"ทูตรัศม์" ย้ำ กัมพูชาชะลอเก็บกู้ทุ่นระเบิด หวังผู้แทนลงพื้นที่เห็นข้อเท็จจริง
นายรัศม์ ชาลีจันทร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวบรรยายสรุปแก่คณะทูตกลุ่มรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา และผู้แทนอาเซียน เกี่ยวกับเหตุการณ์การใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลของกัมพูชา ว่า ตนขอย้ำถ้อยแถลงของนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ที่ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาทุ่นระเบิดบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา ที่มิใช่เพียงประเด็นด้านความมั่นคงเท่านั้น แต่ยังเป็นประเด็นด้านมนุษยธรรมที่ต้องให้ความสำคัญและดำเนินการด้วยความเร่งด่วนที่สุด
นายรัศม์ กล่าวว่า ในพื้นที่ชายแดนระหว่างประเทศไทยกับประเทศเพื่อนบ้านทั้งหลาย ชายแดนไทย–กัมพูชาเป็นพื้นที่เดียวที่ยังคงได้รับผลกระทบจากทุ่นระเบิดดังกล่าว ดังที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไทยได้กล่าวไว้ว่า ประเทศไทยได้เสนอให้กัมพูชาดำเนินการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมตามแนวชายแดน แต่กัมพูชาได้ชะลอการดำเนินการดังกล่าว
ต่อมา ประเทศไทยได้ยื่นข้อเสนอนี้อีกครั้งในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (Extraordinary General Border Committee – GBC) สมัยวิสามัญ ระหว่างวันที่ 4–7 สิงหาคม 2568 ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ แต่กัมพูชาไม่ได้ยอมรับต่อข้อเสนอดังกล่าว
ทั้งนี้ ตนขอสรุปสาระสำคัญของผลการประชุม GBC ว่า ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัดสำหรับอาวุธทุกประเภท รักษากำลังพลในพื้นที่ตามที่มีอยู่โดยไม่มีการเคลื่อนย้ายเพิ่มเติม งดการเสริมกำลังตามแนวชายแดน และงดเว้นการกระทำใด ๆ ที่เป็นการยั่วยุ
รวมถึงการปฏิบัติการทางทหารและการเผยแพร่ข้อมูลที่บิดเบือน ตลอดจนปฏิบัติตามกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัด โดยจะไม่ใช้กำลังทุกประเภทต่อพลเรือนและทรัพย์สินของพลเรือนภายใต้ทุกสถานการณ์ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากเราทุกคนตระหนักถึงผลกระทบด้านมนุษยธรรมของทุ่นระเบิดเป็นอย่างดี
นายรัศม์ กล่าวต่อว่า ประเทศไทยและประเทศกัมพูชาเห็นพ้องที่จะจัดตั้ง คณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว (Interim Observer Team – IOT) ประกอบด้วยผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารของประเทศสมาชิกอาเซียนที่ประจำอยู่ ณ กัมพูชา และประเทศไทย ซึ่งจะถูกจัดตั้งแยกและปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นอิสระในแต่ละประเทศ เพื่อสังเกตการณ์การปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างสม่ำเสมอ
โดยองค์ประกอบของคณะผู้สังเกตการณ์แต่ละประเทศจะกำหนดโดยประเทศเจ้าภาพร่วมกับประเทศมาเลเซีย คณะผู้สังเกตการณ์จะปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ข้ามแดน และจะประสานงานอย่างใกล้ชิดกับคณะกรรมการชายแดนภูมิภาค (Regional Border Committee – RBC) และคณะกรรมการชายแดนทั่วไปของแต่ละประเทศ
ทั้งสองฝ่ายยังเห็นพ้องที่จะรักษาช่องทางการสื่อสาร และใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ทุกช่องทางเพื่อป้องกันมิให้เหตุการณ์ใด ๆ บานปลาย รวมทั้งจะจัดการประชุมคณะกรรมการชายแดนภูมิภาค (RBC) ซึ่งเริ่มต้นในวันนี้
แม้จะมีผลลัพธ์เชิงบวกจาการประชุมดังกล่าว ประเทศไทยมีความเสียใจที่กัมพูชาไม่ได้ยอมรับข้อเสนอของเราในการบรรจุประเด็นการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม และการปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ เป็นหนึ่งใน ผลลัพธ์หลักของการประชุม GBC
นายรัศม์ ย้ำว่า กระทรวงการต่างประเทศของประเทศไทยได้เชิญผู้แทนจากสถานเอกอัครราชทูต เข้าร่วมการเยี่ยมพื้นที่ในวันพรุ่งนี้ (16 ส.ค. 68) เพื่อสังเกตพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากทุ่นระเบิดสังหารบุคคลซึ่งเพิ่งถูกฝังโดยกัมพูชา โดยกำหนดการประกอบด้วย การเยี่ยมชมหน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมในจังหวัดศรีสะเกษ และพื้นที่ภูมิประเทศที่ได้รับผลกระทบ
ซึ่งท่านจะมีโอกาสเห็นด้วยตนเองถึงผลกระทบด้านมนุษยธรรมของทุ่นระเบิดต่อชุมชนในพื้นที่ จากนั้นจะเยี่ยมชมบ้านหนองเม็ก อำเภอกันทรลักษ์ ซึ่งบ้านเรือนของประชาชนที่ได้รับความเสียหายจากการโจมตีด้วยอาวุธโดยกัมพูชา
“ผมหวังว่า การลงพื้นที่ในครั้งนี้จะช่วยให้ทุกท่านได้เห็นข้อเท็จจริง และตระหนักถึงผลกระทบด้านมนุษยธรรมของทุ่นระเบิด ซึ่งสร้างความเสียหายอย่างไม่เลือกเป้าหมายและไร้มนุษยธรรม ความร่วมมือจากทุกฝ่าย ทั้งประเทศผู้ให้ความช่วยเหลือและประเทศที่ได้รับผลกระทบ มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการลดภัยคุกคามจากทุ่นระเบิด การคุ้มครองความปลอดภัยของชุมชนที่ได้รับผลกระทบ และการสร้างโอกาสเพื่อความปลอดภัย ความเป็นอยู่ที่ดี และการพัฒนาของประชาชนในพื้นที่” นายรัศม์ กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
“แม่ทัพภาคที่ 2” พร้อมนำคณะทูตฯ ดูจุดเกิดเหตุ มีหลักฐานประจักษ์เอาผิดกัมพูชา
กัมพูชาละเมิดซ้ำ! "มาริษ" ร้องภาคีออตตาวา ปมทุ่นระเบิดสังหาร
ทบ. จับชาวกัมพูชาลอบเข้าไทยแล้วกว่า 158 คน เหตุไร้งานหลังกลับประเทศ
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : "ทูตรัศม์" ย้ำ กัมพูชาชะลอเก็บกู้ทุ่นระเบิด หวังผู้แทนลงพื้นที่เห็นข้อเท็จจริง
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
- Website : https://www.pptvhd36.com