“อรรถกร”สั่งระดมกำลังเฝ้า 24 ชม. กำชับกรมชลฯเร่งพร่องน้ำเขื่อน รับมือ “พายุคาจิกิ”
นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า จากสถานการณ์พายุโซนร้อนคาจิกิ (KAJIKI) ทำให้ในช่วงระหว่างวันที่ 24 – 27 ส.ค. นี้ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนและภาคเหนือ จะมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ ตนได้กำชับให้กรมชลประทานเตรียมรับมือสถานการณ์น้ำหลาก น้ำท่วมขัง ดินโคลนถล่ม รวมถึงน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะในพื้นที่ลุ่มต่ำและพื้นที่เสี่ยงภัยเดิม ได้แก่ จ.น่าน พะเยา แพร่ บึงกาฬ หนองคาย เลย และจังหวัดใกล้เคียง ที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากพายุโซนร้อนดังกล่าว
ปัจจุบันกรมชลประทาน ได้พร่องน้ำจากเขื่อนและอ่างเก็บน้ำล่วงหน้าไว้แล้ว เพื่อให้สามารถรองรับน้ำฝนที่คาดว่าจะตกลงมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งตรวจสอบและซ่อมแซมอาคารชลประทาน รวมถึงคันกั้นน้ำและประตูระบายน้ำให้พร้อมใช้งาน รวมถึงกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำเพื่อให้ระบายน้ำได้สะดวก
นอกจากนี้ ยังได้จัดเตรียมเครื่องจักรกล และเจ้าหน้าที่ประจำพื้นที่เสี่ยง เพื่อให้สามารถให้ความช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงทีหากเกิดเหตุฉุกเฉิน โดยได้บูรณาการเชื่อมโยงการบริหารจัดการตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำอย่างเป็นระบบ เพื่อลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในพื้นที่ท้ายน้ำ
“ได้กำชับให้กรมชลประทานเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำตลอด 24 ชั่วโมง และปรับแผนการระบายน้ำให้เหมาะสมกับสถานการณ์ พร้อมประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนอย่างรวดเร็วและทันต่อสถานการณ์ เพื่อให้ประชาชนและเกษตรกรในพื้นที่เสี่ยงสามารถเตรียมตัวรับมือได้ทันท่วงที" นายอรรถกร กล่าว
สำหรับสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ ขณะนี้มีปริมาณน้ำรวม 50,913 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) คิดเป็น 67% ของความจุอ่างฯ รวมกัน สามารถรับน้ำได้อีก 25,593 ล้าน ลบ.ม.
โดยเฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยา ซึ่งมีเขื่อนหลัก 4 แห่ง ได้แก่ เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มีปริมาณน้ำรวมกัน 17,527 ล้าน ลบ.ม. (70% ของความจุอ่างฯ รวมกัน) สามารถรับน้ำได้อีก 7,344 ล้าน ลบ.ม.