โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

นักวิชาการ มธ. ชี้ ‘TouristDigiPay’ ไร้ต่างชาติแลกเงินดิจิทัลเป็นบาท

ไทยโพสต์

อัพเดต 21 สิงหาคม 2568 เวลา 3.18 น. • เผยแพร่ 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

“นักวิชาการธรรมศาสตร์” เชื่อนักท่องเที่ยวต่างชาติไม่สนใจแลกสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นเงินบาท ตาม “โครงการ TouristDigiPay” เหตุทุกวันนี้ใช้คริปโต-บิทคอยน์ซื้อสินค้าโดยตรงได้ ชี้รัฐบาลเพียงต้องการสร้างสภาพแวดล้อมทรัพย์สินดิจิทัลเพราะเป็นเทรนด์อนาคต ทว่า ธปท. อาจสูญเสียอำนาจ แนะรัฐควรแก้ปัญหาการ “ฟอกเงิน” จากสินทรัพย์ดิจิทัลที่ไม่มี KYC ด้วย Blockchain Analytics เพื่อติดตาม-ตรวจจับ-ศึกษาพฤติกรรมผู้ใช้ดีกว่า

20 สิงหาคม 2568 - จากกรณีที่ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดตัวโครงการ TouristDigiPay เมื่อวันที่ 19 ส.ค. ที่ผ่านมา เพื่ออำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่ถือครองสินทรัพย์ดิจิทัล สามารถแปลงมาเป็นเงินบาทผ่านผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล โดยเงินบาทนั้นจะถูกโอนเข้าสู่กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Money) เพื่อนำไปใช้ชำระเงินตามร้านค้าต่างๆ ซึ่งเบื้องต้นรัฐบาลจะดำเนินการทดสอบในพื้นที่ Sandbox เป็นระยะเวลา 18 เดือน

ศ. ดร.อาณัติ ลีมัคเดช อาจารย์ประจำคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) เปิดเผยว่า การดำเนินโครงการ TouristDigiPay ของรัฐบาลเป็นเพียงการสร้างสีสันและค่อยๆ สร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อสินทรัพย์ดิจิทัลให้มากขึ้น แต่ถ้าโฟกัสเฉพาะโครงการนี้ ค่อนข้างมั่นใจว่าคงไม่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติสนใจเข้าร่วม และไม่เข้าใจและมองไม่เห็นความจำเป็นว่าจะต้องมีการจัดทำพื้นที่ Sandbox ด้วยเหตุผลอะไร นั่นเพราะในสถานการณ์ความเป็นจริง นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติและประชาชนทั่วไปสามารถใช้สินทรัพย์ดิจิทัล เช่น คริปโทเคอร์เรนซี บิทคอยน์ ฯลฯ เพื่อซื้อสินค้าและบริการจากผู้ประกอบการร้านค้าที่เปิดรับสินทรัพย์ดิจิทัลโดยตรงได้อยู่แล้ว ไม่ต้องแลกเปลี่ยนเป็นเงินบาท ไม่ต้องเสียเวลาในกระบวนการตรวจสอบความปลอดภัยต่างๆ และไม่มีความผิดตามกฎหมายที่ระบุไว้ใน พ.ร.บ. เงินตรา พ.ศ. 2501 อยู่แล้ว

ศ. ดร.อาณัติ กล่าวว่า พ.ร.บ. เงินตรา พ.ศ. 2501 ได้ระบุหลักการที่สำคัญแต่เพียงว่าห้ามมิให้มีการพิมพ์เงินเป็นของตนเองและเงินบาทนั้นเป็นเงินที่ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย กล่าวคือหากต้องชำระหนี้พร้อมดอกเบี้ยตามเวลาที่กำหนดไว้กับเจ้าหนี้ ก็จะต้องชำระเป็นเงินบาทเท่านั้น ไม่สามารถชำระด้วยเงินสกุลอื่นได้ และการที่นักท่องเที่ยวต่างชาติจะนำสินทรัพย์ดิจิทัลเข้ามาใช้จ่ายในประเทศไทย ก็ไม่ถือว่าเป็นความผิดตามกฎหมายการควบคุมเงินตราระหว่างประเทศ

ดังนั้น เมื่อไม่มีความผิดตามกฎหมาย ก็ไม่เป็นจำเป็นต้องแก้ไขกฎระเบียบบางอย่างให้มีความพิเศษหรือยืดหยุ่นสำหรับการทดลองใช้งาน จึงไม่เข้าใจว่าเหตุใดถึงต้องมีการทำ Sandbox นอกจากนี้ ในช่วงเวลาที่ผ่านมามีผู้ประกอบการในไทย เช่น ร้านลิ้มเหล่าโหงว ร้านก๋วยเตี๋ยวเจ้าแรกในประเทศไทยที่รับชำระเงินด้วยบิทคอยน์เป็นตัวอย่างอยู่ก่อนแล้ว รวมไปถึงการซื้อคอนโดบางแห่งก็สามารถชำระได้ด้วยสินทรัพย์ดิจิทัลเช่นกัน

มากไปกว่านั้น กระบวนการขั้นตอนที่ชาวต่างชาติจะแลกเปลี่ยนจากสินทรัพย์ดิจิทัลมาเป็นเงินบาทได้ก็มีความซับซ้อนหลายขั้นตอน เริ่มตั้งแต่การนำสินทรัพย์ดิจิทัลมาแลกเป็นเงินบาทผ่านผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลที่อยู่ภายใต้การกำกับของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ซึ่งต้องผ่านกระบวนการตรวจสอบตัวตนของผู้ใช้บริการ (Know Your Customer: KYC) เมื่อได้เงินบาทมาแล้วชาวต่างชาติจะต้องไปสมัครกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Money) ที่มีให้บริการในไทย เช่น TrueMoney Wallet, ShopeePay, Rabbit LINE Pay หรือบัตรเติมเงินของธนาคารต่างๆ และจะต้องยืนยันตัวตน KYC อีกรอบ เพื่อโอนเงินบาทเข้าสู่ e-Money จึงจะสามารถซื้อสินค้าและบริการต่างๆ ได้

“จากขั้นตอนทั้งหมดที่พูดมา ขอถามจริงๆ ว่าจะมีต่างชาติสักกี่คนที่ยอมทำ ส่วนตัวค่อนข้างมีความเชื่อมั่นว่าคงไม่มีต่างชาติคนไหนทำ เพราะพวกเขามีคริปโท มีบิทคอยน์อยู่ในกระเป๋าเงินสินทรัพย์ดิจิทัล หรือ E-wallet ของเขาอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นแอป MetaMask Wallet, แอป Trust Wallet ซึ่งเป็นแอปที่ใช้กันในระดับสากล ที่ไม่จำเป็นต้องทำ KYC ก็สามารถเดินไปซื้อของจากร้านที่เขารับสินทรัพย์ดิจิทัลเหล่านี้ได้โดยตรง ไม่ต้องไปแลกเงินบาท ไม่ต้องไปสมัคร e-Money ให้ยุ่งยาก แล้วผู้ประกอบการหรือร้านค้าเหล่านี้ เขาก็แค่สมัครแอป MetaMask Wallet, แอป Trust Wallet เช่นกัน เพื่อรับคริปโทหรือบิทคอยน์จากชาวต่างชาติ และร้านค้าก็สามารถนำไปแปลงเป็นเงินบาทได้ที่ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งมีแค่ขั้นตอนนี้เท่านั้นที่จะต้องมีการทำ KYC” ศ. ดร.อาณัติ กล่าว

นักวิชาการธรรมศาสตร์ กล่าวต่อไปว่า ด้วยเหตุนี้ กระบวนการที่เชื่อกันว่าจะมีการนำสินทรัพย์ดิจิทัลมาแลกเปลี่ยนเป็นเงินบาทจึงจะไม่เกิดขึ้น ดังนั้นสิ่งที่ภาครัฐควรทำมากกว่าคือการหาหนทางแก้ไขปัญหาการฟอกเงิน เพราะการใช้แอปพลิเคชัน MetaMask Wallet และ Trust Wallet ที่ไม่มีขั้นตอนการทำ KYC ทำให้ไม่เห็นตัวตนผู้ใช้งาน ยากแก่การกำกับติดตาม และนี่คือปัญหาที่กำลังจะเกิดขึ้นไม่ว่ารัฐบาลจะมีการประกาศโครงการ TouristDigiPay หรือไม่

มากไปกว่านั้น สิ่งเหล่านี้คือเทรนด์ของอนาคตที่กำลังรุกคืบเข้ามาอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง หากในวันข้างหน้าประเทศไทยมีการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าผ่านสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นหลักแทนเงินบาท สิ่งที่จะเกิดขึ้นและเป็นสิ่งที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รู้สึกกังวลยิ่งกว่าปัญหาการฟอกเงิน ก็คือการสูญเสียบทบาทในการดำเนินนโยบายทางการเงินของ ธปท. ทั้งการควบคุมอัตราดอกเบี้ย การควบคุมเงินเฟ้อ จากความเสี่ยงที่เงินบาทอาจไม่ได้เป็นสื่อหลักในการชำระเงินของประเทศอีกต่อไป ซึ่งหากปล่อยให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ดำเนินต่อไปอำนาจของเงินบาทและอำนาจของ ธปท. จะหายไปโดยอัตโนมัติ

“มันถึงเวลาที่ผู้ดำเนินนโยบายทางการเงินของไทยจะต้องเตรียมการรับมืออย่างจริงจัง ณ วันนี้ประเทศที่เป็นศูนย์กลางทางการเงินของโลกอย่างสิงคโปร์ ดูไบ ฯลฯ ล้วนมีสิ่งที่เรียกว่า Blockchain Analytics ทั้งหมด เพื่อการติดตามการไหลของสินทรัพย์ การตรวจจับกิจกรรมที่น่าสงสัย และการทำความเข้าใจพฤติกรรมของผู้ใช้ ส่วนตัวคิดว่ากลไกอันนี้เป็นสิ่งที่ผู้ดำเนินนโยบายทางการเงินอย่างแบงก์ชาติ หรือ ปปง. ควรจะหันมาให้ความสนใจไว้บ้างแล้ว ดังนั้นการที่รัฐมนตรีคลังได้ออกมาประกาศโครงการนี้ก็ถือเป็นการกระตุ้นให้หน่วยงานเหล่านี้ต้องตื่นตัวมากขึ้น” นักวิชาการธรรมศาสตร์ กล่าว.

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก ไทยโพสต์

ตลาดสดกลางเมืองขอนแก่น ประดับธงชาติไทยผืนยาวที่สุดในจังหวัด

54 นาทีที่แล้ว

อิสราเอลอนุมัติแผนยึดครองเมืองหลวงกาซา เรียกกำลังพลสำรอง

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

แม่ทัพภาคที่ 2 เยี่ยม ฉก.1-3 มอบสิ่งของพระราชทานกำลังพล

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

‘ไชยา’ ชิงปิดประชุม หนีสภาล่มซ้ำซาก สส.หายหัวไปกินข้าว

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความทั่วไปอื่น ๆ

สวนสัตว์เปิดเขาเขียว ชวนโหวตตั้งชื่อลูก “หนูยักษ์คาปิบารา”

THE PATTAYA NEWS

วันพุธที่ 20 สิงหาคม พ.ศ.2568

สำนักข่าวไทย Online

ไข่เจียวปู 4 พัน พ่นพิษ สคบ.บุกร้าน "เจ๊ไฝ" สั่งปรับไม่ติดป้ายราคา

ThaiNews - ไทยนิวส์ออนไลน์

ปอศ.จับสมาชิกแก๊งเงินกู้ดอกโหด "Nature Wallet"โทรทวงผ่านญาติให้อับอาย

Manager Online

เช็กแล้ว! ข่าวลือยิงฐานตาควาย เป็นเสียงดังฝั่งกัมพูชา-ไม่เกี่ยวฝั่งไทย

PPTV HD 36

PEA ชี้แจงกรณีชาวบ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ได้รับใบแจ้งค่าไฟฟ้าจาก กฟภ.

สำนักข่าวไทย Online

“จิราพร” ต้อนรับผู้เข้าร่วมประชุม AIBD GC 2025

สำนักข่าวไทย Online

‘ผบช.ภ.1’ สอบปากคำ ‘โจรไรเดอร์’ ชิงทอง ไม่เชื่อทำสร้อยหล่นหายระหว่างหนี 33 บาท

เดลินิวส์

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...
Loading...
Loading...
รีโพสต์ (0)
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...