รัฐต้องถือครองโครงข่ายรถไฟฟ้าทุกสาย ดันนโยบาย “20 บาทตลอดสาย” ให้เกิดจริง
นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงความคืบหน้านโยบายค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการแก้ไขกฎหมายสำคัญ 3 ฉบับ ได้แก่ พ.ร.บ.การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.), พ.ร.บ.ราง และ พ.ร.บ.ตั๋วร่วม โดยบางฉบับผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรแล้ว ขณะที่บางฉบับอยู่ระหว่างการพิจารณา คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในสัปดาห์หน้า ก่อนเข้าสู่ขั้นตอนประกาศใช้ ซึ่งจะเป็นฐานสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบาย 20 บาท
พร้อมย้ำว่า หลักการสำคัญคือ “รัฐต้องเป็นเจ้าของโครงสร้างพื้นฐานทั้งหมด” โดย รฟม.จะต้องถือครองสินทรัพย์และซื้อคืนโครงข่ายรถไฟฟ้าทุกสาย ขณะที่การเดินรถยังเปิดให้เอกชนดำเนินการ ภายใต้การกำกับดูแลของกรมราง เพื่อให้มั่นใจว่าประชาชนได้รับบริการเพียงพอและได้มาตรฐาน
ส่วนด้านความพร้อมในการรองรับผู้โดยสาร นายสุรพงษ์ คาดว่า จะมีจำนวนเพิ่มขึ้นราว 30-35% หรือกว่า 10 ล้านคนต่อปี แต่ยืนยันว่าขบวนรถและความถี่เพียงพอ เช่น รถไฟฟ้าสายสีแดงที่มีอยู่ 25 ขบวน ปัจจุบันใช้งานจริงเพียง 20 ขบวน ยังเหลือสำรองให้เพิ่มบริการได้ นอกจากนี้ยังเตรียมจัดหารถโดยสาร EV ใหม่ 1,500 คัน และรถมินิบัสขนาดเล็กเพื่อทำหน้าที่ฟีดเดอร์เชื่อมต่อกับสถานีรถไฟฟ้า พร้อมปรับเส้นทางรถ ขสมก. และจัดพื้นที่จอดรถเพิ่มเติม เพื่อรองรับความต้องการเดินทางที่เพิ่มขึ้น
สำหรับงบประมาณและแหล่งเงินทุนในการซื้อคืนรถไฟฟ้า นายสุรพงษ์ ระบุว่า จะต้องรอการแถลงจาก ฝ่ายบริหารสูงสุดคือนายกรัฐมนตรี โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการคลัง และสภาพัฒน์ ร่วมพิจารณา โดยยืนยันว่าโครงการสามารถเดินหน้าได้ตามกรอบเวลา และมั่นใจว่าจะทันการดำเนินการจริง
ทั้งนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวในโอกาสพิเศษครบรอบ 33 ปี การก่อตั้ง รฟม. ว่า นับจากนี้ รฟม.จะก้าวขึ้นมาเป็น “เจ้าของโครงข่ายรถไฟฟ้าทั้งประเทศ” และถือเป็นการเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญของระบบขนส่งมวลชนทางรางไทย พร้อมแสดงความยินดีกับผู้ว่าการ รฟม.คนใหม่ที่จะเข้ามาสานต่องานสำคัญนี้
โครงการรถไฟฟ้า 20 บาทเป็นนโยบายเพื่อประชาชน ลดค่าใช้จ่ายการเดินทางได้มากกว่า 50% โดยไม่ใช่การแจกเงิน แต่เป็นการช่วยลดภาระรายจ่ายประจำวัน และยังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างกำลังซื้อให้กับคนทำงาน ไม่ว่ารัฐบาลใดเข้ามาบริหาร นโยบายนี้ก็ต้องเดินหน้าต่อ เพราะถือเป็นนโยบายสาธารณะเพื่อประชาชน
ทั้งนี้ คาดว่าภายในสิ้นปีนี้หรืออย่างช้าต้นปีหน้า รัฐบาลจะมีการแถลงรายละเอียดอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับโครงการ 20 บาทตลอดสายต่อสาธารณะ
ด้านนายกาจผจญ อุดมธรรมภักดี ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) กล่าวว่า สำหรับโครงการรถไฟฟ้าเส้นทางใหม่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ปัจจุบัน รฟม.ได้รับการถ่ายโอนจากกรุงเทพมหานครแล้ว 2 เส้นทาง ได้แก่ สายสีเทาและสายสีเงิน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการทบทวนรายละเอียดการศึกษา เนื่องจากข้อมูลเดิมจัดทำไว้หลายปีก่อน แต่สภาพพื้นที่เปลี่ยนแปลงไป จำเป็นต้องปรับให้เหมาะสมและสอดรับกับนโยบายค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสาย ส่วนโครงการสายสีฟ้ายังเป็นเพียงแนวคิดในแผนแม่บท ซึ่งจะต้องพิจารณาความพร้อมหลังจากเส้นทางหลักเดินหน้าไปแล้ว คาดว่าการทบทวนโครงการต่าง ๆ จะใช้เวลาประมาณ 1 ปี
สำหรับภูมิภาค ขณะนี้มีหลายพื้นที่ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาและศึกษาเพิ่มเติม เช่น ภูเก็ต อยู่ระหว่างการบูรณาการร่วมกับกรมทางหลวงและการทางพิเศษแห่งประเทศไทย เพื่อพัฒนาเส้นทางรองรับระบบรางในอนาคต และจังหวัดอื่นๆ อาทิ เชียงใหม่ นครราชสีมา พิษณุโลก เป็นต้น
ส่วนโครงการในปริมณฑล เช่น รถไฟฟ้าสายสีแดง มีความคืบหน้าเกือบสมบูรณ์ เหลือเพียงขั้นตอนรายงาน EIA และรออนุมัติ โดยในส่วนของการขยายระยะทาง 4–5 สถานีจะดำเนินการต่อเนื่องหลังจากนั้น
ในกรณีรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินที่มีปัญหาผู้โดยสารหนาแน่นช่วงเวลาเร่งด่วนตอนเช้า นายกาจผจญ กล่าวว่า รฟม.และบริษัททางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM) ได้หารือร่วมกัน และนำรถทุกขบวนรวมถึงขบวนสำรองทั้งหมดออกมาให้บริการแล้ว โดยใช้ความถี่การเดินรถเฉลี่ยราว 2 นาทีครึ่งต่อขบวน อย่างไรก็ตาม ได้มีการสั่งซื้อรถใหม่เพิ่มเติมแล้ว แต่เนื่องจากเป็นการผลิตเฉพาะ จึงจำเป็นต้องใช้เวลาประมาณ 2 ปี คาดว่าจะทยอยเข้ามาเสริมได้ในอนาคต
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : รัฐต้องถือครองโครงข่ายรถไฟฟ้าทุกสาย ดันนโยบาย “20 บาทตลอดสาย” ให้เกิดจริง
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
- Website : https://www.pptvhd36.com