เยอรมันกำลังดื่มเบียร์ลดลง เมาลดลง หันไปดื่มเบียร์ชนิดไม่มีแอลกอฮอร์มากขึ้น
'เบียร์ไร้แอลกอฮอร์' กำลังมาแรงที่เยอรมัน ด้านประเทศไทย ผู้ป่วยจากแอลกอฮอร์กำลังเพิ่มมากขึ้น
เบียร์แบบไม่มีแอลกอฮอร์ มีคนดื่มจริง มาแรงกว่าที่คิด
ถ้าพูดถึงประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องเบียร์ ประเทศที่ดื่มเบียร์เก่ง ในหัวใครหลายคนคงต้องมีชื่อของ ‘เยอรมนี’ ผุดขึ้นมาแน่ ๆ แต่ในปี 2026 ใครจะไปคิดว่าตอนนี้ประชากรเยอรมันกำลังดื่มเบียร์ลดลง เมาลดลง และหันไปดื่มเบียร์ชนิดไม่มีแอลกอฮอร์มากขึ้น
หรือนี่จะเป็น Movement ใหม่ทางเศรษฐกิจ กับความพยายามจะเป็นหัวแถวคนใหม่ของโลก จากผลิตภัณฑ์เบียร์ไร้แอลกอฮอร์จากเยอรมัน ต่อยอดจากเดิมที่เคยสร้างชื่อด้านเบียร์แบบปกติมาแล้วในระดับโลก
สำนักงานสถิติแห่งชาติของเยอรมัน เปิดเผยว่ายอดขายเครื่องดื่มชนิดที่ไม่มีแอลกอฮอร์กำลังเพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และถ้าเราดูย้อนหลังไกล ๆ ก็จะพบว่าเบียร์ชนิดที่ไม่มีแอลกอฮอร์ (และชนิดที่แทบจะมีแอลกอฮอร์น้อยมากๆ ไม่เกิน 0.5%) กำลังไต่ระดับยอดขายโตขึ้นตั้งแต่ปี 2013
จาเดิมที่ในปี 2013 เบียร์ชนิดที่ไม่มีแอลกอฮอร์มียอดขายประมาณ 250 ล้านลิตร มาปี 2024 ยอดขายพุ่งสูงเกือบแตะ 600 ล้านลิตร คือยอดขายเบียร์แบบดั้งเดิมก็ยังสูงอยู่ โดยอยู่ที่ราว ๆ 3,900 ล้านลิตร ในปี 2025 แต่ถึงแม้จะเป็นยอดขายที่สูง แต่ยอดขายนี้ก็เป็นยอดขายที่ลดลงจากปีก่อนหน้า 6.3%
และเมื่อเทรนด์การดื่มเบียร์แบบไร้แอลกอฮอร์กำลังมาแบบนี้ มีหรือที่โรงผลิตเบียร์ในประเทศจะไม่ตอบรับกระแสนี้ คุณ ‘สเตฟาน ไครซ์’ (Dr.Stefan Kreisz) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารโรงเบียร์ Erdinger โรงเบียร์เก่าแก่ที่ผลิตเบียร์มาตั้งแต่ช่วงปี 1880 ออกมาอธิบายถึงสถานการณ์การผลิตเบียร์ของโรงงานตัวเองว่ากำลังผลิตให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป
“คุณต้องเข้าใจวิธีที่คนหนุ่มสาวสมัยนี้พบปะสังสรรค์กัน เราต้องหาวิธีผลิตเบียร์ที่แม้จะไม่ใช่เบียร์แบบปกติก็ตาม เพราะเบียร์แบบไร้แอลกอฮอร์กำลังเป็นที่นิยมในหมู่หนุ่มสาว และโรงงานของเราตอนนี้ประมาณ 1 ใน 4 คือการผลิตเบียร์ที่ไม่มีแอลกอฮอร์”
คุณสเตฟาน CEO โรงเบียร์ Erdinger เข้าใจดีกว่าวัฒนธรรมการดื่มเบียร์แบบปกติก็ยังคงเป็นกระแสหลักและได้รับความนิยมอยู่ ทว่าการโอบรับกระแสใหม่ ๆ เทรนด์ใหม่ ๆ ก็ไม่ใช่เรื่องแย่เสมอไป อะไรที่เคยทำมาตลอดนานกว่า 140 ปีใช่ว่าจะเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ปัจจุบัน Erdinger ยังสนับสนุนเบียร์แบบไร้แอลกอฮอร์ในงานกีฬาต่าง ๆ ด้วย เพื่อเป็นทางเลือกให้กับประชาชนคนทั่วไป
เราไปดูสถานการณ์ที่มิวนิค เมืองหลวงแห่งแดนเบียร์กันบ้าง บาร์เทนเดอร์ ณ ร้าน Café Kosmos (ร้านนี้ได้รับรีวิว 4.3 ดาวใน Google) ‘หลุยส์ ฟอน ทูเชอร์’ บาร์เทนเดอร์เล่าว่าลูกค้าของร้านใส่ใจสุขภาพมากขึ้น ! เขาเล่าว่า
"ในช่วงปี 2000 ผมจำได้ว่าลูกค้าผมจะรู้สึกไม่พอใจทันทีถ้าผมไปบอกเขาว่าคุณควรดื่มน้ำเปล่าสักแก้ว พวกเขาคงจะไม่พอใจอย่ามาก แต่ตอนนี้ผมเห็นถึงความเปลี่ยนแปลง ทุกคนเริ่มมีสติในการบริโภคมากขึ้น ผมคิดว่าคนส่วนใหญ่ยังคงดื่มแอลกอฮอล์อยู่ แต่พวกเขาดื่มอย่างมีสติมากขึ้น และดื่มเครื่องดื่มไร้แอลกอฮอล์มากขึ้น"
นอกจากบาริสต้าทีมงาน BBC ก็ไปสัมภาษณ์คนในลานเบียร์ด้วยเช่นกัน โดยเป็นการสัมภาษณ์ผู้หญิงวัยรุ่นคนหนึ่ง โดยเธอเล่าว่าจากการสังเกตคนในรุ่น ๆ เดียวกันก็พบว่าคนรอบตัวเธอที่อายุใกล้ ๆ กันดื่มเบียร์น้อยลงจริง ๆ
สถานการณ์การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอร์ในประเทศไทย
กลับมาที่ประเทศไทยบ้าง แล้วเทรนด์การดื่มเบียร์ การดื่มแอลกอฮอร์ในไทยเป็นอย่างไร ? ลดลงบ้างไหมเพราะเมื่อเร็ว ๆ นี้ Reporter Journey ก็พึ่งนำเสนอประเด็นที่คนไทยออกกำลังกายมากขึ้น หันมารักสุขภาพมากขขึ้น พฤติกรรมนี้จะกระทบถึงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอร์ไหม
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์ว่า ปี 2568 มูลค่าตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอร์อาจหดตัว 1.8% เป็นการหดตัวครั้งแรกในรอบ 4 ปี ดูเผิน ๆ อาจเป็นตัวเลขที่ดี ทว่าคนไทยกลับมีความเสี่ยงด้านสุขภาพเพิ่มขึ้นซะงั้น โดยปัจจุบันคนไทยป่วยด้วยโรคตับจากแอลกอฮอร์เพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 2.7%
ถึงแม้ยอดขายหดตัว (สาเหตุเพราะนักท่องเที่ยวต่างชาติหาย) แต่คนไทยกลับดื่มแอลกอฮอร์และเสี่ยงสุขภาพแย่มากขึ้นซะอย่างงั้น เรื่องนี้ศูนย์วิจัยกสิกรไทยวิเคราะห์ว่าเป็นเพราะความเครียดจากปัญหาที่รุมเร้าคนไทย สะท้อนจากตัวเลขจำนวนผู้ที่ดื่มนาน ๆ ครั้ง มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น จากเดิมคนไทยมีผู้ที่นาน ๆ ครั้งดื่มเพียง 16% ในปี 2564 แต่พอเป็นสถิติของปี 2567 ตัวเลขนี้กลับกระโดดขึ้นไปที่ 21.2%
ถ้าดูจากทิศทางและแนวโน้มการบริโภคแอลกอฮอร์ตอนนี้ถือว่าน่ากลัว สรุปคือการที่คนไทยออกกำลังกายเพิ่มขึ้น ไม่ได้สะท้อนว่าคนไทยรักสุขภาพมากขึ้นเสมอไป บางทีถ้าคนไทยหันมานิยมเบียร์แบบไร้แอลกอฮอร์แบบหนุ่มสาวเยอรมันบ้างก็คงจะทำให้ตัวเลขผู้ป่วยโรคตับจากแอลกอฮอร์ลดลงบ้าง ไม่มากก็น้อย