"ฮุน เซน" ชี้ข่าวผู้นำไทยวางแผนลอบสังหารไร้เหตุผล-เชื่อได้ยาก
เมื่อวันที่ 6 ส.ค.2568 สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา โพสต์เฟซบุ๊กชี้แจง 2 กรณีที่มีการรายงานออกมาในช่วงไม่กี่วันมานี้ โดยเรื่องแรกเกี่ยวกับการที่ญี่ปุ่นมอบความช่วยเหลือด้านโดรนให้ไทย การที่จีนมอบโดรนให้กัมพูชา และการจำหน่ายกระสุนและเครื่องบินจากเกาหลีใต้ให้ไทย เพื่อใช้ในการลอบสังหาร "ฮุน เซน" และ "ฮุน มาเนต" ส่วนเรื่องที่สองเกี่ยวกับการวางแผนลอบสังหารตนและ "ฮุน มาเนต" โดยผู้นำไทย
ฮุน เซน ระบุว่า เรื่องโดรน อาวุธหรือเครื่องบิน ไม่ว่ากัมพูชาหรือไทยจะได้มาจากแหล่งใดก็ตาม ขอร้องไม่ให้ขยายปัญหาเกินกว่าความขัดแย้งระหว่างกัมพูชาและไทยไปสู่ประเทศอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขณะที่ประเทศเหล่านั้นกำลังช่วยเหลือในการยุติความขัดแย้ง สนับสนุนการหยุดยิงและส่งเสริมสันติภาพระหว่างกัมพูชาและไทย
ส่วนเรื่องแผนลอบสังหารนั้น ฮุน เซน ระบุว่าเรื่องนี้เชื่อได้ยาก แม้ว่าผู้นำไทยจะไม่ชอบหรือเกลียดชังตนและฮุน มาเนตก็ตาม แต่ผู้นำไทยยังไม่ถึงขั้นขาดคุณธรรมถึงขนาดวางแผนลอบสังหาร
นอกจากนี้ยังระบุด้วยว่า กัมพูชาต้องการผู้นำไทยที่มีอำนาจเข้มแข็งเพื่อเจรจาสันติภาพ ส่วนไทยก็ต้องการผู้นำกัมพูชาที่มีอำนาจเข้มแข็ง ซึ่งขณะนี้มีเพียง "ฮุน เซน" และ "ฮุน มาเนต" เท่านั้นที่สามารถเจรจาได้ จึงไม่มีเหตุผลใดที่ผู้นำไทยจะวางแผนลอบสังหาร ซึ่งหากฮุน เซน หรือฮุน มาเนต เสียชีวิตโดยน้ำมือผู้นำไทยจริง จะเกิดฮุน เซน หรือฮุน มาเนต นับหมื่นนับแสนนับล้านคนขึ้นทันทีบนผืนแผ่นดินกัมพูชา ซึ่งจะกลายเป็นศัตรูที่ยากจะกำจัดได้
ฮุน เซน ระบุอีกว่า เกี่ยวกับแผนลอบสังหารโดยผู้นำไทยที่มีการระบุว่าจะใช้เครื่องบิน จุดนี้ตนมองว่าประเทศที่จำหน่ายเครื่องบินรบให้ไทยควรเข้มงวดสัญญาการใช้งาน เพราะในอดีตไทยเคยใช้เครื่องบินที่ซื้อจากสหรัฐฯ และสวีเดน โจมตีลึกเข้าไปในดินแดนกัมพูชา พร้อมทั้งระบุว่ากัมพูชาไม่คัดค้านการจำหน่ายเครื่องบินรบให้ไทย แต่ขอให้ไทยไม่ใช้เครื่องบินโจมตีดินแดนกัมพูชา ลาว มาเลเซีย หรือเมียนมา ซึ่งเป็นประเทศที่มีพรมแดนติดกับไทย
"กลาโหมกัมพูชา" ปัดข้อกล่าวหาเรื่องสายลับในไทย
ขณะที่โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาเรื่องสายลับของไทย โดยระบุว่ากองทัพกัมพูชาไม่อนุญาตให้บุคคลใดก็ตามที่มีรอยสัก เหมือนที่ปรากฏในภาพที่ฝ่ายไทยนำมาแสดง เข้ารับราชการทหาร พร้อมยืนยันว่าข้อกล่าวนี้ไม่เป็นความจริง ไม่มีหลักฐาน และมีเจตนาชัดเจนที่จะทำให้ประชาชนเข้าใจผิดและทำลายชื่อเสียงของกัมพูชา
ความเคลื่อนไหวนี้มีขึ้นหลังจากตำรวจ สภ.ลำดวน จ.บุรีรัมย์ จับกุมชายชาวกัมพูชา โดยระบุว่าเป็นสายลับกัมพูชาที่เคยเป็นทหารหน่วย BHQ องครักษ์พิทักษ์ฮุน เซน
กัมพูชาปัดข่าวแรงงานแห่กลับประเทศหวั่นถูกถอดสัญชาติ
ส่วนกระทรวงแรงงานกัมพูชา เผยแพร่วิดีโอเป็นภาพชาวกัมพูชาจำนวนมากหอบหิ้วสัมภาระเดินออกจากฝั่งไทย กลับมายังกัมพูชาในพื้นที่ จ.พระตะบอง เมื่อวันที่ 6 ส.ค. ซึ่งโฆษกกระทรวงแรงงานกัมพูชา เปิดเผยว่า ชาวกัมพูชาเดินทางกลับประเทศแล้วมากกว่า 750,000 คน นับตั้งแต่เกิดการปะทะเมื่อวันที่ 24 ก.ค.
ขณะที่สำนักข่าวเฟรช นิวส์ สื่อกัมพูชา รายงานข่าวที่กระทรวงแรงงานกัมพูชาปฏิเสธข้อกล่าวอ้างของอธิบดีกรมการจัดหางานของไทย ซึ่งระบุว่าแรงงานกัมพูชาหลายพันคนต้องเดินทางกลับบ้านเกิด เพราะถูกขู่ว่าจะถูกเพิกถอนสัญชาติและยึดที่ดิน
โฆษกกระทรวงแรงงาน ประณามคำกล่าวอ้างดังกล่าวว่าเป็นการเข้าใจผิดและไม่ใช่เรื่องจริงและย้ำว่ารัฐบาลกัมพูชาไม่มีนโยบายหรือภัยคุกคามใดๆ ต่อสถานะพลเมืองหรือกรรมสิทธิ์ที่ดินของชาวกัมพูชาที่เดินทางกลับประเทศ
สำนักข่าวเฟรช นิวส์ รายงานอีกว่า เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 6 ส.ค. ตัวแทนจากคณะผู้แทนทางการทูตและหน่วยงานของสหประชาชาติ รวมถึงองค์การอนามัยโลก ได้เข้าตรวจสอบศูนย์พักพิงผู้พลัดถิ่นแห่งหนึ่งใน จ.อุดรมีชัย โดยคณะผู้แทนประกอบด้วยนักการทูตจาก 11 ประเทศ และตัวแทนจากหน่วยงานของสหประชาชาติประมาณ 15 แห่ง
ข้อมูลจากทางการ ระบุว่า นับตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค. - 3 ส.ค. มีชาวกัมพูชาที่พลัดถิ่น 3,905 ครอบครัว หรือทั้งหมด 12,474 คน ได้เดินทางไปที่ศูนย์พักพิงแห่งนี้ และตั้งแต่วันที่ 4 ส.ค. จำนวนผู้พลัดถิ่นเพิ่มขึ้นเป็น 4,280 ครอบครัว หรือคิดเป็น 17,640 คน
อ่านข่าว
"ฮุน เซน" อยู่ที่ไหน ? ไร้เงา "ประชุมสภาสูง" กัมพูชา
ผบ.สส.มาเลเซียเผยฝ่ายเลขาฯ GBC "ไทย-กัมพูชา" บรรลุมติข้อตกลงหยุดยิง