บทเรียนธุรกิจครอบครัว จากมรดก“ท่านผู้หญิงชนัตถ์”สู่ศึกชิงอาณาจักร“ดุสิตธานี"เกมอำนาจที่น่าจับตามอง
คงไม่มีใครปฏิเสธได้ว่า “ดุสิตธานี” ไม่ได้เป็นเพียงแค่ชื่อของโรงแรมหรู แต่เป็นสัญลักษณ์ของธุรกิจครอบครัว มรดกทางวัฒนธรรม และความสง่างามแบบไทยที่อยู่คู่สังคมไทยมานานหลายสิบปี อย่างไรก็ตาม วันนี้ อาณาจักรแห่งนี้กำลังยืนอยู่บนจุดเปลี่ยนสำคัญ หลังจากทีมผู้บริหาร กล้าตัดสินใจ ทุบโรงแรมเก่าในตำนาน เพื่อสร้างเป็นโปรเจ็กต์ใหม่ “ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค” ในพื้นที่ประวัติศาสตร์เดิม มูลค่า 4.6 หมื่นล้านบาท
เพราะล่าสุด ต้องเผชิญหน้ากับความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดจากภายใน เมื่อมติบอร์ดของ บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) หรือ DUSIT (26 ส.ค.)ได้กลายเป็นข่าวช็อกวงการธุรกิจ หลังจากมีการอนุมัติจัดประชุมใหญ่ ในวันที่ 26 ก.ย. 2568 สำหรับ วาระ ถอดถอน “ชนินทธ์ โทณวณิก” 1 ในทายาทของผู้ก่อตั้ง (ท่านผู้หญิงชนัตถ์ ปิยะอุย) ให้ออกจากตำแหน่งกรรมการบริษัท
รวมไปถึง ขออนุมัติ การเปลี่ยนแปลงอำนาจลงนาม จากเดิมซึ่งประกอบไปด้วย ชนินทธ์ โทณวณิก, สินี เธียรประสิทธิ์ และศุภจี สุธรรมพันธุ์ ร่วมกัน 2 ใน 3 คน เปลี่ยนมาเป็นคณะกรรมการชุดใหม่ ซึ่งประกอบด้วย สินี เธียรประสิทธิ์, กฤษดา กวีญาณ และ ศุภศักดิ์ จิรเสวีนุประพันธ์
อ่านข่าว : ดุสิตธานี เสาหลัก “ท่องเที่ยวไทย” กับเส้นทาง 9 ปี ที่ไม่เคยง่าย ของ“ศุภจี สุธรรมพันธุ์"
ถอดถอนผู้บริหาร “ชนินทธ์ โทณวณิก” ออกจากตำแหน่ง
ซึ่งประเด็นนี้ กลายเป็นภาพขัดแย้งสวนทาง กับเลนส์ภายนอกของ "ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค" ที่กำลังก่อตัวขึ้นอย่างสมบูรณ์แบบเพื่อเตรียมเปิดประตูสู่บทใหม่แห่งประวัติศาสตร์ แต่โครงสร้างภายในขององค์กรกลับกำลังสั่นคลอนอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
ก่อให้เกิดคำถาม ว่า การตัดสินใจครั้งนี้ คือ เรื่องของความจำเป็นทางธุรกิจเพื่อไปต่อ หรือเป็นเพียงฉากสุดท้ายของรอยร้าวที่เคยถูกซ่อนไว้ในตำนาน? และอาจจะเป็นอีกบทเรียนสำคัญของธุรกิจครอบครัวในยุคใหม่ที่น่าจับตามอง
ด้าน “ศุภจี สุธรรมพันธุ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มดุสิตธานี ระบุยืนยันว่าขณะนี้ ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ อย่างเป็นทางการ แต่การมีวาระสำคัญดังกล่าวจริง อย่าง "พิจารณาเปลี่ยนแปลงโครงสร้างกรรมการ" และ "การถอดถอนและแต่งตั้งกรรมการใหม่"
ซึ่งบ่งชี้อย่างชัดเจนว่ากำลังจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในองค์กร โดยเฉพาะเมื่อข่าวที่ออกมาก่อนหน้านี้กล่าวถึงการถอดถอน “ชนินทธ์ โทณวณิก” คำกล่าวของ “ศุภจี” เป็นเหมือนการส่งสัญญาณให้ผู้ถือหุ้นและตลาดเกิดความมั่นใจว่าการเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้นจะเป็นไปอย่างราบรื่นและโปร่งใส
โดยเธอย้ำว่าทีมบริหารปัจจุบันยังคงทำงานเต็มที่ และมุ่งมั่นที่จะนำพาบริษัทไปสู่ "Chapter ใหม่" ที่สำคัญ ซึ่งก็คือการรับรู้รายได้และกำไรในระดับที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนจาก โครงการดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค ที่เป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์แบบผสมผสานขนาดใหญ่ และเป็นความหวังในการสร้างการเติบโตอย่างก้าวกระโดดให้กับบริษัทในอนาคตอันใกล้นี้
ทายาทผู้ก่อตั้ง "ดุสิต" เปิดใจกับสื่อ เดินหน้ารักษาเจตนารมย์
ซึ่งในที่สุด ช่วงสายของวันนี้ (27 ส.ค.)“ชนินทธ์ โทณวณิก” ผู้เปรียบเสมือน "รากแก้ว" ของดุสิตธานี ก็ได้ออกมาแถลงเปิดใจเพื่อคลายข้อสงสัยทั้งหมด และชี้ให้เห็นถึงความขัดแย้งที่ไม่ได้เริ่มต้นจากภายในบริษัท แต่มาจากเรื่องราวภายในครอบครัวหลังการเสียชีวิตของ “ท่านผู้หญิงชนัตถ์ ปิยะอุย”
ซึ่งมีการให้ข้อมูลว่าปัญหาเกิดจาก ที่ผ่านมา ผู้ถือหุ้นใหญ่ ใช้เสียงโหวตเพื่อเปลี่ยนแปลงอำนาจของตนเองในบริษัทมาโดยตลอด ซึ่งท้ายที่สุดปัญหานี้ ได้ลุกลามมาสู่การพยายามถอดถอนเขาจากตำแหน่งกรรมการ อีกทั้งเจ้าตัว ยังมีความกังวลถึงการมีเจตนาที่แท้จริงของกลุ่มคนที่จะเข้ามาควบคุมอำนาจแทนที่ผู้บริหารเดิม
พร้อมย้ำว่า การแถลงการณ์ครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่การต่อสู้เพื่อตำแหน่ง แต่คือการปกป้องเจตนารมณ์ดั้งเดิมขององค์กรจากสิ่งที่เขาเรียกว่า "การพยายามเข้ามายึดกิจการโดยไม่เป็นธรรม"
ซึ่งในมุมมองของ “ชนินทธ์” ถึงการเปลี่ยนแปลงอำนาจในครั้งนี้คือการเปิดทางให้บุคคลที่อาจมีความเกี่ยวข้องกับ "กลุ่มเซ็นทรัล" เข้ามามีบทบาทในบริษัท และเขาจะไม่ยอมให้สิ่งที่ครอบครัวสร้างมาตกไปอยู่ในมือของคนอื่นอย่างง่ายดาย
ส่วนประเด็น ข้อกล่าวหาว่า บริษัทขาดทุนต่อเนื่องและมีหนี้สินสูงนั้น ไม่ได้สะท้อนความจริงทั้งหมด “ชนินทธ์” ชี้ว่า การขาดทุนส่วนใหญ่เกิดจากภาระดอกเบี้ยของโครงการใหญ่ “ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค” มูลค่า 46,000 ล้านบาท การลงทุนในโครงการต่างๆ ก่อนที่จะเกิดโควิด และความพยายามในการประคับประคองกิจการในช่วงโควิด
โดยที่เราไม่เคยเพิ่มทุนแม้แต่น้อย ไม่เคยที่จะผลักภาระต่างๆ ไปยังผู้ถือหุ้น แต่พยายามอย่างมากที่จะดูแล ประคับประคองกิจการ ดังนั้น นี่ไม่ใช่การล้มเหลวทางธุรกิจ แต่เป็นรากฐานในการสร้างธุรกิจให้เติบโตต่อไป
“ ผมไม่ได้ยึดติดกับตำแหน่ง แต่ผมเห็นว่าสิ่งที่น่าห่วงคือ การที่คนที่มีประวัติด่างพร้อย หรือมีผลประโยชน์ทับซ้อน เข้ามานั่งเป็นกรรมการของดุสิตธานี นั่นคืออันตรายต่ออนาคตของบริษัทและผู้ถือหุ้นทั้งหมด ผมเพียงปกป้องความถูกต้อง”
" ในความเห็นผม ความเสี่ยงคือ ทิศทางบริษัทอาจจะไม่เป็นอิสระ และอาจเสียเอกลักษณ์ที่เราสร้างมากว่า 76 ปี ผมเชื่อว่าดุสิตธานีควรเป็นแบรนด์ไทยที่ขับเคลื่อนด้วยเจตนารมณ์ดั้งเดิม"
ทั้งนี้ ปัจจุบัน บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) มีสินทรัพย์รวม 38,218 ล้านบาท โดยงบการเงิน ปี 2567 มีรายได้รวมอยู่ที่ 11,077 ล้านบาท เป็นเจ้าของธุรกิจกลุ่มโรงแรมและรีสอร์ท ,กลุ่มการศึกษาด้านการโรงแรมและการท่องเที่ยว ,พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ,กลุ่มอาหาร และ บริการอื่น ๆ
ประชุมผู้ถือหุ้น DUSIT 26 กันยายน วันชี้ชะตา
เมื่อความขัดแย้งถูกเปิดเผยอย่างชัดเจนและมีตัวละครเพิ่มขึ้นจากทั้งฝั่งบริษัทและทายาทผู้ก่อตั้ง ทำให้เรื่องราวของดุสิตธานีกลายเป็นอีกหนึ่ง "คดีประวัติศาสตร์" ที่น่าติดตาม และไม่ได้มีแค่เรื่องธุรกิจ แต่เป็นเรื่องของอำนาจและวิสัยทัศน์ที่ปะทะกันอย่างดุเดือด สิ่งที่เราต้องจับตามองจากนี้ไปคือ
1. การเผชิญหน้าในที่ประชุมผู้ถือหุ้น : ศึกตัดสินอำนาจ
การประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 26 กันยายน 2568 จะเป็นจุดชี้ชะตาที่สำคัญที่สุด เพราะนี่คือเวทีที่ผู้ถือหุ้นจะลงคะแนนเสียงตัดสินอนาคตขององค์กร
- ฝ่ายไหนจะเป็นผู้ชนะ? คำถามสำคัญคือกลุ่มผู้ถือหุ้นรายย่อยจะโหวตไปในทิศทางใด? พวกเขาจะเชื่อมั่นในวิสัยทัศน์ของทีมผู้บริหารปัจจุบันที่พร้อมพาบริษัทไปสู่ "Chapter ใหม่" และรับรู้กำไรก้อนโตจากโครงการ ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค หรือจะเห็นด้วยกับ “ชนินทธ์” ที่ออกมาปกป้องกิจการจากสิ่งที่เขาเรียกว่า "การเข้ามายึดอำนาจ"?
- อำนาจการโหวตที่ซ่อนอยู่: ต้องจับตาดูว่ากลุ่มผู้ถือหุ้นรายย่อยที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งนี้จะมีบทบาทสำคัญในการตัดสินใจอย่างไร และมีกลุ่มทุนอื่นใดอีกหรือไม่ที่อาจจะเข้ามามีส่วนร่วมในการลงคะแนนเสียงครั้งนี้
2. ปมข้อกล่าวหา "ยึดกิจการ" และ "กลุ่มเซ็นทรัล"
การเปิดประเด็นเรื่องการเข้ามาของบุคคลที่อาจเกี่ยวข้องกับกลุ่มทุนอื่น ทำให้ความขัดแย้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่เรื่องภายในครอบครัวอีกต่อไป และถ้าใช่ อะไรคือ แรงจูงใจที่แท้จริง
ความโปร่งใสของธรรมาภิบาล หากอ้างอิงจากคำกล่าวของ “ชนินทธ์” ที่ว่าเป็นการเข้ามายึดกิจการโดยไม่เป็นธรรม จะกลายเป็นประเด็นร้อนที่ท้าทายหลักธรรมาภิบาลของบริษัทและตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่าจะมีการตรวจสอบและสร้างความชัดเจนในเรื่องนี้อย่างไร เพื่อให้ผู้ถือหุ้นมั่นใจในความโปร่งใสขององค์กร
3. อนาคตของแบรนด์ "ดุสิตธานี" และการเปลี่ยนผ่านที่สมบูรณ์แบบ
สุดท้ายแล้ว ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร องค์กรที่ได้รับผลกระทบโดยตรงคือ "ดุสิตธานี"
- การเปลี่ยนผ่านที่ไร้รอยต่อ ทีมผู้บริหารชุดใหม่จะสามารถนำพาบริษัทไปข้างหน้าได้อย่างราบรื่นหรือไม่? และจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับคู่ค้า ลูกค้า และพนักงานได้อย่างไรในสถานการณ์ที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนนี้
- ความสมดุลระหว่าง "กำไร" และ "คุณค่า" ดุสิตธานีจะยังคงรักษาจิตวิญญาณของแบรนด์ที่เน้นการบริการแบบไทยและคุณค่าทางวัฒนธรรมไว้ได้หรือไม่ ในยุคที่ต้องให้ความสำคัญกับตัวเลขทางการเงินและผลกำไรมากขึ้น?
จึงอาจกล่าวได้ว่า การปะทะกันของทั้งสองฝ่ายไม่ได้เป็นแค่เรื่องส่วนตัว แต่เป็นภาพสะท้อนของธุรกิจครอบครัวไทยที่กำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน ซึ่งเป็นการวัดใจผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดว่า สุดท้ายแล้วจะเลือกเดินไปบนเส้นทางไหน และไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร นี่จะเป็นอีกหนึ่งบทเรียนสำคัญของธุรกิจครอบครัวไทย ที่จะถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์อย่างแน่นอน
ล่าสุด เซ็นทรัลพัฒนา (CPN) ออกหนังสือชี้แจง กรณีข่าวการถือหุ้นในดุสิตธานี โดย CPN ยืนยันว่าการร่วมลงทุนกับดุสิตธานีเป็นไปอย่างโปร่งใส ตั้งแต่ปี 2560 ในโครงการ ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค มูลค่า 20,000 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบัน CPN ถือหุ้นในดุสิตธานี 17.09% แต่ไม่มีอำนาจควบคุมกิจการ เพียงเข้าร่วมในฐานะผู้ลงทุนและพันธมิตรทางธุรกิจเท่านั้น
การเสนอชื่อผู้แทนเข้าดำรงตำแหน่งกรรมการ เป็นไปตามสิทธิ์ตามสัดส่วนการถือหุ้น เพื่อช่วยสนับสนุนการดำเนินงาน ไม่ใช่เพื่อครอบงำการบริหาร ทั้งนี้ CPN ย้ำว่า ยึดหลักธรรมาภิบาล ให้ความสำคัญกับการจัดการความขัดแย้งทางผลประโยชน์ และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจของผู้ถือหุ้นใหญ่ของดุสิตธานีแต่อย่างใด
ติดตามข่าวสารด้านการตลาด กับ Thairath Money ได้ที่
https://www.thairath.co.th/money/business_marketing
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : บทเรียนธุรกิจครอบครัว จากมรดก“ท่านผู้หญิงชนัตถ์”สู่ศึกชิงอาณาจักร“ดุสิตธานี"เกมอำนาจที่น่าจับตามอง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- เปิดเคส DUSIT ผู้ถือหุ้นไม่อนุมัติงบปี 67 กระทบอย่างไร?
- บทเรียนธุรกิจครอบครัว จากมรดก“ท่านผู้หญิงชนัตถ์”สู่ศึกชิงอาณาจักร“ดุสิตธานี"เกมอำนาจที่น่าจับตามอง
- เปิดประวัติ ชนินทธ์ โทณวณิก หนึ่งในทายาทผู้ก่อตั้งเครือดุสิตธานี
- กลุ่มดุสิตธานี ประกาศลงทุน พลิกที่ดินข้างโรงแรมดุสิตธานีหัวหิน สู่ “ดุสิต อจารา หัวหิน” 2 พันล้าน
- ดุสิตธานี เสาหลัก “ท่องเที่ยวไทย” กับเส้นทาง 9 ปี ที่ไม่เคยง่าย ของ“ศุภจี สุธรรมพันธุ์"
ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath