“ทรัมป์” สั่งปลด “ลิซา คุก” ผู้ว่าการเฟด ท่ามกลางข้อกล่าวหาฉ้อโกงสินเชื่อ
"ทรัมป์" สั่งปลด "ลิซา คุก" ผู้ว่าการเฟดอย่างกะทันหัน โดยอ้างข้อกล่าวหาการยื่นข้อมูลเท็จในการกู้จำนองบ้าน ถือเป็นการท้าทายความเป็นอิสระของเฟดอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
วันที่ 26 สิงหาคม 2568 เวลา 09.41 น. สำนักข่าว CNBC รายงานว่าโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ สั่งปลด ลิซา คุก ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อย่างกะทันหัน ถือเป็นการยกระดับครั้งใหญ่ในการโจมตีความเป็นอิสระของเฟด หลังไม่พอใจที่เฟดปฏิเสธการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วตามที่ทรัมป์ต้องการ
ในจดหมายเลิกจ้างที่เผยแพร่บน Truth Social ทรัมป์อ้างถึงข้อกล่าวหาที่คุกยื่นข้อมูลเท็จในการกู้จำนองบ้าน โดยระบุว่า“เนื่องจากการกระทำที่ไม่ซื่อสัตย์และอาจเข้าข่ายอาชญากรรมในเรื่องการเงิน ชาวอเมริกันจึงไม่สามารถ และข้าพเจ้าเองก็ไม่สามารถมีความเชื่อมั่นในความซื่อสัตย์ของท่านได้”
ทรัมป์ยังเขียนว่า พฤติกรรมดังกล่าวสะท้อนความประมาทร้ายแรงในการทำธุรกรรมทางการเงิน และทำให้เกิดข้อสงสัยต่อความสามารถและความน่าเชื่อถือในฐานะผู้กำกับดูแลด้านการเงิน
อย่างไรก็ตามการปลดคุกอาจถูกท้าทายในศาลรัฐบาลกลางและอาจไปถึงศาลฎีกา เนื่องจากกฎหมาย Federal Reserve Act ปี 1913 กำหนดว่า ประธานาธิบดีมีอำนาจปลดผู้ว่าการเฟดได้ก็ต่อเมื่อมีเหตุผลอันสมควร ซึ่งตามแนวปฏิบัติที่ผ่านมา หมายถึงการกระทำผิดหรือการละเลยหน้าที่
ด้าน ลิซา คุก ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แถลงเมื่อสัปดาห์ก่อนว่าเธอเพิ่งทราบจากสื่อว่า วิลเลียม พูลที ผู้อำนวยการสำนักงานการเงินเพื่อการเคหะแห่งสหรัฐ (FHFA) ได้โพสต์ในโซเชียลมีเดียว่ากำลังส่งเรื่องร้องเรียนทางอาญาเกี่ยวกับคำขอสินเชื่อบ้านเมื่อ 4 ปีก่อน ซึ่งเกิดขึ้นก่อนที่เธอจะเข้ารับตำแหน่งผู้ว่าการเฟด
ลิซา คุก ระบุว่า“ดิฉันตั้งใจจะตอบคำถามใด ๆ เกี่ยวกับประวัติการเงินของดิฉันอย่างจริงจัง และกำลังรวบรวมข้อมูลที่ถูกต้องเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริง”
เอลิซาเบธ วอร์เรน วุฒิสมาชิกจากพรรคเดโมแครต แถลงเมื่อวันจันทร์ว่า “ความพยายามที่ผิดกฎหมายในการปลดลิซา คุก เป็นตัวอย่างล่าสุดของประธานาธิบดีที่สิ้นหวังและต้องการแพะรับบาป เพื่อปกปิดความล้มเหลวของตนเองในการลดค่าครองชีพให้คนอเมริกัน”
วอร์เรนกล่าวต่อว่า “นี่คือการยึดอำนาจในเชิงเผด็จการที่ละเมิดกฎหมาย Federal Reserve Act อย่างโจ่งแจ้ง และจะต้องถูกเพิกถอนในศาล”
ทั้งนี้การปลดลิซา คุก เกิดขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดต่อเนื่องระหว่างทรัมป์กับเฟด และเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ที่ปฏิเสธไม่ปรับลดดอกเบี้ยตามแรงกดดันของทรัมป์ ก่อนหน้านี้เมื่อ 15 มิ.ย. ทรัมป์เคยหารือกับสมาชิกสภาคองเกรสรีพับลิกันบางคนว่าควรปลดพาวเวลหรือไม่ และได้รับการสนับสนุน แต่วันต่อมาเขากลับปฏิเสธต่อสาธารณะว่าจะปลดพาวเวล แม้ยังเปิดช่องไว้ในกรณีที่มีการฉ้อโกงเกิดขึ้น
หากทรัมป์ประสบความสำเร็จในการปลดลิซา คุก เขาจะสามารถเสนอชื่อผู้แทนใหม่และปรับสมดุลคณะกรรมการบริหารเฟด ซึ่งมีวาระยาวถึง 14 ปี ปัจจุบันมีผู้ว่าการเฟด 7 คน โดย 2 คนคือคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ และมิเชล โบว์แมน เป็นผู้ที่ทรัมป์แต่งตั้ง
ขณะนี้บอร์ดมีสมาชิก 6 คนหลังการลาออกของเอเดรียนา คูเกล ต้นเดือนนี้ ทรัมป์ได้เสนอชื่อ สตีเฟน มิแรน ประธานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจ เข้ารับตำแหน่งแทน หากวุฒิสภาให้การรับรอง และทรัมป์สามารถปลดคุกและแต่งตั้งผู้แทนใหม่สำเร็จ จะทำให้เขามีเสียงข้างมาก 4 ต่อ 3 ในบอร์ดเฟด
ฝ่ายบริหารทรัมป์กล่าวหาว่าลิซา คุก ก่อการฉ้อโกงจำนอง โดยการระบุว่า มีอสังหาริมทรัพย์สองแห่งเป็นที่อยู่อาศัยหลักพร้อมกัน ทั้งในรัฐมิชิแกนและจอร์เจีย
พูลที ซึ่งเป็นนักวิจารณ์พาวเวลอย่างรุนแรง เปิดเผยข้อกล่าวหานี้เมื่อสัปดาห์ก่อนและส่งเรื่องไปยังกระทรวงยุติธรรม ทรัมป์อ้างถึงเรื่องดังกล่าวในจดหมาย โดยระบุว่ามีเหตุผลเพียงพอที่จะเชื่อว่าคุณได้ให้ข้อมูลเท็จในการขอสินเชื่อที่อยู่อาศัย
ทรัมป์เขียนเสริมว่า “เป็นไปไม่ได้เลยที่คุณจะไม่รู้ถึงพันธะสัญญาครั้งแรกเมื่อทำสัญญาครั้งที่สอง”
หลังข้อกล่าวหานี้แพร่กระจาย ทรัมป์ได้เรียกร้องให้คุกลาออกผ่านโซเชียลมีเดีย และขู่จะปลดหากไม่ลาออก โดยกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า “สิ่งที่เธอทำมันร้ายแรง”
พูลทีในเวลาต่อมาได้แสดงความยินดีกับการตัดสินใจของทรัมป์ พร้อมโพสต์ขอบคุณความมุ่งมั่นที่จะหยุดยั้งการฉ้อโกงจำนองและปกป้องกฎหมาย
อ้างอิง : www.cnbc.com