จีนมีแผนกระตุ้นการบริโภคครั้งใหม่ผ่านการอุดหนุนดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อลดผลกระทบจากสงครามการค้า
จีนมีแผนกระตุ้นการบริโภคครั้งใหม่ผ่านการอุดหนุนดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อลดผลกระทบจากสงครามการค้า ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2568 ทางการจีนพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคการบริโภคในประเทศ โดยขยายวงเงินในมาตรการของเก่าแลกของใหม่ (Trade-in program) เพิ่มขึ้น 2 เท่าจากปีก่อนอยู่ที่ 300 ล้านหยวน รวมถึงปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (7-day reverse repo rate) ลง 0.1% มาอยู่ที่ 1.4% เมื่อเดือนพ.ค.68 ที่ผ่านมา ซึ่งมาตรการดังกล่าวเข้ามาช่วยหนุนการบริโภคของจีนได้บางส่วนสะท้อนผ่านตัวเลขยอดค้าปลีกของจีนครึ่งแรกของปี 2568 ที่เติบโตขึ้นได้จากสินค้าที่อยู่ในโครงการของเก่าแลกของใหม่ (รูปที่ 1)
- ขณะที่ในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 วงเงินในโครงการของเก่าแลกของใหม่ลดลงจากในครึ่งแรกของปี อีกทั้ง รัฐบาลท้องถิ่นเริ่มมีการจำกัดโควต้าการซื้อสินค้าในโครงการจากวงเงินของรัฐบาลท้องถิ่นแต่ละแห่งที่ไม่เพียงพอ ขณะที่ธนาคารกลางจีนมีแนวโน้มปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลงเพิ่มเติม แต่ระดับของการปรับลดอาจถูกจำกัดด้วยรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ของระบบธนาคารจีนอยู่ในระดับต่ำจากการปรับลดดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา
- ล่าสุดทางการจีนจึงได้ประกาศแผนกระตุ้นการบริโภคครั้งใหม่ผ่าน “มาตรการอุดหนุนอัตราดอกเบี้ย” (Interest subsidies) ที่ให้กับสินเชื่อเพื่อการบริโภค (Consumer loans) โดยผู้ขอสินเชื่อจะได้รับดอกเบี้ยอุดหนุน 1% สำหรับยอดสินเชื่อเพื่อการบริโภคที่ไม่เกิน 50,000 หยวน และมากกว่า 50,000 หยวนสำหรับการซื้อสินค้าขนาดใหญ่ เช่น รถยนต์ ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับการศึกษา และค่าใช้จ่ายเพื่อสุขภาพ (วงเงินอุดหนุนสูงสุด 50,000 หยวน) โดยเริ่มตั้งแต่ ก.ย. 68 - ส.ค.69 เพื่อลดต้นทุนการกู้ยืมเพื่อการบริโภค และกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายเพิ่มขึ้น
- ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่าแผนกระตุ้นการบริโภคครั้งใหม่ของจีนยังเผชิญความท้าทายหลายด้าน โดยมีรายละเอียด ดังนี้
1. ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคยังอยู่ในระดับต่ำจากปัญหาภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ยังชะลอตัว โดยครัวเรือนยังระมัดระวังการใช้จ่าย หลังความมั่งคั่งลดลงจากทิศทางราคาบ้านที่ยังปรับลดลง
2. ทิศทางเศรษฐกิจจีนที่ยังมีแนวโน้มชะลอตัวคาดยังกดดันความต้องการในขอสินเชื่อใหม่ของผู้บริโภค
3. ทิศทางการจ้างงาน และรายได้ที่ยังเผชิญความไม่แน่นอนจากสงครามการค้าจะยังเป็นปัจจัยกดดันสำคัญต่อการใช้จ่ายของจีน
- ผลจากมาตรการดังกล่าวอาจส่งผลบวกต่อการใช้จ่ายในประเทศจำกัด แต่ถือเป็นการส่งสัญญาณเชิงบวกจากทางการจีนต่อการเข้ามากระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศ ทั้งนี้ ทิศทางการใช้จ่ายของชาวจีนที่ยังเผชิญความท้าทายหลายด้านจะยิ่งเป็นอีกปัจจัยกดดันต่อการเข้ามาท่องเที่ยวไทยของชาวจีนที่ครึ่งแรกของปี 68 เดินทางมาเที่ยวไทยลดลงถึง 34.1%