ล่าสุด! โดนัลด์ ทรัมป์ ปิดดีลญี่ปุ่น ภาษีเหลือ 15% จาก 25% รวมรถยนต์ ชิ้นส่วน ฟิลิปปินส์ 19%
ล่าสุด! โดนัลด์ ทรัมป์ ปิดดีลญี่ปุ่น ภาษีเหลือ 15% จาก 25% รวมรถยนต์ ชิ้นส่วน ฟิลิปปินส์ 19%
สหรัฐบรรลุข้อตกลงกับญี่ปุ่นแล้ว กำหนดภาษีที่ 15% รวมรถยนต์และชิ้นส่วน แลกเปิดตลาดสินค้ารถยนต์และข้าวให้สหรัฐมากขึ้น ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญในดีล
บลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐเผยบรรลุข้อตกลงการค้าเบื้องต้นกับญี่ปุ่นแล้ว โดยกำหนดอัตราภาษีแบบต่างตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) ไว้ที่ 15% จาก 25% และแลกกับการที่พันธมิตรสำคัญของอเมริกาลงทุน 550,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 17 ล้านล้านบาท) ในสหรัฐ เมื่อคืนวันที่ 22 กรกฎาคม เวลาสหรัฐ
ทรัมป์เรียกข้อตกลงกับญี่ปุ่นว่า เป็นข้อตกลงครั้งใหญ่ และอาจถือว่าเป็นข้อตกลงที่ใหญ่ที่สุดที่สหรัฐเคยทำมา โดยเรียกร้องให้ญี่ปุ่น “เปิดประเทศ” ให้กับการนำเข้ารถยนต์จากสหรัฐรวมถึงการนำเข้าสินค้าเกษตรเพิ่มเติม
ส่วนที่สำคัญที่สุดของข้อตกลง ทรัมป์ระบุว่าญี่ปุ่นจะเปิดตลาดมากขึ้นในรายเซ็กเตอร์ ทั้งสินค้ารถยนต์และรถบรรทุก ข้าวและสินค้าเกษตรอื่น ตลอดจนผลิตภัณฑ์อื่น ๆ อีก โดยไม่ได้ระบุรายละเอียดเพิ่มเติม
ในโพสต์ของทรัมป์ไม่ได้ระบุอัตราภาษีรถยนต์และชิ้นส่วนจากญี่ปุ่น
ต่อมา นิกเคอิ เอเชีย (Nikkei Asia) รายงานเพิ่มเติมว่า นายกรัฐมนตรีชิเงรุ อิชิบะ ผู้นำญี่ปุ่น ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนในกรุงโตเกียวเมื่อเช้าวันนี้ (23 กรกฎาคม) ยกย่องข้อตกลงว่า เป็นความสำเร็จครั้งสำคัญ จากการที่สหรัฐเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์จากญี่ปุ่นที่ 15% ไม่มีข้อจำกัดด้านปริมาณ ถือเป็นการนำหน้าประเทศอื่น ๆ เพราะถูกสหรัฐเรียกเก็บภาษีกลุ่มรถยนต์และชิ้นส่วนที่ 25%
อัตราภาษีศุลกากรของญี่ปุ่นที่ 15% ถือเป็นอัตราต่ำที่สุดที่สหรัฐบังคับใช้กับประเทศที่มีดุลการค้าเกินดุลในขณะนี้
“นับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ เราได้เจรจาต่อรองกัน โดยมีผลประโยชน์ของชาติเป็นเดิมพัน ทั้งสองฝ่ายได้เจรจากันอย่างเต็มที่และเกือบจะถึงขั้นแตกหักในเรื่องรถยนต์และสินค้าอื่น ๆ ผมเชื่อว่าผลลัพธ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามเหล่านั้น” อิชิบะกล่าวเสริม
ผู้นำทั้งสองจะทำงานร่วมกันเพื่อให้บรรลุกรอบความร่วมมืออินโด-แปซิฟิกที่เสรีและเปิดกว้าง (นักวิเคราะห์มองว่า จุดประสงค์ของกรอบอินโด-แปซิฟิกเกิดขึ้นมาเพื่อคานอิทธิพลจีนในภูมิภาค)
อิชิบะกล่าวว่า ความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดระหว่างญี่ปุ่นและสหรัฐมีความสำคัญไม่เพียงแต่สำหรับทั้งสองประเทศเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเสถียรภาพและความเจริญรุ่งเรืองของภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก และประชาคมระหว่างประเทศโดยรวมด้วย
ทั้งนี้ ก่อนการบรรลุข้อตกลงนี้ ทรัมป์ได้เน้นย้ำถึงการค้ารถยนต์อย่างต่อเนื่อง พร้อมกับวิพากษ์วิจารณ์ความไม่สมดุลทางการค้ากับญี่ปุ่น ซึ่งญี่ปุ่นเกินดุลการค้ากับสหรัฐประมาณ 80% ในหมวดรถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์
ในส่วนการลงทุนของญี่ปุ่นในสหรัฐมูลค่าราว 17 ล้านล้านบาท ทรัมป์ระบุว่า กำไร 90% เป็นของสหรัฐ และจะสร้างงานในประเทศหลายหมื่นอัตรา
ทั้งนี้ ข้อตกลงไม่มีการระบุถึงภาษีทางผ่าน (Transshipment) ซึ่งเป็นภาษีที่สหรัฐเรียกเก็บประเทศที่ยอมให้ประเทศอื่นสวมสิทธิสินค้า หรือใช้เป็นทางผ่าน ซึ่งสหรัฐเพ่งเล็งชาติในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงเวียดนามที่โดนเรียกเก็บ 40%