หมดยุคหมดสมัยไปแล้ว แต่เราจะทำอย่างไร หาตัวแทนบริหารประเทศ คนที่มีวิสัยทัศน์ ทุกกระทรวง ทบวง กรม จะคัดคนพวกนี้ได้อย่างไร พวกเราต้องช่วยกัน คือสิ่งที่เราจะต้องทำต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นักศึกษาได้ถามว่ารู้สึกอย่างไรที่ทหารมายุ่งกับการเมือง พลโทบุญสินยิ้มพร้อมตอบคำถามว่า เป็นคำถามที่ตอบได้ สร้างเสียงฮือฮาให้กับนักศึกษาภายในห้อง จากนั้นพลโทบุญสินกล่าวว่า ทหารยุคใหม่อย่าไปใช้วาทะศิลป์มาก เอาสั้นๆ ห้วนๆ ไม่อ้อมค้อม ทหารไม่ยุ่งการเมือง จะสง่างามและเป็นหลักเป็นแก่นให้กับแผ่นดินนี้ เรื่องการเมือง สภาผู้แทนราษฎรว่ากันไป.