119 ปีไม่พอจะหยุดบัญชีม้า? เมื่อโทษแรง แต่โครงสร้างอาชญากรรมยังแข็งแกร่ง
ในขณะที่หลายคนรับสายแปลกๆ แล้วรีบวางด้วยความรำคาญ มีบางคนที่ตอบรับ เสียเงิน และอีกบางคนที่กลายเป็นฟันเฟืองของขบวนการโดยไม่รู้ตัว เช่นเดียวกับชายหญิงชาวไทย 6 ราย ที่เพิ่งถูกส่งตัวกลับจากกัมพูชาเมื่อไม่นานนี้ และเข้าสู่กระบวนการสอบสวนหลังถูกต้องสงสัยว่ามีความเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์
แม้เป็นข่าวที่หลายคนอาจมองข้าม แต่คดีนี้มีความสำคัญ เพราะสะท้อนให้เห็นว่าคนไทยจำนวนไม่น้อยตกเป็นทั้งเหยื่อและผู้ร่วมขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติ และบางรายถึงขั้นถูกศาลไทยตัดสินจำคุกถึง 119 ปี
บทลงโทษที่ไม่ใช่แค่เตือนใจ แต่คือการส่งสัญญาณเข้ม
พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ศาลได้พิพากษาจำคุกผู้ต้องหาในคดีบัญชีม้า 4 รายเป็นเวลา 41 ปีเศษ และผู้ที่จัดหาคนไทยเข้าสู่ขบวนการอีก 2 ราย ถูกพิพากษาจำคุกคนละ 119 ปี ซึ่งแม้ตามกฎหมายไทยจะจำคุกได้ไม่เกิน 50 ปีต่อคน แต่โทษสูงขนาดนี้คือคำเตือนที่ชัดเจนว่า รัฐไม่อ่อนข้อให้กับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีอีกต่อไป
การยึดรถยนต์ 4 คันและการคืนทรัพย์สินแก่ผู้เสียหาย 39 ราย มูลค่ารวมเกือบ 6 ล้านบาท แสดงให้เห็นความพยายามของเจ้าหน้าที่ในการแกะรอยทรัพย์สินและฟื้นฟูความเสียหายที่เกิดขึ้น
สถิติที่มากกว่าคำว่า “น่ากังวล”
ประเทศไทยกำลังเผชิญกับภัยไซเบอร์ที่รุนแรงที่สุดในรอบ 5 ปี ปี 2024 มีการรายงานสายและข้อความหลอกลวงรวมกันถึง 168 ล้านครั้ง เพิ่มขึ้น 112% จากปีก่อนหน้า ข้อมูลจากหลายหน่วยงานระบุว่า ระหว่างมีนาคม 2022 ถึงกุมภาพันธ์ 2024 มีคดีอาชญากรรมไซเบอร์รวมกว่า 460,000 คดี มูลค่าความเสียหายเฉพาะจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์มากกว่า 53.8 พันล้านบาท
ในหนึ่งสัปดาห์ของปี 2023 เพียงสัปดาห์เดียว มีผู้แจ้งความคดีหลอกลวงมากถึง 529 คดี คิดเป็นมูลค่าความเสียหายกว่า 65 ล้านบาท เผยให้เห็นความถี่และความรุนแรงของปัญหาที่ประชาชนทั่วไปต้องเผชิญโดยไม่มีการป้องกันที่มีประสิทธิภาพ
โครงสร้างอาชญากรรมที่ยังคงปรับตัวได้ต่อเนื่อง
แม้จะมีการจับกุมเครือข่ายทั้งชาวไทยและต่างชาติหลายครั้ง รวมถึงการร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างกัมพูชา เมียนมา และลาว แต่โครงข่ายคอลเซ็นเตอร์ยังคงย้ายฐานได้ตามแรงกดดัน เช่น ข้ามชายแดนหรือใช้เทคโนโลยีอย่างคริปโตเคอร์เรนซีเพื่อฟอกเงิน
ข้อมูลจากปี 2023 ยังระบุว่าคนไทยได้รับข้อความและสายหลอกลวงมากที่สุดในเอเชีย รวมกว่า 78.8 ล้านครั้ง ขณะที่จำนวนบัญชีม้าและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องที่ยังเคลื่อนไหวอยู่ในไทยนั้น คาดว่ามีมากถึงหลักหมื่นราย
เมื่อความรู้เท่าไม่ถึงการณ์กลายเป็นอาชญากรรม
กรณีที่พบได้บ่อยคือ คนที่เปิดบัญชีให้คนแปลกหน้า โดยคิดว่าเป็นการหารายได้ง่ายๆ แลกกับเงินไม่กี่พันบาท แต่กลับกลายเป็นการตกลงใจเข้าร่วมขบวนการฟอกเงิน ซึ่งมีโทษจำคุกสูงสุดถึง 9 ปี แม้จะได้ค่าจ้างเพียง 2,000 บาท
ในกรณีที่ร้ายแรงกว่านั้น เช่น การรับหน้าที่จัดหาคน หาที่พัก หรือซ่อนตัวสมาชิกแก๊ง ผู้กระทำความผิดมีแนวโน้มได้รับโทษในระดับเดียวกับผู้บริหารขบวนการ
บทเรียนที่ต้องออกแบบใหม่ทั้งระบบ
รัฐพยายามเพิ่มมาตรการ เช่น การระงับเลขหมายต้องสงสัยทันที และการเอาผิดผู้ให้บริการที่ปล่อยให้เกิดช่องโหว่ แต่ยังไม่มีสัญญาณว่าปัญหานี้จะจบลงในเร็ววัน โครงข่ายอาชญากรรมข้ามชาติยังคงปรับเปลี่ยนวิธีการหลอกลวงได้อย่างรวดเร็ว ในขณะที่ประชาชนบางส่วนยังขาดความเข้าใจในความเสี่ยงที่แท้จริง
นี่ไม่ใช่แค่การประกาศจับหรือรายงานตัวเลขความเสียหาย แต่คือการชี้ให้เห็นถึงโครงสร้างที่ยังต้องการการแก้ไขแบบองค์รวม ตั้งแต่การให้ความรู้พื้นฐาน การคัดกรองธุรกรรมต้องสงสัย ไปจนถึงการควบคุมช่องทางดิจิทัล
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- งานเข้า! ตุ๊กกี้ สุดารัตน์ ถูกปลอมทั้งชื่อ-นามสกุลเหมือนเป๊ะ เหยื่อสูญเงินเฉียดแสน
- ฐานทัพทับละมุ อยู่ตรงไหน? รู้จักฐานทัพเรือพังงา จุดยุทธศาสตร์ฝั่งอันดามัน
- ตร.เปิดยุทธการ I2L AI สกัดแก๊งคอลฯ 3 เดือนปราบให้ราบ
- ตัดน้ำ-ไฟ-เน็ต-น้ำมัน! รัฐบาล ย้ำต้องขุดรากถอนโคนแก๊งคอลเซ็นเตอร์
- ก๊ก อาน คือใคร? เปิดประวัตินักธุรกิจผู้ทรงอิทธิพลของกัมพูชา