'อนุทิน' ตั้งรัฐบาลใหม่ ดึง 3 คนนอก นั่งคุมเศรษฐกิจ-ต่างประเทศ
ดีลตั้งรัฐบาลใหม่ยังคงฝุ่นตลบ แม้สปอร์ตไลท์ จะสาดไปยังพรรคภูมิใจไทย โดยมีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคือ “อนุทิน ชาญวีรกูล” แต่ก็ยังอยู่ภายใต้ตัวแปรสำคัญว่าจะได้-ไม่ได้ นั่นคือ เสียงโหวตจากพรรคประชาชน ซึ่งที่ผ่านมาดูเหมือนว่า พรรคประชาชน จะสนับสนุนนายอนุทิน เพราะรับเงื่อนไขสำคัญของพรรค 4 ข้อ และปัจจุบันก็ได้รวมเสียงสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จากพรรคต่าง ๆ ไว้เรียบร้อยแล้ว
จะว่าไป หากสมการทางการเมืองได้ข้อสรุป โดยมีนายกฯ ชื่อ “อนุทิน” ก็เป็นไปได้ว่า นโยบายต่าง ๆ ที่พรรคเคยหาเสียงไว้ อาจถูกัดฝุ่นขึ้นมาอีกครั้ง หากว่านโยบายดังกล่าว ไม่ไปกระทบกระเทือนกับเสียงโหวตใหญ่
โดยการขับเคลื่อนนโยบายออกมาในช่วงเวลาจำกัด จำต้องใช้ทีมที่มีความเชี่ยวชาญ โดยเฉพาะมือแก้ปัญหา “เศรษฐกิจ” ที่พรรคภูมิใจไทยมี หรืออาจไปเทียบเชิญตัวแทนมาจากโควตากลาง
แหล่งข่าวจากพรรคภูมิใจไทย เปิดเผยกับฐานเศรษฐกิจว่า ขณะนี้ทีมเศรษฐกิจของพรรคภูมิใจไทย แม้จะไม่ได้ตั้งขึ้นมาอย่างชัดเจน แต่ที่ผ่านมาการทำงานของฝ่ายบริหารพรรคหลายคนก็สามารถขับเคลื่อนงานด้านเศรษฐกิจออกมาได้
โดยมี หัวหน้าทีมเศราฐกิจ นั่นก็คือหัวหน้าพรรค “อนุทิน ชาญวีรกูล” ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจของพรรคหลายด้าน สามารถเป็นผู้ขับเคลื่อนการดำเนินนโยบายต่าง ๆ ด้านเศรษฐกิจออกมาได้
ขณะเดียวกันทางพรรคก็มีสมาชิก และอดีตรัฐมนตรีหลายคนที่เป็นมือเศรษฐกิจ หรือเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจหลายคน โดยมีผู้ที่ทำงานทั้งเบื้องหน้า-เบื้องหลัง โดยในกลุ่มของอดีตรัฐมนตรี ซึ่งจะเป็นทีมเศรษฐกิจของพรรคได้ เช่น นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ ซึ่งเคยเป็นทั้งอดีตรมว.การท่องเที่ยวและกีฬา และรมว.แรงงาน
เช่นเดียวกับ นายนภินทร ศรีสรรพางค์ อดีตรมว.พาณิชย์ และเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจ หรือ นายทรงศักดิ์ ทองศรี ซึ่งแม้ว่าตำแหน่งล่าสุดจะเป็น รมช.มหาดไทย แต่ก่อนหน้านี้ก็เคยนั่งเป็นรมช.คมนาคม มาก่อน
แหล่งข่าว ระบุกับฐานเศรษฐกิจว่า หากการจัดตั้งรัฐบาลเป็นไปตามแผนของพรรคภูมิใจไทย โดยมีนายอนุทิน เป็นนายกฯ คนใหม่ ทางพรรคอาจจะสรรหาคนนอกเข้ามาเป็นมือเศรษฐกิจหลักของรัฐบาล ซึ่งขณะนี้ได้เคาะรายชื่อเรียบร้อยแล้ว เพื่อจะได้ขับเคลื่อนการทำงานด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลออกมาได้ในช่วงระยะเวลาจำกัด ก่อนที่จะยุบสภาภายใน 4 เดือนตามเงื่อนไขที่ตกลงไว้กับพรรคประชาชน
เช่นเดียวกับนโยบายด้านการต่างประเทศ ก็มีความเป็นไปได้ว่า พรรคภูมิใจไทย อาจเทียบเชิญผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านงานต่างประเทศตัวจริงเข้ามาทำงานด้านนี้ เพราะที่ผ่านมางานทางด้านต่างประเทศมีความสำคัญ โดยเฉพาะกรณีการเกิดการกระทบกระทั่งบริเวณชายแดน ไทย-กัมพูชา รวมไปถึงการเจรจากรอบการค้าสำคัญกับสหรัฐฯ รวมทั้งการรองรับการเจรจาการค้าในกรอบอื่น ๆ
ทั้งนี้นอกจากงานทางด้านการต่างประเทศแล้ว การขับเคลื่อนงานทางด้านการค้าก็เป็นอีกงานหนึ่งที่พรรคภูมิใจไทยอาจต้องหาผู้ที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาขับเคลื่อนนโยบายด้านการค้าอีกหนึ่งคน
โดยมีเป้าหมายคือเรื่องการเจรจาเปิดตลาดสินค้ากับสหรัฐฯ ซึ่งจะใช้เวลาในการเจรจารายละเอียดค่อนข้างมาก เช่นเดียวกับการเจรจาจัดทำเขตการค้าเสรี (FTA) อีกหลายประเทศ โดยเฉพาะ FTA ไทย-อียู ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าหมายจะปิดดีลให้ได้ภายในปลายปีนี้
ส่วนนโยบายด้านเศรษฐกิจสำคัญของพรรคภูมิใจไทยนั้น ในช่วงการหาเสียงเลือกตั้งรอบล่าสุด พรรคภูมิใจไทยได้ประกาศนโยบายออกมาหลายเรื่อง
โดยนโยบายระยะสั้น คือ นโยบาย "พักหนี้ 3 ปี หยุดต้น ปลอดดอก" เพื่อช่วยเหลือประชาชนหยุดจ่ายหนี้ทั้งต้นและดอกเบี้ยเป็นเวลา 3 ปี ซึ่งเป้นการดูแลแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนของประเทศที่อยู่ในระดับสูง
เช่นเดียวกับนโยบาย "เงินกู้ฉุกเฉิน 50,000 บาท" มีเป้าหมายหยุดวงจรหนี้นอกระบบและสนับสนุนการประกอบอาชีพ มีเงื่อนไขการปล่อยกู้เงินฉุกเฉินให้ผู้มีอายุ 20 ปีขึ้น โดยไม่ต้องมีหลักทรัพย์หรือผู้ค้ำประกัน ผ่อนชำระเพียงวันละ 150 บาท เป็นเวลา 365 วัน รวมดอกเบี้ยและเงินต้น 54,750 บาท
ขณะที่นโยบายระยะยาว เช่น การผลักดันโครงการ "Landbridge" ซึ่งจะเชื่อมโยงระหว่างอ่าวไทยกับทะเลอันดามัน เพื่อยกระดับประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางคมนาคมของอาเซียน การพัฒนาการขนส่งสาธารณะ ผ่านการนำรถเมล์ไฟฟ้าเข้ามาเพื่อลดมลพิษ PM2.5 ติดตั้งโซลาร์เซลล์ฟรีบนหลังคาบ้าน ลดค่าไฟ 450 บาทต่อเดือน และสิทธิการใช้เครดิตพลังงานนาน 25 ปี
รวมไปถึงนโยบาย "เกษตรร่ำรวย ด้วย Contract Farming" เป็นหนึ่งในนโนบายที่ช่วยเหลือเกษตรกรสามารถรู้ราคาก่อนปลูกพืช และรับเงินก่อนขาย และสนับสนุนระบบสัญญาซื้อขายล่วงหน้าสำหรับพืชเศรษฐกิจชนิดต่าง ๆ ด้วย