ผู้จัดการ รร. เผย ม.5 ทำร้ายครู สำนึกผิดขอโทษแล้ว ห่วงอนาคตเด็ก
วันนี้ (13 ส.ค.68) กรณีนักเรียนชั้นม.5 โรงเรียนเอกชนดังในพื้นที่อำเภอหนองฉาง จังหวัดอุทัยธานี ไม่พอใจคะแนนสอบที่ตัวเองไม่ได้คะแนนเต็ม รัวหมัดใส่ครูผู้สอนจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ล่าสุด ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปพบ นายสมบุญ ทิพรังศรี ผู้จัดการโรงเรียน เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์ตั้งแต่วันที่ 5 สิงหาคม 2568 ก่อนปิดระยะยาว ในวันนั้นทันทีหลังจากที่เกิดเหตุการณ์เมื่อประมาณ 11.00 น. ในช่วงเที่ยงเศษๆ โรงเรียนก็เชิญฝ่ายทีมบริหารครูที่เกี่ยวข้อง ทีมอำนวยการมาร่วมกันเพื่อจะหารือเพื่อจะขอทราบข้อเท็จจริงทั้งหมด เมื่อทราบข้อเท็จจริงแล้วโรงเรียนก็ได้แจ้งผู้ปกครองนักเรียนผู้ปกครองนักเรียนให้ทราบ โดยขอให้ผู้ปกครองนักเรียนมาติดต่อรับนักเรียนกลับบ้านก่อน โดยโรงเรียนจัดสอนทางออนไลน์และจัดสอนทางเอกสารส่งใบงานให้นักเรียนเรียนที่บ้าน และในสัปดาห์นี้หลังจากเปิดมาวันนี้วันแรกและอีก 2-3 วันก็ยังเรียนออนไลน์อยู่จากใบงานให้
“โดยที่สำคัญคือเราไม่ให้ขาดโอกาสทางการศึกษา เขาเป็นเด็กดีแต่ว่าสภาพทางด้านร่างกายและจิตใจ เราก็ไม่สามารถ กำกับติดตามได้ทั้งหมด”
หลังจากนั้นทางฝ่ายครูผู้บาดเจ็บทางโรงเรียนก็ได้นำคุณครูส่งโรงพยาบาลทันทีที่โรงพยาบาลหนองฉาง เมื่อไปที่โรงพยาบาล ตัวกระผมเองก็ได้ไปประสานงานกับทางโรงพยาบาลขอให้เข้าสู่ระบบการเอกซเรย์ การตรวจสภาพทั้งทางร่างกายและจิตใจ โดยคุณครูไม่ต้องสำรองจ่ายใดๆเป็นไปตามระเบียบของการศึกษาเอกชนและกระทรวงศึกษาธิการ ส่วนเรื่องของการบาดเจ็บหรือเรื่องอะไรต่างๆ ก็ได้ดำเนินการเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
หลังจากเกิดเหตุการณ์นี้ทางโรงเรียนได้มีมาตรการป้องกันอย่างเข้มงวดในเรื่องของระบบติดตามนักเรียนโดยเฉพาะเราวางไว้คือ 1 ต้องมีครูประจำชั้น 2 มีหัวหน้าสายระดับชั้น 3 มีหัวหน้าอาคารสถานที่และ 4 ก็คือรองผู้บริหารโรงเรียน ซึ่งเราก็ประชุมกันย้ำกันเกือบทุกสัปดาห์ว่า โรงเรียนจะต้องเข้มงวดกวดขันติดตามนักเรียนอย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์กรณีเช่นนี้อีก
ทางด้านผู้ปกครองของเด็กนั้นตั้งแต่วันแรกผู้ปกครองก็พาเด็กไปเยี่ยมที่โรงพยาบาลโดยนำพวงมาลัยไปขอโทษคุณครูที่โรงพยาบาลทางโทรที่ปรึกษาทางโรงเรียนเอง ก่อนได้เชิญผู้ปกครองมา ปรึกษาหารือและพูดคุยกัน ผู้ปกครองมีความเครียดที่จะต้องหาสถานที่เรียนให้ลูก แต่ยังต้องดูระเบียบทางด้านของสหวิชาชีพก่อนเนื่องจากเด็กอายุยังไม่ถึง 18 ปี ซึ่งขณะนี้สหวิชาชีพได้ช่วยกันสร้างขวัญกำลังใจให้กับคุณครูให้กับนักเรียน เพื่อให้อยู่ในความพอดี
“โดยโรงเรียนคำนึงถึงตัวนักเรียนเป็นสำคัญก่อน คือ อันดับแรกทำยังไงไม่ให้เด็กขาดโอกาส ถ้าเขาจำเป็นต้องย้ายออกไป ผู้ปกครองติดต่อขอย้ายไปหรือไปที่ไหนก็ให้เขาได้มีที่อยู่ที่เรียน”
ส่วนคุณครูก็มีขวัญกำลังใจเพราะคุณครูก็ได้ทำงานกับเราเป็นอย่างดี ส่วนโรงเรียนเองนั้นตัวโรงเรียนก็ทำให้มันอยู่ใน บริบทที่มันเหมาะสมกับโรงเรียนที่สามารถดำรงอยู่ได้
ส่วนสาเหตุคาดว่าโดยรวมอาจจะเกิดจากความเครียด ความกังวลซึ่งอันนี้ต้องอาศัยนักจิตวิทยาคอยแนะนำ เด็กคนนี้เป็นเด็กนักเรียนที่เก่งเป็นเด็กกิจกรรมจะมีเพื่อนคู่หูด้วยกัน โดยปกติจะเป็นคนนำร้องเพลงชาติทุกเช้า