โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

BBIK โชว์กำไรครึ่งปีแรกโต 38% รับเทรนด์ลงทุนดิจิทัลหนุน

TNN ช่อง16

เผยแพร่ 14 ชั่วโมงที่ผ่านมา
บลูบิค โชว์ผลงานกำไรสุทธิ ครึ่งปี 68 โต 38% แตะ 146 ล้านบาท มั่นใจครึ่งปีหลังโตแกร่ง หลังทิศทางเศรษฐกิจชัดเจน

บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BBIK ที่ปรึกษาชั้นนำด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันและการประยุกต์ใช้ AI ระดับองค์กร (AI-Led Enterprise Digital Transformation) พิสูจน์ศักยภาพฝ่า วิกฤตความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจครึ่งปีแรก 2568 กวาดกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ 146 ล้านบาท โต 38% เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า (YoY) ที่ 110 ล้านบาท ในส่วนของรายได้รวมอยู่ที่ 712 ล้านบาท ขยายตัว 0.5% (YoY) แม้มีผลจากการปรับโครงสร้างกลุ่มองค์กรตั้งแต่ต้นปี 2568 ที่มีการย้ายพนักงานส่วนหนึ่งไปเป็นผู้ปฏิบัติการหลักของบริษัทร่วมทุนโดยตรง ทำให้รายได้ส่วนที่เรียกเก็บจากกลุ่มพนักงาน (Secondment) ดังกล่าวลดลง แต่หากพิจารณาเฉพาะรายได้ที่ให้บริการต่อลูกค้าภายนอกยังคงเติบโตถึง 14% (YoY)

ผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2568 กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่อยู่ที่ 74 ล้านบาท (คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิที่ 20% เพิ่มขึ้นจาก 13% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน) เพิ่มขึ้น 79% (YoY) และ 2% (QoQ) ในส่วนของรายได้เพิ่มขึ้น 8% (YoY) และ 5% (QoQ) มาอยู่ที่ 365 ล้านบาท

มูลค่างานแบ็คล็อค ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2568 ของบริษัทฯ (รวมแบ็คล็อคของกิจการร่วมทุน) กลับมาเติบโต อยู่ที่ 1,082 ล้านบาท โดยคาดว่าจะรับรู้รายได้มากกว่า 755 ล้านบาทในปีนี้ ประกอบด้วยรายได้จากบริษัทแม่และบริษัทย่อยจำนวน 505 ล้านบาท และจากกิจการร่วมทุนจำนวน 250 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้ในปี 2569 ถึง 2572

นายพชร อารยะการกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BBIK กล่าวว่า ผลลัพธ์จากบริการด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันแบบครบวงจรของบลูบิค ที่สามารถตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้อย่างแท้จริง รวมถึงการยกระดับประสิทธิภาพการดำเนินงานภายในบริษัทแม่และบริษัทย่อย และการรุกขยายตลาดเจาะกลุ่มลูกค้าขนาดกลางและภาครัฐ ทำให้บลูบิคยังคงรักษาขีดความสามารถในการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางปัจจัยลบและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจตั้งแต่ต้นปี 2568

“ถึงแม้ประเทศไทยยังคงเผชิญกับปัญหาความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์และการค้าโลกชะลอตัวในครึ่งปีหลัง แต่บริษัทฯ ประเมินว่าความชัดเจนเกี่ยวกับมาตรการภาษีของรัฐบาลสหรัฐฯที่มีต่อไทย จะทำให้ภาคธุรกิจเร่งปรับตัวเพื่อรักษาขีดความสามารถในการแข่งขัน ส่งผลให้แผนการปรับใช้เทคโนโลยีและยกระดับประสิทธิภาพการทำงานผ่าน การทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันที่ต้องทำอย่างต่อเนื่องจะกลับมาดำเนินการตามปกติ รวมถึงการลงทุนด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่สามารถรองรับการขยายตัวและเทรนด์การค้าใหม่ ๆ ในอนาคต อย่างไรก็ตาม ลูกค้าอาจพิจารณาและเลือกลงทุนกับโครงการที่คุ้มค่า สอดรับกับความเชี่ยวชาญและบริการแบบครบวงจรของบลูบิคที่มุ่งเน้นส่งมอบงานที่ตอบโจทย์ธุรกิจอย่างแท้จริง ดังนั้นบริษัทฯ จึงเชื่อมั่นว่าผลประกอบการในครึ่งปีหลังจะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง” นายพชร กล่าว

ภาพรวมตลาดเทคโนโลยีสารสนเทศในประเทศไทยในปี 2568 ยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดย การ์ทเนอร์ อิงค์ (Gartner Inc.) คาดการณ์ว่า การใช้จ่ายด้านไอทีในไทยจะขยายตัวเพิ่มขึ้นถึง 7.9% จากปีก่อนหน้า หรือคิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 996,000 ล้านบาท โดยกลุ่มที่เติบโตโดดเด่นที่สุด คือ ศูนย์ข้อมูล (Data Center) ที่มีอัตราการเติบโตสูงถึง 17% และซอฟต์แวร์องค์กร (Enterprise Software) ซึ่งขยายตัวถึง 16.1% สะท้อนให้เห็นถึงการเร่งปรับตัวของธุรกิจไทยในการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลและโซลูชันเทคโนโลยี เพื่อรองรับการเติบโตของยุคเศรษฐกิจดิจิทัล

บริษัทฯ ประเมินว่า กระแสการลงทุนด้านเทคโนโลยีดังกล่าวข้างต้น สอดรับกับทิศทางการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญของบริการด้านต่าง ๆ ของบริษัทฯ โดยเฉพาะงานที่ปรึกษาด้าน Digital Excellence & Delivery และ ERP ที่มีการส่งมอบงานอย่างต่อเนื่องแก่ลูกค้าที่ต้องการระบบที่สามารถรองรับการเติบโตและแข่งขันของธุรกิจ อีกทั้งการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันยังถือเป็นแผนงานที่จำเป็นในหลายกลุ่มธุรกิจ ได้แก่ สถาบันการเงิน กลุ่มประกันภัย กลุ่มพลังงาน กลุ่มอุตสาหกรรมการผลิต กลุ่มเทคโนโลยีและสื่อสาร รวมถึงภาครัฐ ซึ่งให้ความสำคัญมากขึ้นกับการพัฒนาด้านเทคโนโลยี ยกตัวอย่างเช่น โครงการ Cloud First Policy (นโยบายรัฐบาลที่สนับสนุนการใช้คลาวด์ในภาครัฐ) และ Virtual Bank ดังนั้นการลงทุนด้านเทคโนโลยีในไทยจึงสามารถขยายตัวได้ต่อเนื่อง ส่งผลบวกต่อการดำเนินงานของบลูบิค

“บริษัทฯ มีการเปลี่ยนแปลงมากมายตลอดระยะเวลา 11 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่การเติบโตของผลประกอบการอย่างต่อเนื่อง จำนวนพนักงานหลักสิบในวันนั้นจนถึงหลักพันในวันนี้ การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ในปี 2564 และย้ายเข้าสู่ SET ภายใน 4 ปี (2568) เมื่อเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและไม่หยุดนิ่งที่จะพัฒนาองค์กรเพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยเหตุนี้บริษัทฯ จึงเชื่อมั่นว่าจะสามารถก้าวข้ามความท้าทายและบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจในปี 2568 นี้ได้เหมือนเช่นที่ผ่านมา” นายพชร กล่าวทิ้งท้าย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก TNN ช่อง16

เปิดสุดยอดเมืองปลอดภัยเอเชีย เชียงราย-เชียงใหม่-กรุงเทพฯ ติดโผ

7 ชั่วโมงที่ผ่านมา

กองทัพบกโต้ข่าวปลอมกัมพูชา ยันไม่มีอพยพหรือปิดโรงเรียนบ้านด่าน

8 ชั่วโมงที่ผ่านมา

"ดาบพิฆาตอสูร ภาคปราสาทไร้ขอบเขต" อะนิเมชั่นมาแรง งานดี สมมงแบบไร้ข้อกังขา

9 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ชาวนาเฮ! นบข. เคาะแจกเงินช่วยข้าวนาปี-นาปรัง ไร่ละ 1,000 บาท สูงสุด 10 ไร่

9 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความธุรกิจ-เศรษฐกิจอื่น ๆ

5 บัตรเครดิตเข้า Lounge สนามบินฟรี ใบไหนดีในปี 2568

SMART SME

Pacamara Coffee เปิด 24ชม.ในรพ.จุฬาฯ ลด 50% สำหรับบุคลากรทางการแพทย์

Manager Online

นบข.เคาะแจกเงินช่วยข้าวนาปี-นาปรัง ไร่ละ 1,000 บาท สูงสุด 10 ไร่ ช่วยเหลือเกษตรกรกว่า 8.5 แสนครัวเรือน

VoiceTV

POP MART เปิดแฟลกชิพที่ไอคอนสยาม ทุบสถิติขายวันเปิดร้านสูงสุดเป็นประวัติการณ์

Manager Online

กรมบัญชีกลางต่อยอด New GFMIS Thai e - Tax ออกหลักฐานรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายแบบอิเล็กทรอนิกส์ เริ่มใช้งาน 13 ส.ค. 2568

VoiceTV

‘วิทัย’ ว่าที่ ผู้ว่าการ ธปท. ขอบคุณธ.กรุงเทพ ลดดอกเบี้ย ดูแลภาคธุรกิจ-ประชาชน

เดลินิวส์

SAPPE ยันภาษีทรัมป์ไม่กระทบ งัดScenario Planning สู้ปัจจัยลบ

Manager Online

CPN ซื้อหุ้นคืนวงเงิน 5 พันล. เผยQ2/68 โกยกำไรเฉียด 4 พันล.

Manager Online

ข่าวและบทความยอดนิยม

HENG กำไร Q2/68 พุ่ง 144% ดันสินเชื่อเกษตรขึ้นเรือธงใหม่

TNN ช่อง16

สรุปกำไร “หุ้นกลุ่มแบงก์” หลังผ่านครึ่งปี 68

TNN ช่อง16

"KKP" กำไรโต 8.6% หลัง NPL ลด กดตั้งสำรองลง มองปัจจัยลบกดเศรษฐกิจไทยโต่แค่ 1.6%

TNN ช่อง16
ดูเพิ่ม
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...