พระพุทธรูปปางบำเพ็ญทุกรกิริยาจำลอง เชื่อมสัมพันธ์การทูต 75 ปีไทย-ปากีสถาน
ศาสนาพุทธถือกำเนิดขึ้นในดินแดนชมพูทวีปอันกว้างใหญ่ไพศาล เมื่อเวลาผ่านไปหลายพันปีความเปลี่ยนแปลงด้านการเมืองการปกครองบังเกิด แต่ร่องรอยของพุทธศาสนายังคงหลงเหลืออยู่ในรัฐชาติสมัยใหม่บริเวณดังกล่าว รวมทั้งในประเทศปากีสถานที่เป็น “สาธารณรัฐอิสลาม”
วันก่อนรุคซานา อัฟซอล เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิสลามปากีสถานประจำประเทศไทย เป็นผู้แทนรัฐบาลสาธารณรัฐอิสลามปากีสถานมอบพระพุทธรูปปางบำเพ็ญทุกรกิริยาจำลอง (The Replica of the Fasting Buddha) ให้กับประเทศไทย โดยพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร เป็นผู้แทนกระทรวงวัฒนธรรมรับมอบ ณ พระที่นั่งอิศราวินิจฉัย พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร
พระพุทธรูปปางบำเพ็ญทุกรกิริยาจำลอง ผลิตขึ้นโดยใช้วัสดุประเภทไฟเบอร์ สีดำ สูง 97.53 เซนติเมตร เป็นปางที่แสดงเหตุการณ์ครั้งทรงบำเพ็ญเพียรแสวงหาการหลุดพ้นโดยการกระทำทุกรกิริยาอย่างสุดโต่ง จนพระวรกายซูบผอม เห็นพระอัฐิและพระนหารุ (เส้นเอ็น) ชัดเจนทั่วทั้งพระวรกาย ที่ผ่านมารัฐบาลปากีสถานได้มอบพระพุทธรูปปางบำเพ็ญทุกรกิริยาจำลองให้กับสำนักงานใหญ่องค์การศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ณ กรุงปารีส, สำนักเลขาธิการอาเซียน ณ กรุงจาการ์ตา และประเทศต่างๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อส่งเสริมการทูตวัฒนธรรม ศาสนา และการท่องเที่ยวเชิงพุทธในดินแดนอารยธรรมคันธาระ
“นี่เป็นโอกาสที่สำคัญยิ่งสำหรับเราเพราะปากีสถานกับไทยเป็นมิตรใกล้ชิด เรากำลังจะฉลองครบรอบ 75 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตในปี 2569” ทูตปากีสถานกล่าวและว่า ตอนนี้สองประเทศกำลังหารือกันเรื่องนิทรรศการคันธาระที่พูดคุยกันมาตั้งแต่ พ.ศ.2555 เน้นการนำมรดกพุทธศาสนาคันธาระอันล้ำค่าราว 100 ชิ้นมาจัดแสดง ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร
"พระพุทธรูปจำลองที่มอบให้ในวันนี้ เพื่อแสดงน้ำใจไมตรีเพราะเราต้องการส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย เมื่อพระพุทธรูปได้รับการประดิษฐาน ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร เรามั่นใจว่าจะดึงดูดพุทศาสนิกชนไม่เพียงแค่ในประเทศไทยแต่มาจากทั่วภูมิภาคอาเซียน"
ทูตกล่าวด้วยว่า พระพุทธรูปปางนี้ศักดิ์สิทธิ์และสำคัญมาก องค์จริงประดิษฐานอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ละฮอร์ ตั้งแต่ พ.ศ.2441 เป็นโบราณวัตถุสำคัญดึงดูดชาวพุทธจากทั่วโลก ทุกคนที่มาเยือนพิพิธภัณฑ์ละฮอร์ล้วนชื่นชม นี่คือเหตุผลให้ปากีสถานสร้างองค์จำลองมอบให้ไทยเป็นของขวัญ เป็นพระพุทธรูปที่สมบูรณ์แบบและเป็นตำนานจากปากีสถาน
ปากีสถานต้องการส่งเสริมความสัมพันธ์กับประเทศอาเซียนที่ส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ ซึ่งนี่ไม่ใช่แค่การสร้างสะพานมิตรภาพระหว่างปากีสถานกับไทยเท่านั้น แต่ยังเชื่อมไปถึงประเทศอื่นๆ ด้วย สำหรับปากีสถานนี่คือโอกาสอันสำคัญยิ่ง
- ปากีสถานกับพุทธศาสนา
หลายคนอาจแปลกใจที่ปากีสถานเป็นประเทศมุสลิม ทำไมถึงจัดกิจกรรมแบบนี้
"ปากีสถานเป็นปลายทางสำคัญที่ชาวพุทธไปแสวงบุญเพราะเรามีแหล่งมรดกพุทธคันธาระมากมาย ปากีสถานเป็นเมล็ดพันธุ์แห่งการเรียนรู้ทางพุทธศาสนา รวมถึงอารยธรรมและวัฒนธรรม ถ้าคุณไปเยือน คุณต้องประทับใจที่เห็นรัฐบาลอนุรักษ์แหล่งมรดกพุทธศาสนาไว้ได้เป็นอย่างดี" ทูตกล่าว และว่าโครงการที่ทำกับไทยไม่ได้มีเพียงเท่านี้ ยังมีโครงการอื่นๆ เช่น นิมนต์พระสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่จากประเทศไทยไปจำพรรษาที่ปากีสถาน อย่างที่พระอารยวังโสเคยนำคณะสงฆ์ 200 รูปไปจำพรรษามาแล้วเมื่อปี 2565 ได้จำวัดใกล้ชิดกับแหล่งกำเนิดอารยธรรมคันธาระ
ปากีสถานจะนิมนต์พระอริยวังโสไปจำพรรษาแบบนี้อีกในปีหน้าหรือปีถัดไป และอีกหนึ่งโครงการสำคัญในปีหน้าคือจัดแสดงนิทรรศการคันธาระในประเทศไทย ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนประสานงานกับกระทรวงวัฒนธรรม
- เตรียมชมนิทรรศการคันธาระ
สำหรับการเตรียมงาน เมื่อเดือน ก.ย.2567 ปากีสถานได้เชิญตัวแทนไทยจากหลายกระทรวงไปเยือนห้าพิพิธภัณฑ์ในปากีสถานเพื่อเลือกพระพุทธรูปและสิ่งของที่จะนำมาจัดแสดง ตัวแทนระบุได้ 92 ชิ้น ตอนนี้กำลังคุยกันในรายละเอียด ซึ่งทูตหวังว่าจะสรุปได้ภายในสิ้นปีเพื่อจัดนิทรรศการในปี 2569 เฉลิมฉลอง 75 ปีความสัมพันธ์ทางการทูต
ฟังทูตพูดแล้วคนไทยทั่วไปคงตื่นเต้นกันไม่น้อย ที่ประเทศอิสลามอย่างปากีสถานสามารถอนุรักษ์แหล่งมรดกพุทธศาสนาไว้ได้ แต่อะไรคือความท้าทายสำคัญ
"จริงๆ แล้วโบราณวัตถุสำคัญมากสำหรับเรา ถ้าเราจัดงานแบบนี้บ่อยๆ ก็จะมีผู้คนจากทั่วโลกมาเยือนแหล่งมรดกพุทธศาสนา เพิ่มข้อมูลข่าวสาร เพิ่มความตระหนักรู้ในปากีสถานถึงความสำคัญของมรดกเหล่านี้ ทั้งยังช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนกับประชาชนในปากีสถานและอาเซียนด้วย" ท่านทูตตอบชัด!
พระพรหมศากยวงศ์วิสุทธิ์ (อนิลมาน ธมฺมสากิโย) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร กล่าวเสริมว่า ปากีสถานคือศูนย์กลางพุทธศาสนาสายตะวันตก ตักศิลาศูนย์กลางการศึกษาโลกตั้งแต่ก่อนพุทธกาลอยู่ในประเทศนี้ ครูบาอาจารย์ผู้มาสอนเจ้าชายสิทธัตถะที่เรียกว่าทิศาปาโมกข์ก็มาจากตักศิลาทั้งสิ้น
การที่ปากีสถานมอบพระพุทธรูปปางบำเพ็ญทุกรกิริยาจำลองให้กับไทยจะสอนใจคนรุ่นใหม่ได้ว่า การไปให้ถึงเป้าหมายนั้นไม่ง่าย คนปัจจุบันนี้ต้องการความรวดเร็ว
“การอ่านพุทธประวัติอย่าอ่านว่าท่านเป็นศาสดา ลองเอาตัวเองเป็นพระเอกในเรื่องนั้นดูสิ เรื่องราวที่เจ้าชายสิทธัตถะประสบในสมัยนั้นก็คือเรื่องราวที่พวกเราประสบพบเห็นในทุกวันนี้เหมือนกัน” พระพุทธรูปปางบำเพ็ญทุกรกิริยาสอนเรื่องมัชฌิมาปฏิปทา ชีวิตต้องหาจุดสมดุล เป็นคำสอนที่ใช้ได้ตลอดกาล
ส่วนการท่องเที่ยวเชิงศาสนาพระอาจารย์แนะนำว่า การไปเที่ยวในแหล่งมรดกพุทธศาสนาควรจัดเพื่อสร้างแรงบันดาลใจ “ว่าเราจะแก้ปัญหาชีวิตของเรายังไง ในเมื่อคนๆ หนึ่งเมื่อ 2,500 ปีก่อนก็ประสบปัญหาเหมือนเรา แต่ท่านก็หาทางออกคือทางสายกลางจนเป็นพระพุทธเจ้า เราไปเที่ยวแล้วก็ต้องกลับมาเป็นผู้รู้ รู้ในตัวตนที่แท้จริง รู้ในศิลปะ สถาปัตยกรรม รู้เบื้องหลังของงานแต่ละชิ้น ซึ่งจะเป็นพลังสำคัญให้เราพัฒนาตัวตนขึ้นมา”
- ทำไมต้องปางทุกรกิริยา
ข้อมูลจากกรมศิลปากรระบุว่า แม้ว่าพระพุทธประวัติปางนี้จะเป็นที่รับรู้ผ่านคัมภีร์ทางศาสนา หากแต่ในเชิงศิลปกรรมพระพุทธรูปปางทุกรกิริยาเสมือนจริงแบบพระผอม กลับไม่เป็นที่รู้จักมาก่อน เนื่องจากพุทธศิลป์แบบไทยประเพณีล้วนสร้างขึ้นตามแบบอุดมคติ เป็นรูปแทนคุณสมบัติของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อันเปี่ยมด้วยพระกรุณาธิคุณ พระบริสุทธิคุณ และพระปัญญาธิคุณ โดยมีแบบแผนจากคัมภีร์มหาปุริสลักษณะเป็นหลักสำคัญ รูปแทนพระองค์จึงมีความสงบ ผ่องใส พระฉวีเรียบรื่น ดุจกายอันเป็นทิพย์เสมอ
ครั้งกรุงรัตนโกสินทร์รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อราชสำนักรับรู้ถึงศิลปะคันธาราฐ คือพุทธศิลป์อันมีรากฐานจากศิลปะกรีก-โรมัน ที่มีศูนย์กลางแพร่กระจายในบริเวณทิศตะวันตกเฉียงเหนือของอนุทวีป อันอาจเป็นศิลปะแรกที่พระพุทธเจ้าเป็นรูปมนุษย์ จึงเกิดความนิยมสร้างพระพุทธรูปแบบตะวันตกแผ่ขยายขึ้นในประเทศไทย
ใน พ.ศ.2435 สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ เสด็จเป็นผู้แทนพระองค์ไปยังประเทศยุโรปผ่านทางอินเดีย ได้เที่ยวชมและสักการบูชาพุทธสถานสำคัญหลายแห่ง และปรารภใคร่จะทอดพระเนตรพระฉายพระพุทธรูป “ที่นับว่ามีฝีมืองามที่สุด” ในประเทศ เมื่อทรงนิวัติสู่ประเทศไทยแล้วรัฐบาลอินเดียจึงได้ส่งพระพุทธรูปปางทุกรกิริยา จำลองจากพระพุทธรูปศิลาสลัก ปัจจุบันจัดแสดงและเก็บรักษาในพิพิธภัณฑ์ละฮอร์ ประเทศปากีสถาน หล่อด้วยปูนปลาสเตอร์ปิดทอง หน้าตักราว 1 ศอก ประทับในซุ้มเรือนแก้วมาให้องค์หนึ่ง
ด้วยความงามอันน่าพิศวง ผิดจากพระพุทธรูปสามัญจึงทรงตั้งไว้ให้คนบูชาที่วังใกล้สะพานดำรงสถิต และนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ ซึ่งโปรดให้ประดิษฐานไว้ที่พุทธปรางค์ปราสาท วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง แต่ต้นแบบสูญไปเนื่องจากเกิดเพลิงไหม้ในแผ่นดินนั้น