โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

รู้จัก “งูเขียว” มีพิษ-ไม่มีพิษ มีกี่สายพันธุ์ พร้อมวิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้น

Thairath - ไทยรัฐออนไลน์

อัพเดต 3 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 4 ชั่วโมงที่ผ่านมา
ภาพไฮไลต์

"งูเขียว" ถือเป็นสัตว์ที่หลายๆ คนหวาดกลัว เนื่องจากมีรูปลักษณ์ภายนอกที่น่ากลัว อีกทั้งงูยังขึ้นชื่อว่าเป็นสัตว์มีพิษร้ายแรง แต่แท้จริงแล้วงูเขียวมีทั้งแบบมีพิษ และไม่มีพิษ บทความนี้ ไทยรัฐออนไลน์จะพาไปทำความรู้จักงูเขียวมีพิษและไม่มีพิษแต่ละชนิดที่พบได้บ่อยในประเทศไทย ดังนี้

รู้จัก 5 งูเขียวไม่มีพิษ-พิษอ่อนๆ มีอะไรบ้าง

งูเขียว ถือเป็นงูอีกหนึ่งสายพันธุ์ที่พบได้บ่อยในประเทศไทย โดยส่วนใหญ่เป็นงูเขียวไม่มีพิษ หรือมีพิเศษอ่อน แต่ไม่เป็นอันตราย ดังนี้

1. งูเขียวพระอินทร์

งูเขียวพระอินทร์ หรืองูเขียวดอกหมาก (ชื่อทางวิทยาศาสตร์ : Chrysopelea ornata) มีลักษณะลำตัวสีเขียวอ่อนสลับลายดำ โดยจะมีลายสีดำบริเวณหัวมากกว่าส่วนอื่นจนคล้ายกับว่างูชนิดนี้มีหัวสีดำ ใต้คางสีขาว ใต้ท้องสีเขียวอ่อน หรือเหลืองอ่อน
ขนาด : ความยาวจากหัวไปถึงหางประมาณ 140 เซนติเมตร
พิษ : พิษอ่อน หากถูกกัดจะมีอาการอักเสบ และปวดบวมเล็กน้อย
พฤติกรรมงูเขียวพระอินทร์ : ออกหากินในช่วงกลางวัน ว่องไว อาศัยตามซอกไม้ โพรงไม้

2. งูเขียวปากจิ้งจก หรืองูเขียวหัวจิ้งจก

งูเขียวปากจิ้งจก หรืองูเขียวหัวจิ้งจก (ชื่อทางวิทยาศาสตร์ : Ahaetulla prasina) แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มแรกจะมีสีเขียวอ่อน, กลุ่มที่สองจะมีสีเทาขาว และกลุ่มที่สามจะมีสีเหลืองทอง ซึ่งทุกกลุ่มจะมีลายคล้ายกัน คือ มีลายสีดำเฉียงพาดลำตัว ทั้งนี้ ลักษณะเด่นของพันธุ์นี้คือ เรียวยาว ปลายปากแหลม
ขนาด : ความยาวจากหัวไปถึงหาง เมื่อโตเต็มที่ประมาณ 200 เซนติเมตร
พิษ : พิษอ่อนมาก เป็นอันตรายต่อสัตว์เล็ก เช่น นก กิ้งก่า แมลง
พฤติกรรมงูเขียวปากจิ้งจก : ออกหากินทั้งกลางวันและกลางคืน อาศัยตามต้นไม้

ขอบคุณภาพจาก ศูนย์ธรรมชาติวิทยาดอยสุเทพเฉลิมพระเกียรติฯ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

3. งูเขียวกาบหมาก

งูเขียวกาบหมาก (ชื่อทางวิทยาศาสตร์ : Gonyosoma oxycephalum) มีลำตัวยาว สีเขียวอ่อน หัวเรียวยาว ด้านบนของหัวมีสีน้ำตาลแดง บางตัวหางสีแดงคล้ำ เมื่อเจอเหตุการณ์ตกใจงูเขียวกาบหมากจะพองถุงลมบริเวณคอ ส่งผลให้ตรงคอโป่งพอง
ขนาด : ความยาวจากหัวไปถึงหาง เมื่อโตเต็มยาวได้มากถึง 250 เซนติเมตร
พิษ : ไม่มีพิษ
พฤติกรรมงูเขียวกาบหมาก : ออกหากินตอนกลางวัน กินสัตว์เล็ก อาศัยตามต้นไม้ หรือไม้รก

ขอบคุณภาพจาก อุทยานแห่งชาติปางสีดา - Pang sida National Park

4. งูเขียวบอน

งูเขียวบอน (ชื่อทางวิทยาศาสตร์ : Boiga saengsomi) เป็นงูขนาดกลาง ตาโต หัวยาวและกว้างกว่าลำคอ ลำตัวยาวและแบนข้าง หางเรียวเล็ก ผิวหนังมีเกล็ดคลุม โดยเกล็ดบนหลังไปจนถึงกลางลำตัวมีขนาดใหญ่กว่าบริเวณอื่นๆ
ขนาด : ความยาวจากหัวไปถึงหางประมาณ 100 เซนติเมตร
พิษ : พิษอ่อน ไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์
พฤติกรรมงูเขียวบอน : อาศัยตามต้นไม้สูง หรือป่าดิบชื้น ส่วนใหญ่ออกหากินช่วงกลางคืน

5. งูเขียวปากแหนบ

งูเขียวปากแหนบ (ชื่อทางวิทยาศาสตร์ : Ahaetulla fusca) หัวยาวและกว้างกว่าคอ ปลายของหัวเรียว และมีรยางค์ยื่นออกไป ตาใหญ่ ลำตัวมีสีเขียว ขนาดเล็ก เรียว และยาว ผิวหนังมีเกล็ดปกคลุม โดยเกล็ดด้านบนเป็นแผ่นขนาดใหญ่ สีบริเวณอาจเป็นสีเขียว เขียวอ่อน หรือสีแดง
ขนาด : ความยาวจากหัวไปถึงหางประมาณ 30-60 เซนติเมตร
พิษ : พิษอ่อน ไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์
พฤติกรรมงูปากแหนบ : ออกหากินทั้งกลางวัน อาศัยตามสวน และป่าดิบชื้น

รู้จัก "งูเขียวหางไหม้" งูเขียวพิษร้ายแรง

งูเขียวหางไหม้ (ชื่อทางวิทยาศาสตร์ : Trimeresurus popeiorum) งูพิษร้ายแรงที่พบได้บ่อยในประเทศไทย นิสัยดุร้าย ลำตัวและหัวมีสีเขียว หัวเป็นรูปสามเหลี่ยมกว้าง ม่านตาคล้ายตาแมว บริเวณหางสั้นมีสีแดง เกล็ดหัวเรียบมีขนาดเล็ก แต่เกล็ดตามลำตัวเป็นสัน
ขนาด : มีความยาวประมาณ 100 เซนติเมตร
พิษ : พิษร้ายแรง หากถูกกัดจะส่งผลให้ปวด บวม แดง คลื่นไส้ อาเจียน หายใจลำบาก ตลอดจนเสียชีวิตได้
พฤติกรรมงูเขียวหางไหม้ : ออกหากินเวลากลางคืน อาศัยบริเวณพุ่มไม้ หรือต้นไม้ในป่าดิบชื้น

รู้ไว้รักษาทัน ถูกงูเขียวกัดต้องทำอย่างไร

หากถูกงูเขียวกัด หรือมีคนรอบตัวถูกงูเขียวกัดให้ปฐมพยาบาลเบื้องต้น ดังนี้

  • หากบริเวณงูกัดมีเสื้อผ้า หรือเครื่องประดับกดทับไว้ ให้รีบถอดออกทันที
  • ล้างแผลด้วยน้ำสะอาดและสบู่ เพื่อหลีกเลี่ยงการปนเปื้อน
  • ดามแผลบริเวณที่งูกัด เพื่อให้เคลื่อนไหวให้น้อยที่สุด
  • วางส่วนที่งูกัดไว้ต่ำกว่าระดับหัวใจ
  • รีบไปโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด

ทั้งนี้ ไม่ควรใช้ปากดูดแผลที่ถูกกัด ไม่ควรขันชะเนาะ และไม่ควรนำสมุนไพร ยาสีฟัน หรือแอลกอฮอล์มาทาบริเวณแผล เนื่องจากส่งผลให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อมากกว่าเดิม

งูเขียวถือเป็นงูที่พบได้บ่อยในประเทศไทย ส่วนใหญ่ไม่มีพิษ แต่หากโดนงูเขียวหางไหม้ หรืองูเขียวที่มีพิษสายพันธุ์อื่นๆ กัด แนะนำให้ปฐมพยาบาลเบื้องต้น และรีบน้ำส่งโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด เพื่อให้แพทย์ทำการตรวจร่างกายและรักษาตามอาการ

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : รู้จัก “งูเขียว” มีพิษ-ไม่มีพิษ มีกี่สายพันธุ์ พร้อมวิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้น

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก Thairath - ไทยรัฐออนไลน์

ทิดจอร์จ อ้างร่วมออกแบบตึกแฝดเปโตรนาส พบหมอบีโอนบ้านให้บุคคลอื่นจริง

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

นักร้องลูกทุ่ง สุขสันต์ วันสว่าง โต้ไม่เคยรับส่วนแบ่งเงินบริจาคจาก อดีตพระอลงกต

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

“พริษฐ์” แนะโฆษกพรรคเพื่อไทย ยอมรับตามตรงรัฐบาลไม่รอบคอบทำนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา
วิดีโอ

งัดมาทุกสกิล กู้ภัยทั้งสวดมนต์ ร้องเพลง กล่อมผู้ป่วยให้อยู่ในอาการสงบระหว่างส่งรพ.

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความไลฟ์สไตล์อื่น ๆ

ร้อยเรียงทุกโมเมนต์สำคัญในคอนเสิร์ต Greasy Cafe GATES TO THE OTHER SIDE

THE STANDARD

เปิด 5 เหตุผลทำไมสุนัขถึงชอบตุ๊กตา คำตอบที่สัตวแพทย์ตรวจสอบแล้ว

Amarin TV

เที่ยวอิสตันบูลในฤดูร้อน สัมผัสเสน่ห์เมืองสองทวีปแบบเอาท์ดอร์

Hello Magazine Thailand

‘ขมิ้นชัน’ ช่วยลดไขมันพอกตับได้จริง?

Manager Online

185 Films จัดงานพรีเมียร์ 'ผีใช้ได้ค่ะ' การันตีด้วยรางวัลคานส์

ประชาชาติธุรกิจ

ถ่ายทอดสด วอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์โลก 2025 ญี่ปุ่น พบ เซอร์เบีย

PostToday

เคล็ดลับเลือกมะนาวให้ฉ่ำ น้ำเยอะ พร้อมวิธีเก็บให้สดนาน

sanook.com

เมืองสีเขียวในกรุงเทพ ไลฟ์สไตล์ดี ๆ ที่คุณเลือกได้

Gourmet & Cuisine

ข่าวและบทความยอดนิยม

ชายอินเดียกลับจากไทย โดนรวบคาสนามบินมุมไบ ลอบขนงูพิษ 47 ตัว

Thairath - ไทยรัฐออนไลน์

รู้จัก “งูเขียว” มีพิษ-ไม่มีพิษ มีกี่สายพันธุ์ พร้อมวิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้น

Thairath - ไทยรัฐออนไลน์
ดูเพิ่ม
Loading...
Loading...
Loading...
รีโพสต์ (0)
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...