เลิกฝืนตื่นเช้างานวิจัยชี้ นอนให้ถูกไทป์ชีวิตดีขึ้นไม่ต้องฝืนสังคม
รู้จัก “Chronotype” ทำไมการตื่นเช้าไม่ได้เหมาะกับทุกคน
ความเชื่อที่ว่าการตื่นเช้าคือกุญแจสู่ความสำเร็จและสุขภาพดี อาจไม่เป็นความจริงเสมอไป งานวิจัยจากหลายประเทศชี้ว่า “Chronotype” หรือรูปแบบเวลาชีวิตของแต่ละคน มีผลอย่างยิ่งต่อประสิทธิภาพการทำงาน สุขภาพ และความสุข
คนที่มีลักษณะ Early bird มักทำงานช่วงเช้าได้ดี มีวินัย และเหมาะกับสภาพแวดล้อมที่เริ่มต้นกิจกรรมตั้งแต่เช้า เช่น นักเรียนหรือพนักงานออฟฟิศ แต่สำหรับคนที่มีลักษณะ Night owl กลับพบว่าช่วงเวลาที่สมองทำงานได้ดีที่สุดคือค่ำถึงดึก และมักมีความคิดสร้างสรรค์สูงในช่วงเวลานั้น
งานวิจัยจากวารสาร JAMA Psychiatry ระบุว่า การตื่นเร็วขึ้นจากเวลาปกติ 1 ชั่วโมง โดยไม่ลดเวลานอน สามารถช่วยลดความเสี่ยงภาวะซึมเศร้าได้ แต่หากตื่นเช้าโดยพักผ่อนไม่เพียงพอ อาจเกิดผลลัพธ์ตรงข้าม เช่น ภูมิคุ้มกันลดลง สมองล้า และสุขภาพจิตแย่ลง ทำให้ “คุณภาพการนอน” เป็นปัจจัยสำคัญที่สุด
ผลการศึกษาจากมหาวิทยาลัยในยุโรปและเอเชียตะวันออกพบว่า Night owl ทำคะแนนด้านการคิดวิเคราะห์และความคิดสร้างสรรค์ได้สูงกว่าในช่วงเวลาที่ตรงกับจังหวะชีวภาพของตนเอง ดังนั้นการบังคับให้ทุกคนตื่นเช้าตามมาตรฐานเดียวกัน อาจไม่ได้ผลดีกับทุกคน และอาจสร้างความเครียดสะสมได้
วิธีปรับตัวให้เป็น “คนตื่นเช้า” แบบไม่ฝืน
1.นอนให้พอ – เลื่อนเวลานอนให้เร็วขึ้น เพื่อรักษาชั่วโมงการนอนให้เพียงพอ
2.ค่อยๆ ปรับ – ขยับเวลาตื่นทีละ 15–30 นาทีต่อครั้ง ให้ร่างกายและฮอร์โมนปรับตัว
3.สร้างกิจวัตรเช้าให้กระตุ้นร่างกาย – รับแสงธรรมชาติ ออกกำลังกายเบาๆ หรือจิบเครื่องดื่มอุ่นๆ
ท้ายที่สุด การตื่นเช้าไม่ใช่เครื่องวัดความขยันหรือความเก่ง แต่คือการหาจังหวะเวลาที่สอดคล้องกับร่างกาย เพื่อให้ทั้งสุขภาพและประสิทธิภาพการทำงานอยู่ในจุดที่ดีที่สุด
แหล่งที่มา
วารสาร JAMA Psychiatry (งานวิจัยเรื่องเวลาตื่นกับภาวะซึมเศร้า)