‘ป๊อบ ปองกูล’ เล่าจุดเปลี่ยนลดน้ำหนัก 30 โล ‘โอ๊ต’เผยอายุเยอะลดการดื่ม-แต่ถ้าเมามีคนขับรถ
เป็นอีกหนึ่งคู่หูศิลปินสายฮาที่แฟนๆ ต่างพากันชื่นชอบ และติดตามคอนเทนต์ของทั้งคู่กันอย่างมากมาย สำหรับคู่หูต่างวัย “โอ๊ต ปราโมทย์” และ “ป๊อบ ปองกูล” ที่ล่าสุดได้มาร่วมงานเปิดตัว vivo V60 Launch Event และได้ให้สัมภาษณ์อัปเดตชีวิตในช่วงนี้ พร้อมพูดคุยถึงการดูแลตัวเอง ที่ป๊อบลดน้ำหนักกว่า 30 กิโลกรัม หลังคุณหมอเตือนเรื่องสุขภาพ พร้อมโอ๊ตที่เผยถึงมุมมองเรื่องสุขภาพในวัยเลข 4 ที่เริ่มต้องใส่ใจมากขึ้นกว่าเดิมด้วย
ป๊อบ ปองกูล เผยว่า “ช่วงนี้ยังใช้คำว่าผอมยังไม่ได้ จริงๆ ผมเป็นคนที่อ้วนอยู่แล้ว เป็นคนทรงใหญ่อยู่แล้ว น้ำหนักผมลงมา 30 กว่ากิโล 32 กิโล แต่ว่าตอนขึ้น มันขึ้นไปหนักหนามาก คือตอนขึ้นหลายคนอาจจะไม่ค่อยได้เห็นเพราะผมไม่ได้ถ่ายรูป แต่ โอ๊ต ปราโมทย์จะรู้ตอนที่ผมอ้วนหนัก ส่วนเรื่องอะไรที่เป็นจุดที่เราตัดสินใจลดน้ำหนัก ไม่มีจุดตัดสินใจเลยครับ รู้แค่ว่าวันพรุ่งนี้นัดหมอ วันนี้ยังกินอยู่เลย พอนัดหมอเสร็จ พอหมอเริ่มเตือน เริ่มเห็นเค้าของอายุขัยก็เลยกลับมา แล้วก็เริ่มตั้งแต่หาหมอเลย บอกว่าเพราะหมอเตือนไหม อันนี้ใช่ครับ คือวิธีการลดน้ำหนักก็ค่อนข้างที่จะต้องใช้การอดอาหารด้วย แต่มันก็มีวิธีการหลากหลายของมัน ซึ่งที่ผมเข้าไปก็มีการปรับฮอร์โมน คือคุณหมอก็ไม่ได้เตือนถึงขนาดร้ายแรงนะครับ แต่ว่าฮอร์โมนของผม บ่งบอกว่าผมเป็นคนอายุ 85 ปี มันก็เลยทำให้ความรื่นเริง ความสนุกสนานมันลดลง มันจะกลายเป็นคนแก่ อ่อมแก่ มันจะเกิดความอ่อมแก่เยอะ ซึ่งเวลาผมจะคิดมุกอะไรแบบนี้ไม่ได้แล้ว เพราะว่าผมแก่แล้ว ฮอร์โมนผมมันแก่ สาเหตุเป็นเพราะเราอ้วนนี่แหละครับ เราพักผ่อนไม่เป็นเวลา แล้วก็กินอาหารไม่ถูกสุขลักษณะ กินของทอด
ส่วนเรื่องเป้าหมาย จริงๆ ตอนนี้เป้าหมายแรกสำเร็จแล้ว นั่นคือน้ำหนักเราลงมาต่ำกว่า 150 โลแล้ว สำหรับเป้าหมายต่อไปก็อาจจะอยากให้มันลงมามากกว่านี้ ระหว่างทางไม่ค่อยท้อเลย เพราะว่าเริ่มทำแล้วมันเห็นผล มันก็เริ่มรู้สึกสนุก ตอนนี้จะเริ่มรู้สึกเอ็นจอยมากไปหน่อย มันเหมือนว่าช่วงเวลานี้มันอยู่ตัวแล้ว เราก็อาจจะกลับไปกินอันโน้นอันนี้บ้าง เดี๋ยวจะกลับมาโฟกัสเหมือนเดิม มีออกกำลังกายเสริมไหมอันนี้ เพิ่งเริ่มออกกำลังกายครับ ก็เริ่มจ๊อกกิ้ง เริ่มอะไร ไม่ได้ใช้เทรนเนอร์เลย ผมซื้อเครื่องสกายวอล์กเกอร์มาไว้ใช้ที่บ้านเลย เพราะรู้ว่าถ้าออกไปข้างนอกอีกเราจะเป็นคนขี้เกียจ เพราะฉะนั้นเราก็จะใช้เครื่องนี้เดินทุกเช้า 30 นาที 40 นาที พอเรากลับมาดูแลสุขภาพ ก็ยังรับงานปกติครับ มันไม่ค่อยได้เกี่ยวกับรูปร่างของเรา ผมว่าเป็นฟังก์ชันการทำงานมากกว่าที่เรารู้สึกว่าเราทำงานได้ไม่เต็มที่ บางทีร้องเพลงสมัยที่อ้วนเยอะๆ ร้องเพลงไป 40 นาที มันมีหอบ มันเหนื่อย มีความร้อนในตัวจนต้องเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัว อะไรแบบนี้ และส่วนตัวผมไม่ดื่มอยู่แล้ว ก็เลยไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องนี้ แต่ว่าจะมีปัญหาเรื่องการพักผ่อน สำหรับคิวงานตอนนี้ผมคิวงานข้ามปี จริงๆ คิวงานเราวางไว้ข้ามปีเอง เพราะเรามีคิวงานถ่ายรายการของพวกเราเองด้วยครับ”
ด้าน โอ๊ต ปราโมทย์ เผยว่า “คือก่อนหน้านี้ผมเตือนเขาว่าพี่ป๊อบดูแลสุขภาพนะ เพราะเวลาตอนไปถ่ายรายการแคมปลิ้นด้วยกัน ตอนไปเดินหรือไปทำอะไร คือเห็นเลยว่าเขาสุขภาพไม่ดี เราก็เลยคุยกัน แล้วพี่ป๊อบก็บอกว่าโอเคเดี๋ยวจะเริ่มดูแลตัวเองแล้ว แล้วน้ำหนักก็ลงมา 30 โล ซึ่งถือว่าเก่งมาก ใจแข็งมาก ผมว่าเรื่องอายุด้วย พอพวกเราเริ่ม 40 แล้ว รู้สึกว่ามันไม่เหมือนวัยรุ่นตอน 30 แล้ว สุขภาพ หัวเข่า เวลาเราเดิน แล้วก็นอนด้วย พอเรานอนมันรู้สึกว่าเรานอนไม่เต็มอิ่ม เพราะเราเป็นคนน้ำหนักเยอะเกินไป จริงๆ หัวใจหลักสำคัญคือเรื่องการกิน พอเรากินดีขึ้น เลือกกินมากขึ้น แล้วเราก็ไปตรวจฮอร์โมนกันว่าเราแพ้อะไร เราไม่แพ้อะไร มันก็กลายเป็นการปรับรูปแบบการกิน เราก็รู้สึกว่ามันสบายกับพวกเรา ส่วนเรื่องให้กำลัง จริงๆ ผมว่าผมเองก็เหมือนกัน ก็ลดพร้อมๆ กัน ไปด้วยกัน แล้วก็รู้สึกว่าเราอยากจะดูแลสุขภาพมากขึ้น พอมันเริ่มวัย 40 แล้ว ตื่นมาก็รู้สึกปวดโน้นปวดนี่ เราก็เลยคิดว่ามันไม่ใช่แล้ว คือผมไม่อยากให้เพอร์ฟอร์แมนซ์ในการทำงานของผมมันตกลง ก็เลยรู้สึกว่าโอเค เราต้องเริ่มดูแลสุขภาพมากขึ้น ก็ให้กำลังใจซึ่งกันและกัน เวลาเราถ่ายรายการด้วยกัน ก็กลายเป็นว่าเราสองคนก็เลือกกินมากขึ้น เราลดแป้งกันหน่อยไหม เราไม่กินของทอดกันนะ เราสั่งปลาย่างมากินด้วยกันไหม ก็ซัพพอร์ตเรื่องอาหารกันและกันด้วยตอนไปทำงานด้วยกัน
หลังจากลดน้ำหนัก ผมรู้สึกว่าระบบหายใจเราดีขึ้น แล้วก็มันรู้สึกคล่องตัว เสื้อผ้าที่เราใส่ไม่ได้ ผมว่าผมกับพี่ป๊อบคิดเหมือนกัน บางทีเราคิดว่าเสื้อผ้าที่เราทิ้งไปแล้วอยู่ในตู้ที่ไม่เคยหยิบมาใส่ พอน้ำหนักตัวมันลงมาเยอะๆ แล้วเราหยิบกางเกงเสื้อผ้าเก่าๆ มาใส่ ผมรู้สึกดีว่า เรากลับมาใส่กางเกงตัวนี้ได้ เราไม่ได้ใส่มานาน มันก็ตอบโจทย์เราด้วย ส่วนอย่างงานในผับมีดื่มแอลกอฮอล์ด้วยไหม ผมไม่ดื่มครับ ผมแดxครับ (หัวเราะ) อ๋อใช่ โซเชียลครับ แต่แค่เป็นคนเพื่อนเยอะ ก็เลยดื่มหนักครับ ถามว่าดื่มหนักมีเมาบ้างไหม ผมไม่ค่อยนะครับ เอาจริง ผมเป็นคนไม่ค่อยออกจากบ้าน ผมจะอยู่บ้าน แต่ว่าหลังๆ มา พอเริ่มอายุ 36-37 ปี ผมแทบจะดื่มน้อยมากครับ เพราะผมทำงานทุกวัน แทบจะไม่มีโอกาสได้สังสรรค์กับเพื่อนเลย กลับบ้านพอห้าทุ่มเที่ยงคืนก็หลับเลย ก็เหนื่อย แต่ถ้าเมาผมมีคนขับรถครับ ผมมีคนขับรถมา 6-7 ปีแล้ว คนขับรถก็ต้องดูแลเรา แต่ว่าผมจะเป็นคนไม่ค่อยออกจากบ้าน ไม่ค่อยออกไปไหน เพราะฉะนั้นคนขับรถผมก็จะสบาย เพราะว่าเราไม่ใช่ผู้ชายสายปาร์ตี้ขนาดนั้นแล้ว ขนาดผมเพิ่งเปิดบาร์ ผมไม่ได้ไปบาร์มาสองเดือนแล้ว ไม่มีเวลาเลย เพราะว่างานเยอะมาก ผมก็เลยเป็นคนไม่ค่อยออกจากบ้าน ถ้าไม่ทำงานก็จะอยู่บ้านตลอด ตอนนี้ก็ยังรับงานปกติ งานแน่นสุดๆ ข้ามไปเดือนกุมภา มีนา ปีหน้าแล้ว ส่วนรายการแคมปลิ้น เวลาผมไปถ่ายกันก็จะวางคิวไว้ประมาณ 3-4 เดือน เพราะว่าพี่ป๊อบมีร้องเพลงด้วย แล้วผมร้องเพลงด้วย แล้วผมก็ทำงานอย่างอื่นด้วย ก็เลยต้องล็อกคิวล่วงหน้า แล้วเราก็หาแขก หาโลเคชั่นมาแปะกัน”..