ราคาน้ำมันดิบปิดลบ กังวลผลกระทบภาษีนำเข้าทรัมป์
ราคาน้ำมันดิบ WTI และเบรนท์ปิดลบเมื่อวันที่ 31 ก.ค. ท่ามกลางความไม่แน่นอนของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และประเทศคู่ค้า ก่อนเส้นตายการเก็บภาษีศุลกากรสูงวันที่ 1 ส.ค.
ราคาน้ำมันดิบในประเทศไทย — 1 สิงหาคม 2568
ราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศ (Bangchak)
ข้อมูลจาก Bangchak Corporations แสดงราคาขายหน้าปั๊มประจำวันดังนี้
- เบนซิน 95: 46.14 บาท/ลิตร
- เบนซิน 91: 31.94 บาท/ลิตร
- ดีเซล: 28.99 บาท/ลิตร (ปรับขึ้นเล็กน้อยจาก 28.59 บาท ณ วันที่ 24 กรกฎาคม)
- แก๊สโซฮอล์: E20 30.64 บาท, E85 32.48 บาท, NGV 32.85 บาท/กิโลกรัม
ราคาที่ค่อนข้างคงที่ในช่วงปลายเดือนกรกฎาคมถึงต้นสิงหาคม ชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลและ Oil Fuel Fund ยังคงตรึงราคาภายในประเทศเพื่อควบคุมภาระค่าครองชีพ
ราคาน้ำมันดิบตลาดโลก
สถานการณ์ตลาดโลก
- ปาล์มราคาน้ำมันดิบโลก เช่น Brent อยู่ในช่วง $63–73 ต่อบาร์เรล และ WTI อยู่ในช่วง $60–70 ต่อบาร์เรล โดยสถานการณ์อุปทานส่วนเกินจาก OPEC+ เริ่มส่งผลกดดันราคา
- ปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์ เช่น ความตึงเครียดในตะวันออกกลางมีแนวโน้มลดลง และจีนเริ่มฟื้นตัวด้านภาคการผลิต ซึ่งอาจลดแรงหนุนราคาน้ำมัน
แนวโน้มราคาจากสำนักวิเคราะห์
- Goldman Sachs คาดราคาเฉลี่ยปี 2025 อยู่ที่ Brent $63/bbl และ WTI $59/bbl และอาจลดลงต่อไปในปี 2026 เหลือ Brent $58 และ WTI $55 หากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวและ OPEC+ ขยายผลิตเพิ่มเติม
- J.P. Morgan คาด Brent เฉลี่ยปี 2025 ที่ $66/bbl และ $58/bbl ในปี 2026 โดยมีปัจจัยกดดันจากแนวโน้มปริมาณน้ำมันล้นตลาด
- Citi ระบุว่าหากไม่มีการลดผลิตเพิ่ม อาจทำให้ราคาต้องลงมาเฉลี่ยราว $60/bbl และอาจหลุดลงไปถึงต่ำกว่า $50 หากตลาดขาดความเชื่อมั่นต่อ OPEC+
- LiteFinance ให้กรอบคาดการณ์รายเดือน ปี 2025: สิงหาคม $55.90–$61.70, กันยายน $55.00–$60.90, etc. โดยเดือนส.ค. มีแนวโน้มราคาในระดับต่ำกว่าช่วงก่อนหน้า
ภาพรวมปัจจัยกดดันและสนับสนุนราคา
ปัจจัย ผลทางราคา การเพิ่มกำลังผลิต OPEC+ กดดันอุปทานล้นตลาด ลดแรงซื้อจากตลาดโลก ภาวะเศรษฐกิจโลกอ่อนตัว ความต้องการน้ำนมตลาดลด ส่งผลให้ราคาตกต่ำ ความตึงเครียดภูมิรัฐศาสตร์ลดลง ลดความเสี่ยงด้าน supply shock การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน สนับสนุนความต้องการในเอเชียบางส่วน แต่ยังอ่อนแรง
วิเคราะห์แนวโน้มต่อเนื่อง
ระยะสั้น (ส.ค.–ต.ค. 2568)
- ราคาน้ำมัน Brent และ WTI ถูกคาดการณ์ให้อยู่ในกรอบ $55–62/bbl โดยทิศทางหลักมีแรงกดดันจากอุปทานส่วนเกินและเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว
ระยะกลาง–ปลายปี 2568
- สำนักวิเคราะห์หลายแห่ง เช่น Goldman Sachs และ J.P. Morgan คาด Brent เฉลี่ยปี 2025 ที่ราว $63–66/bbl และ WTI ราว $59–63/bbl
ปี 2569
- หากเศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะชะลอ หรือ OPEC+ ยกเลิกมาตรการลดกำลังผลิต ราคาน้ำมันดิบอาจร่วงต่ำถึง Brent $55–58/bbl และ WTI $50–55/bbl หรือต่ำกว่าในกรณีรุนแรง
ผลสะท้อนต่อราคาน้ำมันไทย
- ราคาหน้าปั๊มภาคประชาชน เช่น เบนซิน และดีเซล ยังถูกควบคุมโดยกลไก Oil Fuel Fund เพื่อบรรเทาผลกระทบต้นทุนจากราคาดิบโลก
- หากราคาน้ำมันดิบโลกอยู่ในระดับต่ำต่อเนื่องและรัฐบาลไม่ปรับภาษีเชื้อเพลิง ราคาขายในประเทศอาจ ทรงตัว* หรือค่อยๆ ปรับลดลง ตามแนวโน้มตลาดโลก
บทสรุป
ณ วันที่ 1 สิงหาคม 2568 ราคาขายปลีกในไทยยังทรงตัวในระดับเดิม โดยเฉพาะดีเซลมีการปรับขึ้นเล็กน้อยเบาบาง
- ราคาน้ำมันดิบโลกได้รับแรงกดดันจากอุปทานที่เพิ่มและภาวะเศรษฐกิจอ่อนแอ โดยคาดว่าในระยะสั้นจะอยู่ในกรอบ $55‑62/bbl และอาจลดลงสู่ระดับเฉลี่ย $60–66/bbl ในปี 2025–2026
- ราคาหน้าปั๊มในไทยมีแนวโน้มทรงตัวหรือลดลง หากไม่มีปัจจัยเร่งขึ้นชัดเจนจากทั้งภายในและต่างประเทศ