โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

ตามหา “บีโกเนีย” แห่ง ภูหินร่องกล้า ป่าหน้าฝนที่ผลิบานลานดอกไม้ พร้อมประวัติศาสตร์การเมืองไทย

Sarakadee Lite

อัพเดต 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 4 ชั่วโมงที่ผ่านมา • กองบรรณาธิการ

“บีโกเนีย” อวดโฉมแล้ว…แค่ได้ยินชื่อของ บีโกเนีย นักเดินป่าและสายถ่ายภาพธรรมชาติต่างก็พร้อมใจเก็บกระเป๋าแล้วพุ่งตัวอย่างไม่ลังเลไปที่ อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก หนึ่งในเส้นทางเดินป่าหน้าฝนที่มีทั้งสายหมอกฝนและลานดอกไม้ป่ารอต้อนรับ กับทางเดินศึกษาธรรมชาติที่มือใหม่ก็เดินได้ สามารถเลือกที่จะเดินเที่ยวเอง หรือมีไกด์ท้องถิ่นนำทาง ข้อควรระวังอย่างเดียวของ ภูหินร่องกล้า คือ ความลื่นของลานหินที่ฉ่ำฝน ดังนั้นเสื้อกันฝน รองเท้ารัดส้นแบบกันลื่นจึงเป็นสิ่งจำเป็น วิธีการท่องเที่ยว ภูหินร่องกล้า นั้นสามารถเลือกเที่ยวแบบวันเดียวกลับในเส้นทางศึกษาธรรมชาติไฮไลต์ หรือจะค้างแรมเช็คอินเก็บให้ครบทุกพิกัดก็ใช้เวลาประมาณ 3 วัน

ภูหินร่องกล้า
ภูหินร่องกล้า

ไฮไลต์ของ อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ไม่ได้มีเพียงลานหินปุ่ม ลานหินแตก หรือผาชูธงที่ซ่อนประวัติศาสตร์การเมืองไทยช่วงคอมมิวนิสต์ไว้ แต่ยังมี “บีโกเนีย” ไม้ล้มลุกขนาดเล็กที่ขึ้นตามชะง่อนหิน มองเผินๆ ดูเป็นใบไม้ธรรมดาแต่กลับมีสีและเส้นใบสีแดงผสมเขียวอ่อนเป็นเอกลักษณ์ สามรถชมได้เฉพาะฤดูฝนราวๆ มิถุนายนไปจนถึงตุลาคม

ภูหินร่องกล้า
ภูหินร่องกล้า

ภูหินร่องกล้า เป็นอุทยานแห่งชาติที่มาอาณาเขตครอบคลุมจังหวัดเพชรบูรณ์ จังหวัดพิษณุโลก และจังหวัดเลย เป็นสถานที่ทางประวัติศาสตร์การสู้รบระหว่างรัฐบาลและพรรคคอมมิวนิสต์ ซึ่งในปัจจุบันก็ยังมีร่องรอยของสถานที่ที่บ่งบอกเรื่องราวในครั้งนั้นหลงเหลืออยู่ ด้านภูมิประเทศเป็นเทือกเขาสลับซับซ้อน ประกอบด้วยภูหมันขาว ภูแผงม้า ภูขี้เถ้า ภูลมโล ภูหินร่องกล้า ส่วนสภาพภูมิอากาศมีอากาศหนาวเย็นเกือบตลอดปีโดยเฉพาะฤดูฝนจะฉ่ำเย็นมีหมอกไหลคลุมลานหินสวยงามมาก

บีโกเนีย

ลักษณะของป่าที่นี่มี 3 ชนิดหลัก คือ ป่าเต็งรัง ป่าดิบเขา และป่าสนเขา จากศูนย์บริการนักท่องเที่ยวสามารถเดินเข้าไปเที่ยวในเส้นทางศึกษาธรรมชาติลานหินแตกได้ด้วยตัวเองเป็นการเดินทางเส้นทางลานหินที่ปกคลุมด้วยไลเคน มอส เฟิร์น รวมทั้งมีลานดอกไม้อย่างเปราะภูขาว ช้างงาเดียว กุหลาบขาว ดรุณีวัลย์ เอื้องคำหิน ทั้งยังมีจุดชมวิวริมผาที่สามารถชมพระอาทิตย์ตกตอนเย็นได้ แต่แนะนำให้ติดไฟฉายคาดหัวสำหรับคนที่จะดูพระอาทิตย์ตก

เปราะภูขาว ผลิบานเฉพาะฤดูฝน

นอกจากนี้ยังมีจุดชมวิว ผาชูธง และ ลานหินปุ่ม โดยผาชูธงนั้นในอดีตเคยเป็นจุดที่พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยใช้เป็นจุดส่งสัญญาณ โดยใช้ธงเป็นสัญลักษณ์ ปัจจุบันกลายเป็นจุดชมทิวทัศน์ที่สวยงามแห่งหนึ่งในอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า และหากมีเวลาสามารถเพิ่มเติมเส้นทางท่องเที่ยวจุดต่างๆ ที่ไกลออกไป อย่าง น้ำตกร่มเกล้าภราดร อยู่ห่างจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยวประมาณ 3.6 กิโลเมตร โรงเรียนการเมืองการทหาร อยู่ห่างจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยวประมาณ 4 กิโลเมตร จุดนี้เคยเป็นชุมชนของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ในบริเวณโรงเรียนการเมืองการทหารประกอบไปด้วยบ้านฝ่ายพลเรือน ฝ่ายพลาธิการ ฝ่ายสื่อสาร และสถานพยาบาล ปัจจุบันเหลือเพียงบ้านไม้หลังเล็กทรุดโทรมที่เป็นหลักฐานสำคัญทางการเมืองของไทยในอดีต

ใครชมพระอาทิตย์ตกอย่าลืมพกไฟฉายมาด้วย

สำหรับใครที่อยากรับความฉ่ำเย็นของป่าฝนให้ชุ่มหัวใจ ทางอุทยานฯ มีทั้งลานกางเต็นท์และบ้านพักให้บริการ และใครที่ตั้งใจมาเพื่อเก็บภาพ บีโกเนีย ให้ตรงมาที่บริเวณผนังหินช่วงทางเดินไปที่หลบภัยทางอากาศบนเส้นทางศึกษาธรรมชาติลานหินปุ่ม ส่วนใครที่มาเที่ยวเอง Sarakadee Lite ปักหมุดทุกจุดไฮไลต์ต้องเช็คอินที่ ภูหินร่องกล้า ไว้ให้แล้ว เซฟโพสต์นี้ หยิบเสื้อกันฝน กล้องถ่ายภาพ และออกเดินทางได้เลย

ภูหินร่องกล้า

เส้นทางศึกษาธรรมชาติลานหินแตก

เส้นทางท่องเที่ยวหลักและเป็นเส้นทางเดินป่ายอดนิยมของ ภูหินร่องกล้า อยู่ห่างจากลานจอดของจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยวประมาณ 500 เมตร เป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติระยะทาง 2 กิโลเมตร ข้อดีคือเดินง่าย เหมาะกับนักเดินป่ามือใหม่ ตัวเส้นทางไม่ลาดชัน ไม่ต้องปีนป่าย แต่มีข้อควรระวังเรื่องพื้นทางเดินที่เป็นลักษณะลานหินที่มีรอยหินแตกทำให้ระดับไม่เสมอกันและอาจลื่นในช่วงฤดูฝน ตลอดเส้นทางจะพบกับลานหินที่มีรอยแตกเป็นแนวร่องเหมือนแผ่นดินแยกดูแปลกตาสมชื่อ “ลานหินแตก” สันนิษฐานว่าเกิดจากการโก่งตัวหรือการเคลื่อนตัวของผิวโลก ตามลานหินปกคลุมด้วยไลเคน มอส เฟิร์น และมีดอกไม้หลากหลายสายพันธุ์ขึ้นปกคลุม เช่น เปราะภูขาว ช้างงาเดียว กุหลาบขาว ดรุณีวัลย์ เอื้องคำหิน โดยเฉพาะในฤดูฝนเป็นฤดูที่สวยที่สุดในการชมทุ่งดอกไม้บนลานหิน ระหว่างทางยังมีจุดชมวิวริมผา และจุดชมพระอาทิตย์ตก แนะนำให้เตรียมไฟฉายไปด้วยสำหรับการเดินกลับ

บีโกเนีย

บีโกเนียแห่งภูหินร่องกล้า

ไฮไลต์ของภูหินร่องกล้าไม่ใช่แค่ลานหินแปลกตา ทว่ายังมี บีโกเนีย ไม้ลมลุกขนาดเล็กที่ขึ้นตามชะง่อนหิน มองเผินๆ ก็เป็นใบไม้ธรรมดา แต่หากลองมองจากใต้ใบ เราจะเห็นความงามที่ซ่อนอยู่ เส้นใบสีแดงแตกแขนงไปทั่วใบของบีโกเนีย บางใบใหญ่บางใบเล็ก กระจายไปทั่วผาหิน หยดน้ำที่ไหลลงมาจากหน้าผาช่วยเพิ่มความชุ่มชื่น ใบไม้สีเขียวสดช่วยเพิ่มความสวยงามมากขึ้นไปอีก พบได้มากที่บริเวณผนังหินช่วงทางเดินไปที่หลบภัยทางอากาศ อันเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางศึกษาธรรมชาติลานหินปุ่ม

น้ำตกสายฝน

น้ำตกสายฝนอยู่ห่างจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยวประมาณ 900 เมตร เส้นทางเดินเข้าน้ำตกเป็นป่าไผ่ เดินไม่ยาก แต่บางช่วงจะมีความลื่นชัน มีน้ำไหลแรงเฉพาะช่วงฤดูฝนราวเดือนมิถุนายน ถึง ตุลาคม

น้ำตกร่มเกล้าภราดร

ตั้งอยู่ห่างจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยวประมาณ 3.6 กิโลเมตร สามารถขับรถไปได้และมีลานจอดรถริมทางอยู่บริเวณทางลงน้ำตก แต่แม้ว่าระยะทางเดินลงสู่น้ำตกจะไม่ไกล แต่ทางค่อนข้างชันและค่อนข้างลื่นเพิ่มความท้าทายในการเดินมากขึ้น แนะนำว่าควรใช้รองเท้ารัดส้นที่พื้นไม่ลื่น ไม่แนะนำรองเท้าแตะ ส่วนตัวน้ำตกแวดล้อมด้วยป่าเขียว ตามโขดหินมีมอสปกคลุมถ่ายรูปสวยมากในฤดูฝน

ภูหินร่องกล้า

กังหันน้ำ

น้ำตกที่ตั้งอยู่ใกล้กับลานจอดรถหน้าโรงเรียนการเมืองการทหาร สามารถจอดรถริมทางหน้าโรงเรียนการเมืองการทหารและเดินเข้าไปชมน้ำตกได้ไม่ยาก บริเวณน้ำตกที่มีการติดตั้งรางน้ำและกังหันน้ำ เพื่อนำแรงจากน้ำไปหมุนกังหันและขับเคลื่อนแกนที่ต่อกับครกกระเดื่องตำข้าว โดยตัวกังหันออกแบบโดยนิสิตคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อครั้งที่มาเข้าร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยตั้งกองกำลังบนภูหินร่องกล้า ปัจจุบันกังหันน้ำไม่ได้ใช้งานแล้ว แต่ยังสามารถเข้าชมตัวน้ำตกที่มีร่องรอยประวัติศาสตร์การเมืองไทยบอกเล่าอยู่

โรงเรียนการเมืองการทหาร

อดีตพื้นที่บริเวณนี้เคยเป็นชุมชนของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) ที่มาก่อตั้งกองกำลังอยู่กลางป่า และเป็นสถานที่ให้การศึกษาตามแนวคิดคอมมิวนิสต์ ในบริเวณโรงเรียนการเมืองการทหารประกอบไปด้วยบ้านไม้ของฝ่ายพลเรือน ฝ่ายพลาธิการ ฝ่ายสื่อสาร และสถานพยาบาล ปัจจุบันเหลือเพียงบ้านไม้หลังเล็กที่ทรุดโทรมตามกาลเวลา และเป็นจุดชมพรมเมเปิ้ลแดงในฤดูหนาวที่สวยติดอันดับต้นๆ ของไทย

อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า

ผาชูธง

มีลักษณะเป็นหน้าผาสูงชัน สามารถเห็นทิวทัศน์ได้กว้างไกลและเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกยอดนิยมของภูหินร่องกล้า โดยหากย้อนประวัติศาสตร์ช่วงพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยก่อตั้งกองกำลัง หน้าผาแห่งนี้เป็นจุดที่พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยขึ้นไปชูธงแดงรูปฆ้อนเคียวในวาระที่รบชนะทหารของฝ่ายรัฐบาล และเป็นที่มาของชื่อ “ผาชูธง”

อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า

เส้นทางศึกษาธรรมชาติลานหินปุ่ม

เป็นอีกเส้นทางศึกษาธรรมชาติต้องปักหมุด ข้อดีคือสามารถเดินชมเองได้ หรือจะจ้างไกด์ท้องถิ่นนำทางก็จะได้ความรู้เรื่องต้นไม้พื้นถิ่นและประวัติศาสตร์การเมืองไทยแน่นมาก ระยะทางเดินทั้งหมด 3.3 กิโลเมตร แบ่งเป็น 15 สถานี แต่ละสถานีมีป้ายให้ข้อมูล โดยมีสถานีเด่น เช่น ลานหินปุ่ม สำนักอำนาจรัฐ ลานอเนกประสงค์ ผาชูธง เป็นต้น

อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า

ลานหินปุ่ม

หน้าผาลักษณะแปลกตา เป็นลานหินผุดขึ้นเป็นปุ่มเต็มทั้งลาน สันนิษฐานว่าเกิดจากการโก่งตัวหรือเคลื่อนตัวของผิวโลก และถูกกัดกร่อนซ้ำจากน้ำและลม จากลานหินปุ่มสามารถชมทิวทัศน์เทือกเขาได้แบบไม่มีอะไรมาบดบัง และสามารถรอชมพระอาทิตย์ตกได้ ทั้งนี้ในช่วงที่พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยก่อตั้งกองกำลัง ได้ใช้ลานหินปุ่มเป็นพื้นที่พักฟื้นของผู้บาดเจ็บระหว่างการสู้รบ

อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า

ที่หลบภัยทางอากาศ

เพิงหินลักษณะคล้ายถ้ำ ในอดีตเคยถูกใช้เป็นที่หลบภัย ลดความเสียเปรียบในการสู้รบของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย นอกจากนี้ยังใช้เป็นที่เก็บเสบียงและอาวุธ

อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า

สำนักอำนาจรัฐ

พื้นที่บริเวณนี้เคยเป็นฐานดำเนินงานทางด้านการทหารและการปกครอง ของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย มีสิ่งปลูกสร้างสำคัญ เช่น บ้านพักผู้บริหาร สำนักงานฝ่ายปกครอง โรงซ่อมเครื่องจักรกล โรงทอผ้า โรงอาหาร ปัจจุบันสิ่งปลูกสร้างเกือบทั้งหมดผุพังไปตามกาลเวลา ที่ยังคงสภาพบ้านเรือนให้เห็นอยู่คือ”คุก” ที่ใช้ลงโทษผู้กระทําผิดหรือละเมิดกฎชุมชนที่ตั้งไว้ หากมาเที่ยวในช่วงฤดูฝนจะมี “ทาก” ชุกชุม ใครที่กลัวทากไม่แนะนำ เพราะสามารถเรียกได้ว่าที่นี่เป็น “ดงทาก”

อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า

รอยเท้าไดโนเสาร์

ที่ ภูหินร่องกล้า มีที่พักค่อนข้างสะดวก ครบทั้งลานกางเต็นท์ตั้งอยู่ในบริเวณลานสน และมีบ้านพักของอุทยานเปิดให้บริการอยู่หลายหลัง ใกล้กับพื้นที่พักแรมบริเวณลานจอดเฮลิคอปเตอร์ มีไฮไลต์ต้องชมนั่นคือรอยเท้าไดโนเสาร์ที่ประทับไว้บนลานหิน ทั้งรอยตีนไดโนเสาร์กินเนื้อและไดโนเสาร์กินพืช

อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า

Fact File

ค่าเข้าชม : ค่าเข้าชมคนไทยผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท

ค่าพาหนะ : รถจักรยานยนต์ 20 บาท รถยนต์ 4 ล้อ 30 บาท

ร้านอาหาร : บริเวณจุดพักแรม มีร้านอาหารเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 6:00-21:00 น.

จองบ้านพักอุทยาน : nps.dnp.go.th

ติดต่อ : FB อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า โทร 096-020-0992, 081-596-5977

The post ตามหา “บีโกเนีย” แห่ง ภูหินร่องกล้า ป่าหน้าฝนที่ผลิบานลานดอกไม้ พร้อมประวัติศาสตร์การเมืองไทย appeared first on SARAKADEE LITE.

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก Sarakadee Lite

ททท. เปิดตัว BE MY GUEST ชวนอินฟลูไทย-เทศ ถ่ายทอดเสน่ห์ไทย จับใจนักท่องเที่ยวทั่วโลก

2 วันที่แล้ว

เปิดวิสัยทัศน์ Krabi Prototype ผลักดันท่องเที่ยว “กระบี่” สู่ต้นแบบการท่องเที่ยวยั่งยืนที่ทำได้จริงและเที่ยวได้จริง

2 วันที่แล้ว

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความไลฟ์สไตล์อื่น ๆ

“โกโกวา” กับแฟนหนุ่ม “ซอลซู” บุกกรุง ชวนคนไทยเล่นเกมกระโดดเชือก ลานคนเมือง เสาชิงช้า

TNN ช่อง16

Coffee Party ปาร์ตี้ตาสว่าง เน้นจัดกลางวัน เทรนด์สังสรรค์แนวใหม่ไร้แอลก็สนุกได้

ONCE

ผ้าห่มพลังงานแสงอาทิตย์ สิ่งประดิษฐ์จากเด็กน้อยอายุ 12 ปี เพื่อช่วยคนไร้บ้านให้อบอุ่นตลอดวัน

Environman

YUYUAN LANTERN FESTIVAL 2025

BLT BANGKOK

"ดร.พีท" แนะหนุ่มสาวออมด้วย ใช้เงินด้วย อย่าให้ไลฟ์สไตล์ชีวิตเสีย

ประชาชาติธุรกิจ

โรงเรียนรุ่งอรุณ สอนการจัดการขยะที่ให้ลงมือทำ ไปพร้อม ๆ กับให้ความรู้ในห้องเรียน

Environman

แอนโทเนีย โพซิ้ว เปิดตัวเป็นเมนเทอร์คนล่าสุดของ The Face Thailand 6

THE STANDARD

คนเก่งจริงต้องกล้ารับคำติ ทักษะนี้ช่วยเติบโตก้าวไกลกว่าเดิม

กรุงเทพธุรกิจ

ข่าวและบทความยอดนิยม

ดูเพิ่ม
Loading...