ไม่เท่าไรหรอก! ผู้นำสูงสุดอิหร่านบอกทรัมป์โอ้อวดเกินจริง โครงการนิวเคลียร์เตหะรานยังโอเค หลังประมุข-จนท.สหรัฐฯแห่ออกโรงยืนยันว่าการโจมตีของฝ่ายตนได้ผล
ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน อยาตอลเลาะห์ อาลี คอเมเนอี ปรากฏตัวครั้งแรกหลังจากประเทศของเขาตกลงหยุดยิงกับอิสราเอล โดยออกมากล่าวปราศรัยในวันพฤหัสบดี (26 มิ.ย.) ตอบโต้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ว่า “พูดเกินความจริง” เกี่ยวกับผลกระทบจากการโจมตีของสหรัฐฯที่มีต่อสถานที่ตั้งทางนิวเคลียร์ของอิหร่าน
ในคำแถลงฉบับหนึ่งและการกล่าวปราศรัยออกอากาศทางสื่อรัฐที่มีการบันทึกเอาไว้ล่วงหน้า คอเมเนอี กล่าวยกย่องสรรเสริญ “ชัยชนะ” ของประเทศของเขา ซึ่งมีเหนืออิสราเอล รวมทั้งประกาศว่าไม่วันยอมจำนนต่อสหรัฐฯ พร้อมกับอ้างว่าวอชิงตัน “ถูกตบหน้า” จากการที่อิหร่านยิงขีปนาวุธเข้าไปโจมตีฐานทัพใหญ่อเมริกันในกาตาร์
การเผยแพร่คำแถลงและคำปราศรัยของคอเมเนอี ครั้งนี้ มีขึ้น 2 วันภายหลังการตกลงหยุดยิงที่ยุติสงคราม 12 วันระหว่างอิหร่านกับอิสราเอล ตลอดจนเกิดขึ้นหลังจากมีการถกเถียงกันในสหรัฐฯ เกี่ยวกับขนาดขอบเขตความเสียหายที่แท้จริง จากการที่อเมริกาเข้าโจมตีสถานที่ตั้งทางนิวเคลียร์แห่งสำคัญๆ ระหว่างที่การสู้รบระหว่างรัฐอิสลามแห่งนี้กับรัฐยิวกำลังดำเนินอยู่
“ประธานาธิบดีอเมริกันผู้นี้พูดเกินความจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์ต่างๆ ในลักษณะที่ผิดธรรมดา และมันก็เห็นชัดว่าเขาจำเป็นต้องพูดให้เกินจริงเช่นนี้” คอเมเนอีกล่าว
สหรัฐฯ “ไม่ได้อะไรจากสงครามคราวนี้” เขาบอก และเสริมว่า การโจมตีของอเมริกัน “ไม่ได้สร้างความเสียหายอย่างสำคัญ” แก่สถานที่ตั้งทางนิวเคลียร์ของอิหร่าน
“สาธารณรัฐอิสลาม (อิหร่าน) ชนะ และในการตอบโต้ก็ได้ตบหน้าอย่างหนักหน่วงใส่ใบหน้าของอเมริกา” เขากล่าว
“ข้าพเจ้าขอแสดงความยินดีกับชาติอิหร่านที่ยิ่งใหญ่ … สำหรับชัยชนะที่มีเหนือระบอบปกรองไซออนนิสต์ผู้หลงผิด” เขาบอก พร้อมกับอ้างว่า อิสราเอล “เกือบจะพังครืน” เพราะการโจมตีของอิหร่าน
ทั้งอิหร่านและอิสราเอลต่างอ้างกันแล้วพวกเขาคือผู้มีชัย โดยที่นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล กล่าวเมื่อวันอังคาร (24) สรรเสริญ “ชัยชนะครั้งประวัติศาสตร์” ของอิสราเอล
การถกเถียงกันในสหรัฐฯ
ในสหรัฐฯ รายงานการประเมินผลเบื้องต้นของสำนักข่าวกรองกลาโหมสหรัฐฯ (ดีไอเอ) ที่รั่วไหลถูกนำออกมาเผยแพร่ในสัปดาห์นี้โดยสื่อมวลชน ซึ่งเจ้าแรกก็คือ ซีเอ็นเอ็น ก่อให้เกิดการกล่าวหาและการกล่าวอ้างตอบโต้กันอย่างดุเดือดเกี่ยวกับขนาดความเสียหายของโครงการนิวเคลียร์อิหร่าน จากการโจมตีของอิสราเอลและโดยเฉพาะจากสหรัฐฯ
ตามรายงานของสื่อ รายงานประเมินผลของดีไอเอสรุปว่า การโจมตีไม่ได้ทำลายส่วนประกอบสำคัญๆ และทำให้โครงการนิวเคลียร์อิหร่านถอยหลังไปอย่างมากที่สุดก็เพียงไม่กี่เดือน
ข่าวนี้ทำให้ทรัมป์โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง และโพสต์บนแพลตฟอร์มสื่อสังคม ทรูธโซเชียล ให้ซีเอ็นเอ็นไล่นักข่าวหญิงที่เป็นคนรายงานข่าวดังกล่าวออก ทั้งนี้ ทรัมป์กล่าวย้ำซ้ำๆ ว่า การโจมตีของสหรัฐฯ “ทำลายโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่านราบคาบ” ซึ่งรวมถึงโรงงานฟอร์โดว์ที่เป็นศูนย์เสริมสมรรถนะยูเรเนียมที่ซ่อนอยู่ใต้ภูเขา
อีกหนึ่งประเด็นสำคัญ ซึ่งถูกพวกผู้เชี่ยวชาญหยิบยกขึ้นมาตั้งคำถาม คือ อิหร่านที่เตรียมพร้อมรับการโจมตีอยู่แล้ว ได้แอบย้ายยูเรเนียมเสริมสมรรถนะ 400 กก. ไปซ่อนที่อื่นหรือไม่
ในเรื่องนี้ แคโรไลน์ เลวิตต์ โฆษกทำเนียบขาว ให้สัมภาษณ์ฟ็อกซ์ นิวส์ เมื่อวันพุธ (25 ) อ้างว่า ไม่พบสิ่งบ่งชี้ว่า อิหร่านเคลื่อนย้ายยูเรเนียมเสริมสมรรถนะก่อนถูกโจมตีอย่างที่สื่อรายงานผิดๆ แต่อย่างใด และสำทับว่า จากภาพที่ปรากฏเวลานี้ วัสดุนิวเคลียร์ดังกล่าวถูกฝังลึกอยู่ใต้ซากปรักหักพังจากการโจมตีที่ประสบความสำเร็จของอเมริกาเมื่อคืนวันเสาร์ (21)
ทว่า เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (22 ) รองประธานาธิบดีเจดี แวนซ์ กลับตอบคำถามเกี่ยวกับยูเรเนียมของอิหร่านเพียงว่า อเมริกาจะหารือเรื่องนี้กับอิหร่าน และในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าจะดำเนินการเพื่อให้แน่ใจว่า ได้จัดการบางอย่างกับเชื้อเพลิงเหล่านั้น
ต่อมาในวันพุธ มาร์โค รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์อย่างระมัดระวังว่า โครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านวันนี้ถอยหลังไปไกลจากวันก่อนที่ทรัมป์สั่งโจมตี
ทางด้านราฟาเอล กรอสซี ผู้อำนวยการทบวงพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (ไอเออีเอ) ซึ่งเป็นหน่วยงานติดตามตรวจสอบด้านนิวเคลียร์ของสหประชาชาติ กล่าวว่า ไอเออีเอไม่สามารถตรวจพบยูเรเนียมนับจากที่โรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่านถูกอเมริกาโจมตี และไม่อาจระบุชัดเจนได้ว่า วัสดุเหล่านั้นสูญหายหรือถูกซ่อนไว้
สำหรับทรัมป์นั้น แสดงความเชื่อมั่นว่า อิหร่านไม่มีโอกาสขนย้ายยูเรเนียมหนีเนื่องจากอเมริกาลงมือโจมตีอย่างรวดเร็ว นอกจากนั้นการเคลื่อนย้ายวัสดุดังกล่าวยังอันตรายมาก
ทรัมป์อ้างอิงภาพถ่ายดาวเทียม โดยอ้างว่าเผยให้เห็นบริเวณรอบโรงงานนิวเคลียร์ที่ถูกอเมริกาโจมตีที่ถูกเผาไหม้เกรียม และสำทับว่า อุโมงค์ใต้ดินของโรงงานเสริมสมรรถนะและจัดเก็บยูเรเนียม “พังทลายทั้งหมด” อีกทั้งบอกว่า อิสราเอลมีแหล่งข่าวในอิหร่านที่เดินทางไปประเมินความเสียหายของโรงงานเหล่านั้นแล้ว
คำแถลงของทำเนียบขาวและนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮูระบุว่า ระเบิดของอเมริกาทำให้โรงงานเสริมสมรรถนะยูเรเนียมของอิหร่านใช้การไม่ได้ ขณะที่คณะกรรมการพลังงานปรมาณูของอิสราเอลยืนยันอีกทางว่า การโจมตีของอิสราเอลและอเมริกาทำให้ความสามารถในการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของอิหร่านล่าช้าอีกนานหลายปี
ผู้นำสหรัฐฯ ยังบอกว่า พีท เฮกเซธ รัฐมนตรีกลาโหมที่เขาเรียกว่า รัฐมนตรี “สงคราม” จะจัดแถลงข่าว วันพฤหัสฯ (26 มิ) เพื่อ “กอบกู้ศักดิ์ศรีของนักบินที่เยี่ยมยอดของอเมริกา” หลังจากรายงานข่าวของสื่อได้ทำให้เกิดข้อสงสัยในประสิทธิภาพการโจมตีที่เขาเป็นผู้สั่งการ
วันพุธ จอห์น แรตคลิฟฟ์ ผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองกลางของสหรัฐฯ (ซีไอเอ) ยังแถลงว่า ข่าวกรองใหม่ที่มาจากแหล่งข่าวที่ “เชื่อถือได้ยาวนาน” บ่งชี้ว่า โรงงานนิวเคลียร์สำคัญของอิหร่านถูกทำลาย และต้องใช้เวลาฟื้นฟูนานหลายปี
ที่สำคัญโฆษกกระทรวงต่างประเทศของอิหร่านยังออกมายอมรับว่า โรงงานนิวเคลียร์หลายแห่ง “เสียหายหนัก”
กระนั้น แฟรงก์ มอนโตยา อดีตผู้อำนวยการสำนักงานต่อต้านข่าวกรองแห่งชาติ ชี้ว่า ในบรรดาหน่วยงานจารกรรมทั้งหมดของอเมริก ดีไอเอมักเป็นหน่วยงานแรกที่ต้องรายงานผลเบื้องต้นของเหตุการณ์หรือปฏิบัติการต่างๆ ทว่า การประเมินเบื้องต้นมักอิงกับข้อมูลเฉพาะหน้าเท่านั้น
ลีออน พาเนตตา อดีตผู้อำนวยการซีไอเอในสมัยประธานาธิบดีบารัค โอบามา เห็นด้วยว่า การประเมินความเสียหายจากการโจมตีต้องใช้เวลาอย่างน้อยหลายสัปดาห์
(ที่มา: เอเอฟพี/เอพี )
website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO