“เสธ.ต๊อด - ผู้พันเบิร์ด - คุณปลื้ม” วิเคราะห์โอกาสกัมพูชาหยุดยิงทันที เป้าหมายปล่อยเฟกนิวส์ โอกาสปิดจบ!? จวกสามัญสำนึก “ฮุน มาเนต”
รายการ โหนกระแส วันที่ 28 ก.ค. ดำเนินรายการโดย “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ผลิตในนามบริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.35 น. ทางช่อง 3 กดหมายเลข 33 เกาะติดสถานการณ์ความตึงเครียดชายแดนไทย-กัมพูชา หลังจากมีกรณีพิพาท กัมพูชาเปิดฉากโจมตีประเทศไทย จนไทยมีการตอบโต้ เขมรปล่อยเฟกนิวส์ทุกวัน เรื่องนี้จะไปจบตรงไหน พูดคุยกับ พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก หรือ เสธ.ต๊อด, พล.ต.วันชนะ สวัสดี ผอ.สำนักงาน ปธมน. หรือ ผู้พันเบิร์ด และ คุณปลื้ม ม.ล.ณัฎฐกรณ์ เทวกุล นักวิเคราะห์ข่าว
ติดตามสถานการณ์เป็นยังไงบ้าง?
คุณปลื้ม : วันนี้ค่อนข้างสำคัญ คือการเจรจาที่กัวลาลัมเปอร์ ว่าประเทศไทยต้องระมัดระวังเรื่องใดบ้าง หวังว่าจะมีความคืบหน้า นำมาสู่การหยุดยิงในรูปแบบที่ไม่ได้เข้าทางที่สิ่งที่กัมพูชาต้องการ แต่ขึ้นอยู่ในรายละเอียดว่าคุยเรื่องอะไรบ้าง รวมทั้งประเด็นที่คนตั้งคำถามเรื่องการยอมรับผิดของฝั่งกัมพูชาว่าได้ยิงเข้ามาและพุ่งเป้าไปที่พลเรือน เรื่องการที่ไทยต้องไม่ยอมประเด็นเกี่ยวกับแผนที่ ต้องเป็น 1 ต่อ 5 หมื่นเช่นเดิม รักษาการนายกฯ ต้องทำอย่างเต็มที่ เป็นโอกาสย้ำต่อประชาคมโลกด้วย แม้เป็นการพูดคุยแค่ 2-3 ประเทศ
สถานการณ์ปัจจุบันตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?
พล.ต.วินธัย : ช่วงต้นปีที่ผ่านมามันเริ่มมีสิ่งบอกเหตุความผิดปกติหลายอย่าง ไล่มาตั้งแต่เรามีข้อตกลงกันว่า เมื่อพื้นที่อยู่ติดกัน เราจะทำอย่างไรเพื่ออยู่ร่วมกันได้ เรามีกรอบเอ็มโอยู ก็เอากรอบเอ็มโอยูเป็นตัวตั้ง พื้นที่ไหนที่ต่างฝ่ายต่างอ้างสิทธิ์ ก็ต้องอยู่ด้วยความระมัดระวัง กรณีในช่วงต้นเริ่มจากมีการแสดงกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ มันเป็นจุดเริ่มต้นก่อน แต่เราพยายามมองในแง่มุมที่ดีว่ามันเป็นสถานที่ท่องเที่ยว คงอยากมาเที่ยวกัน จนกระทั่งมันเริ่มมีกิจกรรมที่แปลกๆ ไม่เป็นไปตามแบบที่เคยเป็น เริ่มจากต้นปีนี้เองนะ ปีที่แล้วมันยังดีอยู่ นี่คือลักษณะกายภาพที่เราเห็นผ่านสื่อ หลังจากนั้นถึงมาเริ่มมีการเผาศาลาตรีมุข ตอนนั้นข่าวที่สังคมอาจไม่ได้ทราบเลย มันมีเรื่องการขยับกำลังเข้ามา อาจไม่ได้มาบริเวณพื้นที่ชายแดนโดยตรง แต่อยู่อาณาบริเวณตลอด ข้อมูลด้านการข่าวรู้สึกว่าเอ๊ะ แล้วจะเอามาทำอะไร เราไม่ได้อยู่ในสภาพที่ขัดแย้งกัน แค่นี้ก็รู้แล้วว่าใครเป็นคนขยับท่าทีของการรุกรานก่อน ถ้าการเขยิบกำลังโดยเราไม่ได้มีมูลเหตุอะไร เรื่องเราเห็นไม่ตรงกันเรื่องชายแดน มันก็มีกลไกของมันอยู่ คุยกัน เจรจา ประท้วงไป 400-500 ครั้ง จนพี่น้องประชาชนอึดอัดว่าทำไมไม่อยู่ในกฎกติกา ผมเองก็พยายามอธิบายช่วงแรกว่าเป็นกลไกที่เราตกลงแล้วว่าต้องเป็นแบบนี้
เขาพยายามขยับเข้ามา ใกล้ขนาดไหน มีระยะชายแดนที่ต้องตรึงเอาไว้มั้ย?
พล.ต.วินธัย : จริงๆ มี เรามองเป็นสองส่วน ส่วนใกล้ชิดชายแดน ถ้าเป็นพื้นที่ต่างฝ่ายต่างอ้างสิทธิ์ พื้นที่นี้จะอยู่พอประมาณ สำหรับทำอะไรร่วมกัน เดินลาดตระเวนร่วมกัน เพื่อให้เกิดความเรียบร้อย แต่พื้นที่อื่นไม่ได้อยู่ในชายแดน แต่ถือว่าใกล้ มีการวางกำลัง เราไม่ได้อยู่ในลักษณะจะมีการทำสงคราม หรือทำการรบ พอทำแบบนั้นทางกองทัพบกเลยเตรียมพร้อมในที่ตั้งก่อน เราก็ไม่รู้แหละ แต่ก็เป็นหลักพื้นฐานที่เราต้องตอบโต้กัน แต่ไม่ได้ใช้กำลังนะ ตอบโต้ด้วยลักษณะท่าทีเหมือนกัน มันเริ่มมีมูลเหตุของการวางกำลังในคูเรต ซึ่งบอกได้เลยว่ามันรุกล้ำอธิปไตยชัดเจน ไม่ว่าเราจะเทียบเคียงแผนที่ 1 ต่อ 5 หมื่น หรือ 1 ต่อ 2 แสน มันก็อยู่ในอธิปไตยไทย
คุณปลื้ม : ไม่ใช่เป็นเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น เขาตั้งใจเตรียมการบุกเข้ามาแผ่นดินไทย มาเปิดไพ่ หงายไพ่ให้ดูตอนเขาประกาศว่าจะไปยื่นไอซีเจ เขาต้องการ 3 ปราสาทและ 1 ช่องบก แต่ก่อนหงายไพ่ เขาค่อยๆ เสริมกำลังมา ย้อนกลับไปเดือนพ.ค. มันเสริมกำลังมาแล้ว ไม่ได้เป็นอุบัติเหตุ เขาตั้งใจ มีแผนการรุกรานประเทศไทยมาพักใหญ่แล้ว เขาสะสมอาวุธมาตั้งแต่หยุดยิง ย้อนกลับไปปี 54 สิบกว่าปี เขาก็ซื้ออาวุธพวกนี้ราคาไม่สูงมาเรื่อยๆ เพื่อรอวันรุกรานเพิ่มเติม
กองทัพรู้มั้ย เขาสะสมยุทโธปกรณ์อะไรบ้าง?
พล.ต.วินธัย : มีครับ เป็นการเตรียมการเรื่องข่าวสารการข่าว ระบบจัดซื้อจัดหา เราก็พิจารณาจากรอบข้าง ใครมีอะไรเราก็ตามเขา เป็นมาตรฐานสากล ที่ต้องเตรียมกำลัง แต่พอช่วงเดือนพ.ค. มีลักษณะท่าทีที่ค่อนข้างผิดแผกแตกต่างไปจากเดิมเยอะ แต่ก่อนใช้วิธีการพูดคุยกันในระดับหน่วยที่อยู่ตรงพื้นที่ตรงนั้นได้ แต่ละที่ก็รู้จักซึ่งกันและกัน แต่ตอนนั้นคุยแล้วไม่ค่อยได้รับความร่วมมือ และไม่ได้รับการตอบสนองมาก ถึงขั้นเข้ามา แต่ก็ไม่อยากให้กระโตกกระตาก หรือตกใจว่าขุดวางได้ไง ตามหลักถ้าไม่มีภัยคุกคามอะไร ไม่ควรต้องมาวางกำลังกันในพื้นที่ หรือมาขุด มันมองว่าตรงนั้นทำเพื่ออะไร มันเลยเริ่มจากตรงนั้น แล้วพัฒนาต่อมาเมื่อปรับกำลังออกไปแล้ว เราเห็นว่ามีเรื่องทุ่นระเบิด การให้ข้อมูลรัฐมันต้องระมัดระวัง พี่น้องประชาชนก็รู้สึกอึดอัด เราอยากให้แน่ใจว่าเป็นอย่างไร พอสักพักเราแน่ใจแล้วว่ามันไม่ใช่หรอก น่าจะวางตอนเอากำลังมาประจำอยู่ในคูเรต ป้องกันการเข้ามาบริเวณด้านหน้า เวลาตัวเองไปวางกำลัง มันสอดรับกันหมด ทั้งยุทธวิถี เรื่องรูปพรรณที่เราตรวจพบจากตัวระเบิด มันยังใหม่อยู่ ประกอบกับกองบัญชาการกองทัพไทย เขาเป็นศูนย์ทำลายเก็บกู้ทุ่นระเบิด สมัยก่อนพื้นที่นี้เป็นพื้นที่ที่เคยมีสงคราม แต่ประวัติการทำงานของเขา เขาเจอระเบิดมั้ย เจอเยอะด้วยเป็นพันกว่ารูป แต่ไม่เคยเจอแบรนด์นี้เลย หรือชนิดนี้เลย แสดงว่าองค์ประกอบในทางหลักฐานชัดเจนเลย ฝั่งกัมพูชาเอง จะเป็นโฆษกกลาโหมก็ดี หรือใคร พูดว่าพื้นที่เรา เรารับผิดชอบ เดี๋ยวก็พื้นที่เขา ตรรกะง่ายๆ พื้นที่เราใครจะไปวางให้คนของเราได้รับอันตราย มันชัดเจนว่ามันเกิดการรุกล้ำอธิปไตยและคุกคามกันเรื่องชีวิตและทรัพย์สิน
ระเบิดสองครั้งทำให้ทหารไทยบาดเจ็บ มีการคุยกันแล้วกับฝั่งโน้น?
พล.ต.วินธัย : คุยครับ เขาเองก็มีการทำงานลักษณะเก็บกู้อยู่แล้วเหมือนกัน ฉะนั้นไม่ควรมีแล้ว เพราะเราสองประเทศ เป็นประเทศอยู่ในคู่สัญญาลงนามป็นภาคีว่าจะไม่ใช้ลักษณะแบบนี้ ทหารเวลาใช้กำลังก็จริง แต่ต่อสู้เหมือนนักมวยบนเวที ต้องรู้ ต้องตั้งใจต่อสู้กัน ถึงเลือดอกยางออก กติกาให้ต่อสู้ในระบบ แต่ถ้ากัมพูชาทำแบบนี้ แสดงว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในระบบที่จะมาต่อสู้หรือใช้กำลังทหารระหว่างกัน นอกเกมเลย
คุณปลื้ม : ฮุน มาเนต ให้ยกเรื่องนี้ไปถกในเวทีคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติ ถ้าดูเอกสารที่เขาทำถึงเลขาธิการสหประชาชาติ เขาจะข้ามทุกเรื่องที่เกิดขึ้นที่เสธ.ต๊อดเล่าให้ฟัง เขาไปถึงประเด็นทางการไทยบุกเข้าไปโจมตีแล้วใช้เอฟ-16 มีการโจมตีทางอากาศ เขาข้ามประเด็นนั้น เอาง่ายๆ กัมพูชาพยายามสร้างสตอรี่ วิธีสร้างสตอรี่เป็นการทำงานสองปีกพร้อมกัน ฝ่ายนึงสู้รบไปเรื่อยๆ และกวนมาหลายเดือนที่ผ่านมา รวมทั้งกับระเบิด ขุดคูเรตต่างๆ นานา อีกปีกเป็นด้านการทูตที่ฮุน มาเนต เขาเปรียบเสมือนรมต.ต่างประเทศของกัมพูชา มีหน้าที่ทำหนังสือสวยงาม ทำสตอรี่ว่าเขาถูกคุกคาม ประชาคมโลกก็รับทราบอยู่แล้ว ถึงเวลาพอมีการประชุมยูเอ็นเอสซี เขาไม่ได้ให้ในสิ่งที่กัมพูชาต้องการ กัมพูชาต้องการให้ยกระดับขึ้นมา แล้วมีการออกญัตติที่ทุกประเทศต้องทำตาม ซึ่งจีน สหรัฐฯ รัสเซีย เขาไม่จัดให้หรอก เขาทราบตามข้อเท็จจริงว่าเกิดอะไรขึ้น ฉะนั้นเขาแค่เล่นด้วยแค่ให้มีการถกกันแบบปิด สังเกตดูพอถกกันแบบปิด ผลออกมาคือไม่มีอะไรเลย เขารู้ว่ากัมพูชามาไม้ไหน ต้องการหาเรื่อง สร้างสตอรี่ ถกเสร็จทุกคนกลับบ้าน ไม่ได้มอบอะไรคืนมาอย่างที่ฮุน มาเนตต้องการ เขาก็ต้องการเดินเกมต่อ ด้วยการใช้กลไกอื่น ไทยก็ต้องรับมือต่อไป มันคือการทำสตอรี่ ทหารกัมพูชา ยั่ว วางกับระเบิด ยิงปืนใหญ่เข้ามา ขณะที่ฮุน มาเนตบอกว่าหยุดยิง วันที่บอกหยุดยิง ตีสามถูกยิงเข้ามา เขาสร้างสตอรี่กับกลไกสากล ซึ่งสากลไม่ซื้อสตอรี่ อันนี้คือคืบหน้าในส่วนนั้น
พล.ต.วินธัย : เขาเดินด้านต่างประเทศด้วย ซึ่งเราสู้ระบบทางเดียวไม่ได้อยู่แล้ว มันเหมือนเป็นการเตรียมการ เพราะดูมีความพร้อมเรื่องต่างประเทศมากเลย
คุณปลื้ม : ตอนเช้าเขาถล่มตีสี่ ตีห้า เสร็จแล้วเขายื่นหนังสือว่าไทยรุกราน เช้าวันนั้นเลย เวลาที่เขาเพิ่งโจมตีไทย ฮุน มาเนตเป็นหน้าตาของระบอบฮุนเซน เขามีลีลาของเขา ต้องระวัง
ผู้พันเบิร์ด คาใจเรื่องการปล่อยข่าวลือเยอะแยะมากมาย ปัจจุบันสถานการณ์เป็นยังไงบ้าง ตอนแรกทำไมส่ง F-16 ไป ล่าสุดกริพเพนก็ส่งไป?
พล.ต.วินธัย : เดี๋ยวคนจะเข้าใจผิด การใช้อากาศยาน เป็นเพียงการนำพาอาวุธไปสู่เป้าหมายแบบจำกัด เพราะมีความแม่นยำเท่านั้นเอง ระบบการปล่อยอาวุธยังไม่เข้าพื้นที่เพื่อนบ้านหรอก ปล่อยระยะไกล กัมพูชาพยายามพูดว่าเอา F-16 มาทำสงคราม จริงๆ ณ อากาศยานที่เรามี ยังไม่ได้ใช้เต็มรูปแบบการสงคราม เพียงแค่เป็นองค์ประกอบการใช้อาวุธยิงสนับสนุนช่วยหน่วยงานภาคพื้นดิน จะเห็นได้เลยว่าเราอยู่ในกรอบกติกาสากล มุมมองต่างประเทศเขามองอยู่ตลอดเวลา ทุกย่างก้าว เราต้องให้เป็นความชอบธรรม ใช้ความรุนแรงได้แต่ต้องอยู่ในกติการ่วมกัน
คนส่งมาว่าอยากให้เสธ.ต๊อดไปเจรจาแทนคุณภูมิธรรม?
พล.ต.วินธัย : (หัวเราะ) เราอยู่ในระดับยุทธวิธี หน่วยปฎิบัติ ถ้าการเจรจาต้องเป็นระดับกระทรวงการต่างประเทศกับรัฐบาลแล้ว
แต่คนเรียกร้องนะ ส่งมาเยอะเลย?
คุณปลื้ม : เช้าวันนี้อยากถามสองท่านเหมือนกันว่า ก่อนเจรจาที่กัวลาลัมเปอร์ สถานการณ์ดีขึ้นหรือเปล่า ข่าวสายทหารไม่ได้โพสต์อะไร ยังปะทุเหมือนสามวันหรือเปล่า
พล.ต.วินธัย : ยังเหมือนเดิมอยู่
ทั้งที่ทรัมป์ออกมาพูดแล้วนะว่ามีการคุยกันแล้ว?
พล.ต.วินธัย : ก็ยังไม่มีผลต่อหน่วยในสนาม
ผู้พันเบิร์ด : ยิ่งทรัมป์ออกมาพูด มันยิ่งเห็นถึงความไม่จริงใจของกัมพูชา เพราะเขาคุยกันตอนตีสอง ฮุน มาเนตก็พูดว่าพร้อมเจรจา แต่ตีสี่ กัมพูชายิงเราก่อน ผมคิดว่านี่คือความไม่จริงใจของกัมพูชาอย่างชัดเจน
เขาบอกว่าหลังคุยไทยก็ยังยิงกลับไป ไปบิดเรื่องแบบนี้อีก?
พล.ต.วินธัย : ตอนนี้ไม่ใช่สงคราม เราถือว่าเหตุเฉพาะจุดตรงนั้น ทำอะไรกัน เขามาเราต้องตอบไป ตอบไป 1 หรือ 2 ก็สุดแล้วแต่หน้างานทางยุทธวิธี แต่การตอบส่วนใหญ่เน้นอาวุธยิงสนับสนุนมากกว่า ไอ้นี่คือตัวปัญหา มันไม่ได้กระทบทหารหน้าแนวนะ มันไปโน่น กระทบพี่น้องประชาชน ซึ่งเกินกว่าขอบเขตพื้นที่ใช้กำลังกัน
คุณปลื้ม : วันนี้มีแรงกดดันให้เจรจาหยุดยิง สมมติการหยุดยิงเกิดขึ้น ฝั่งไหนได้พื้นที่ไปมากกว่ากัน คนกำลังคิดว่าสั่งหยุดยิงปุ๊บ ทหารที่รบกันอยู่ ใครจะอ้างกรรมสิทธิ์เหนือพื้นที่ตรงไหน ใครได้มากกว่า
พล.ต.วินธัย : ตอนนี้ยังตอบไม่ได้ เพียงแต่ว่าเรายึดถือเส้นปฏิบัติการ เราไม่มีการข้ามเส้นตรงนั้นออกไป แต่อาวุธปัจจุบันทำแบบนั้นได้ ต้องเผื่อพื้นที่หากมีการรุกล้ำเข้ามา แต่มีหลายพื้นที่เดิมเป็นพื้นที่เขารุกล้ำ เราก็ผลักดันออกไปได้แต่ไม่ได้ไปผลักดันเหมือนไปรังแก เกินขีดจำกัดของแผนที่เราตั้งไว้ เราทำอยู่ในเส้นปฏิบัติการ เราถึงบอกว่าเราไม่ได้รุกราน
คุณภูมิธรรมบอกว่าเรื่องเจรจาหยุดยิง จะทำให้กัมพูชาไม่ออกจากปราสาท ใช้สิทธิ์อยู่ต่อหรือเปล่า คุณภูมิธรรมบอกว่าไม่หรอก ถ้ามีอะไรผูกพันระยะยาวจะนำเข้าที่ประชุมสภาก่อน นั่นคือเรื่องราวของพื้นที่?
คุณปลื้ม : ก็เป็นข้อมูลปลายเปิดไว้ แต่นั่งคิดในประเด็นที่จะได้จากการประชุมบ่ายสามวันนี้เป็นต้นไป สำหรับผมนะ ประเทศไทยต้องกลับมาอย่างน้อย 3 อย่างด้วยกัน ไม่ว่าจะหยุดยิงหรือไม่ กัมพูชาต้องยอมรับว่าเขายิงเข้ามาโดยไม่ระมัดระวังปล่อยปละละเลยอย่างสูง ไม่ใช่อยู่ๆ หยุดยิงแล้วไม่ยอมรับความจริงว่าเข่นฆ่าพลเรือนชาวไทย ถ้ารบทหารแล้วยิงทหารไทยก็อีกเรื่องนึง ไม่ต้องออกมายอมรับผิดหรอก ก็รบกัน แต่ว่าการที่ตั้งใจปล่อยปละละเลย ยิงมั่วจนพลเรือนชาวไทยเสียชีวิต มีคนเสนอว่ากัมพูชาต้องเยียวยา แต่สำหรับผม เยียวยาไม่ใช่ประเด็น เขาต้องยอมรับผิดในการละเมิดอนุสัญญาเจนีวา ซึ่งผมเชื่อว่าฮุนเซนไม่ยอมง่ายๆ หรอก อีกข้อการหยุดยิง ไม่ใช่หยุดยิงแล้วบอกว่าให้ไทยไปมีส่วนร่วมในการพิจารณาคดีที่ทำให้กัมพูชาได้ 3 ปราสาท และ 1 ช่องบกที่ไอซีเจ การหยุดยิงต้องไม่เกี่ยวอะไรเลยกับความพยายามของกัมพูชาที่จะไปศาลไอซีเจ ถ้าเขาอยากไปก็เรื่องของเขา เขาไม่มีสิทธิ์พ่วงเรื่องหยุดยิงเข้ามา ตอนแรกเขายกไปที่ยูเอ็นเอสซี เขาต้องการพ่วงเรื่องนี้โดยให้ยูเอ็นเอสซีสั่ง ยูเอ็นเอสซีก็ไม่เล่นด้วยอยู่แล้ว หยุดยิงก็หยุดยิง มันคนละเรื่องกับไอซีเจของคุณ คุณไปของคุณคนเดียว ประการสุดท้ายแผนที่ที่รองนายกฯ ภูมิธรรมย้ำว่าไม่มีการยกประเด็นนี้ขึ้นมา คือต้องใช้ตามสัดส่วน 1 ต่อ 5 หมื่นเหมือนเดิม ตามแบบที่เคยเป็นมา เพราะชัดเจนที่สุด ไม่ใช่ไปใช้แผนที่ที่เอื้อประโยชน์ให้ตัวเอง ถ้าสามประเด็นนี้เอาอยู่ หยุดยิง และทุกอย่างไปเป็นเหมือนเดิมก็น่าจะพอไหว แต่ผมไม่เชื่อว่าฮุนเซนเขาจะยอมอะไรง่ายๆ แบบนั้น
ผู้พันเบิร์ด : ผมขอยืนยันอีกครั้งว่าเหตุการณ์ในวันนี้ที่เกิดขึ้นมา เกิดขึ้นจากฝ่ายเขมรเป็นคนรุกรานเราก่อน โดยเริ่มจากแสดงเชิงสัญลักษณ์ เผาศาลาตรีมุข รุกล้ำอธิปไตยไทย ขุดคูเรต แล้วก็กลบคูเรตด้วย ตอนหลังยอม และถอยออไป วางระเบิด ทหารไทยเหยียบระเบิดครั้งที่ 1 และเริ่มวิกฤต วิกฤตที่ 2 คือการที่ทหารไทยเหยียบระเบิดครั้งที่ 2 นี่คือกัมพูชาทำก่อนทั้งนั้น ดังนั้นเพื่อไม่ให้เกิดความลุกลามของความขัดแย้ง เพราะปราสาทตาเมือนธม กลายเป็นสัญลักษณ์ของความขัดแย้งที่ประชาชนเริ่มขัดแย้งกันเอง เริ่มตีวงกว้างออกไป ประชาชนต่อประชาชนเริ่มขัดแย้ง นั่นจึงเป็นเหตุการณ์สำคัญทำไมแม่ทัพภาคที่ 2 จึงสั่งปิดปราสาท และปิดด่าน วิกฤตตรงนั้นจบแล้ว จากนั้นทหารกัมพูชายิงเราก่อนอีกแล้ว มันเลยกลายเป็นเหตุการณ์ ณ ปัจจุบัน ผมยืนยันอย่างชัดเจนเพื่อฝากไปถึงพลโทหญิงมาลี คุณอย่าโกหกประชาคมโลก คุณนั่นแหละเป็นคนเริ่มก่อน ส่วนไทยขอสงวนสิทธิ์ในการปกป้องตนเอง เรากระทำกลับไป เพียงพอเหมาะสมแก่เหตุ การใช้เครื่องบินของเราไม่เกินกว่าเหตุ เพราะสิ่งที่คุณทำกับเรา หนึ่งรุกล้ำอธิปไตย สองใช้อาวุธยิงระยะไกล ทำร้ายประชาชนชาวไทย สามเริ่มแสดงกำลัง ใช้อาวุธยิงจรวดที่อยู่แนวลึก ฉะนั้นการที่เราใช้เครื่องบินเพราะต้องการจบเหตุการณ์ให้เร็วที่สุด เป้าหมายที่เราทำ อยู่ในการยิงสนับสนุนของเขา เขายิงมา เราก็ทำลายจุดที่เขายิง ฉะนั้นตรงนี้แหละอยากบอกว่าเราทำเหมาะสมแก่เหตุแล้ว ไม่ได้ทำเกินกว่าเหตุเลย
คุณปลื้ม : ตกลงแล้ว PHL-03 ของกัมพูชา เขาเตรียมการใช้หรือไม่ เราสอยไปหรือยัง
ผู้พันต๊อด : อันนี้เป็นข่าวเท็จไปนิดนึงตรงที่ PHL-03 เราไม่ได้มีการทำลายอะไรเลย ไม่มีการสอยอะไรเลย แต่การที่เขานำเสนอภาพ PHL-03 จรวดระยะไกลอันนี้เราถือว่าเป็นการคุกคามต่อเราแล้ว การป้องกันตนเอง ปัจจุบันเทคโนโลยีก้าวล้ำไปสู่อนาคตที่มาก อาวุธยิงไกลหรือดาวเทียม การแสดงภาพเหล่านั้นคือการคุกคาม
พล.ต.วินธัย : ด้วยคุณลักษณะของอาวุธชนิดนั้น ไม่น่าเหมาะกับตรงนี้เท่าไหร่ เนื่องจากมันไกลอาจทำให้เป้าหมายไม่ได้จำกัดอยู่ในพื้นที่ ซึ่งที่ผ่านมาเอง ผมว่าจะพยายามพูดอย่างไรก็ตาม แต่หลักฐานเชิงประจักษ์มันเยอะมาก การที่กระทำต่อเป้าหมายพลเรือนเยอะมาก ตลอด 2-3 วันที่ผ่านมา เมื่อวานก็มีอยู่ มีพลเรือนเสียชีวิตอีกแล้ว หลังจากนี้ไปเราต้องไปต่อสู้ กระทรวงการต่างประเทศ ต้องมีดำเนินการต่อเรื่องนี้ต่ออยู่แล้ว
ผู้พันเบิร์ด : โฆษกกลาโหมเขา ผมเห็นว่าการแถลงของเขา โกหกประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์ อีก 10 เปอร์เซ็นต์ พูดความจริงไม่ครบด้วย ต้องฝากไปถึงโฆษกกลาโหมกัมพูชา เข้าใจว่าสิ่งที่ทำคือบทบาทหน้าที่โฆษก แต่เลิกทำเถอะ เพราะคนเขียนบทให้ท่านพูด ยัดปากท่านมาพูด ท่านก็รู้ว่ามันโกหก มันจะสร้างภาพให้ประเทศของท่านเป็นประเทศที่โกหกต่อชาวโลก จะตอกย้ำความเป็นประเทศที่ไม่มีความจริงใจ ที่จะอยู่ร่วมกันอย่างสันติกับเพื่อนบ้านเลย ดังนั้นคุณเลิกทำอากัปกิริยาแบบนี้เถอะ
อาวุธยุธโธปกรณ์ฝั่งเขาเป็นยังไงบ้าง?
ผู้พันเบิร์ด : ถ้าเปรียบเทียบเราเหนือกว่าอย่างชัดเจน กับสองสภาพเศรษฐกิจของประเทศกัมพูชา ในการดำรงสภาพอาวุธให้คงร้อยเปอร์เซ็นต์ผมว่าเขาไม่มีขีดความสามารถเพียงพอดำรงอำนาจให้การรบเขาเป็นอย่างที่เขาโชว์ได้ ผมประมาณการได้เลยว่ามีแค่ 1 ใน 3 ที่เขาโชว์มา เราเหนือกว่าอย่างชัดเจน โดยเฉพาะอำนาจกำลังรบทางอากาศยาน ยิ่งชัดเจนเข้าไปใหญ่ กัมพูชาไม่มีขีดความสามารถในการต่อต้านอากาศยานของเรา ฉะนั้นความได้เปรียบตรงนี้เราได้เปรียบแน่นอน แต่เราก็ทำลายอาวุธของกัมพูชาในพื้นที่แนวหน้าและพื้นที่ยิงสนับสนุนเท่านั้น ตอบโต้แบบไม่ได้โกงกัน คุณมาเราทำลายกลับ เฉพาะเป้าหมายทางทหาร 100 เปอร์เซ็นต์ เว้นแต่ว่าตอนนี้เราเห็นภาพข่าวกัมพูชาเริ่มขี้โกงอีกแล้ว ด้วยการเอาอาวุธยิงสนับสนุนเหล่านั้นไปไว้ในพื้นที่ประชาชน และยิงกลับมา เพราะต้องการสร้างภาพข่าวว่าเวลาเรายิงทำลายอาวุธนั้นจะไปโดนประชาชนบ้างอะไรบ้าง ผมเชื่อว่าเขาเตรียมใช้ภาพเหล่านั้น นำมาเสนอว่าไทยทำร้ายประชาชน
เราส่งร่างทหารเขา 12 รายส่งกลับให้เขา แต่เขากลับเอาไปเคลมว่าทหารไทยตายเกือบร้อย?
คุณปลื้ม : เป็นหนึ่งในวิธีการไม่อยากทำให้ฝั่งเขาเสียกำลังใจ เขาไม่รายงานตัวเลขทหารเสียชีวิตฝั่งเขาไง อาจจะหลักร้อยด้วยซ้ำไป เราทำวิธีการถูกต้องหมดเลย เราห่อผ้าส่งศพกลับไป เขาก็รับกลับไป วิธีการกระจายข้อมูลภายใน เป็นวิธีการกระจายข้อมูลให้ประชาชนชาวกัมพูชาเชื่อว่าสำเร็จในภารกิจนี้ และเขาไม่รายงานตัวเลขผู้เสียชีวิตฝั่งเขา ซึ่งมีหลักร้อย
ผู้พันเบิร์ด : ประชาชนชาวกัมพูชา ณ วันนี้ก็ได้รับข่าวปลอมจากผู้นำประเทศของเขาเอง ด้วยเหตุว่าเป็นซิงเกิลเกตเวย์ภายในประเทศ การนำเสนอข่าวฝั่งเราเข้าไปสู่กัมพูชาจะน้อยมาก ยิ่งไปกว่านั้นคือลูกสาวคุมเรื่องสื่อมวลชนในประเทศอีก ดังนั้นผมเชื่อเหลือเกินว่าประชาชนกัมพูชาที่รับข่าววันนี้ เป็นข่าวที่ถูกปั้นแต่งขึ้นโดยผู้นำกัมพูชานั่นแหละ รู้เพียงแค่นั้น
พล.ต.วินธัย : ถ้าพูดถึงเรื่องกำลังทหารอยู่ในระบบสากล แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เราไม่ได้ใช้ทั้งหมดในลักษณะของสงคราม ถ้าสงครามการเปรียบเทียบจะชัดเจน เราอาจกำลังเยอะ แต่บีบมาใช้ในขีดจำกัดที่พอเพียงกับสถานการณ์ สากลเขาอยากให้เป็นแบบนี้
ผู้พันเบิร์ด : แต่ผมเชื่อว่าวันนี้กัมพูชาคิดว่าคิดผิดหรือเปล่าที่เปิดเกมแบบนี้ เพราะไทยเริ่มเอาจริง ตอนนี้ผมเชื่อว่าเขาเริ่มชะงัก
ยังไม่ได้ปฏิบัติการเต็มรูปแบบ แค่เก็บตามจุดต่างๆ ที่เขายิงเรามา?
พล.ต.วินธัย : เขาเรียกว่าใช้อาวุธยิงสนับสนุนการปฏิบัติการภาคพื้นหน่วยแนวหน้าเท่านั้น มันง่ายกว่า และอาจจำกัดเฉพาะพื้นที่ได้ดีกว่า ไม่ส่งผลกระทบต่อภาพรวม สิ่งที่เราใช้ ไม่ได้ใช้ตามขีดความสามารถตามเครื่องจริงๆ เราใช้แค่ส่วนเดียวเท่านั้นเพื่อให้เหมาะสมกับสิ่งที่เรากำลังเผชิญในพื้นที่การรบ
คุณปลื้ม : รอบนี้เป็นมิติใหม่แห่งการติดตามสถานการณ์การสู้รบ หลายคนซึ่งเป็นสายบู๊คอทหาร ที่ชอบใช้กำลังดูท็อปกัน อาจเริ่มมองแล้วว่าอนาคตบทบาทกองทัพอากาศสามารถเปลี่ยนไปได้ ไม่ใช่เพียงบทบาทแค่เพียงสนับสนุน สงครามรอบนี้พิสูจน์หลายอย่างเหมือนกัน ว่าตกลงการปฏิบัติการของไทยเหนือกว่ากัมพูชาระดับไหน โดยเฉพาะปฏิบัติการทางอากาศ และการใช้เครื่องบินรบ กริพเพนเป็นประเทศแรกที่ซื้อมาแล้วได้ใช้จริง ใช้แล้วมีผลในแบบที่ไม่ต้องสูญเสียกำลังพลด้วย ซึ่งมันสำคัญยิ่ง น่าสนใจในมุมนี้ด้วย
F-16 อย่างเดียวไม่พอเหรอ?
พล.ต.วินธัย : จริงๆ แล้วอาจเป็นระบบบริหารจัดการทำภารกิจมากกว่า ด้วยจำนวนเที่ยวบินด้วย อาจต้องใช้อากาศยานหลายลำ ตรงนี้ไม่ได้มีข้อมูลทางเทคนิคของกองทัพอากาศ เพียงแต่เรารับการสนับสนุนเฉยๆ
จริงๆ แล้วกรณีแบบนี้ถ้ามองย้อนกลับไป กัมพูชามีเครื่องบินแบบนี้มั้ย?
ผู้พันเบิร์ด : ไม่มีครับ
อะไรที่รุนแรงที่สุดเท่าที่เราพอประเมินได้?
ผู้พันเบิร์ด : เป็นอาวุธยิงสนับสนุน พวกบีเอ็ม 21 ถือว่ามีประสิทธิภาพ แต่ขอยืนยันว่าการปฏิบัติการของกองทัพอากาศมีความแม่นยำ อาวุธยิงของกองทัพอากาศ คนเข้าใจว่าบินไปแล้วใช้กะระยะแล้วปล่อยไป ไม่ใช่นะครับ จรวดของกองทัพอากาศมันยิงแล้วไปล็อกเป้าเลย ยิงออกไปแล้วมันพุ่งสู่เป้าหมายที่ล็อกไว้แล้ว ไม่ใช่วิ่งไปอาศัยแรงเฉื่อย ความแม่นยำผิดพลาดเป็นหลักไม่กี่เมตร การที่ทำลายคือกองพล ตัวที่ตั้งบก. คลังอาวุธ คลังกระสุนที่เป็นเรื่องสนับสนุนกับหน่วยแนวหน้า เราล็อกเป้าได้ ไม่มีพลาด
คุณปลื้ม : รอบนี้ถ้าดูผลการปฏิบัติการของกองทัพอากาศไทย ได้รับการชมเชยจากคนจำนวนมากในโซเชียลมีเดีย ไม่ได้ยิงไปที่เป้าพลเรือน รอบนี้มีกระแสเรียกร้องในโซเชียลมีเดีย ให้ไปทิ้งระเบิดในบ่อนกาสิโน หรือสแกมฯ ต่างๆ หรือบอกว่าปิดจ๊อบเลย ลึกเข้าไปข้างใน กองทัพอากาศไม่ได้เล่นบทนั้น เป็นอีกครั้งที่ทำให้คนไทยมีความรู้สึกนึกคิดเลยว่าบทบาทในอนาคตกองทัพอากาศเสริมแสนยานุภาพได้ด้วยเครื่องบินรบซึ่งมีคุณภาพแบบนี้ และใช้งานได้จริง ผมคิดว่าเป็นสิ่งที่นักรัฐศาสตร์ระหว่างประเทศหลายคนอาจต้องคิดว่าในอดีตเปลี่ยนสนามรบเป็นสนามการค้า แต่พูดตรงๆ ว่ากัมพูชาภายใต้ระบอบฮุนเซนยังเป็นเช่นนี้ แล้วไม่เปลี่ยนแปลง เจตนารมณ์รุกรานประเทศไทยแบบนี้ กัมพูชาจะปล่อยให้เขามีศักยภาพทางอากาศไม่ได้เลย เป็นคู่ค้าร่วมกันได้ แต่ปล่อยให้มียุทธโธปกรณ์ระดับสูงแบบที่ไทยมีไม่ได้ อันตราย
ถ้าเป็นผมนะ ตอนที่ฮุนเซนนั่งเครื่องบินไป ผมจะไปอยู่ข้างๆ เขา โบกมือทักหน่อย ได้มั้ย เฮ้ ฮุนเซน?
คุณปลื้ม : มันมีอนุสัญญาอยู่ (หัวเราะ) มีกติกาอยู่ มันตอบโต้ได้เท่าที่เขาทำกับเรา
วันนี้มีการเจรจามองยังไง?
คุณปลื้ม : ก็สำคัญนะ มันเป็นโอกาสในการพูดและย้ำบางสิ่งบางอย่างในเวทีสากล ที่อาจไม่สามารถทำได้กับกัมพูชา มันมีการบันทึกไงในการเจรจา และบังคับให้อีกฝ่ายยอมรับบางอย่างในสิ่งที่ไม่ยอมรับ ก็เป็นการเจรจาที่สำคัญ หนึ่งพื้นที่สามพื้นที่ ปราสาทธาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด ปราสาทตาควาย และช่องบก 4 พื้นที่ นี่คือของประเทศไทย ไม่ต้องพ่วงไปที่ไอซีเจนะ ขณะเดียวกันการที่กัมพูชาเข้ามาในพื้นที่ก็สะท้อนเจตนารมณ์รุกรานพื้นที่ที่ไทยควบคุมอยู่ ถ้ามองในมุมนึงก็เป็นโอกาสเหมือนกัน ไหนๆ ฮุน มาเนตต้องการให้ตัวแทนสหรัฐฯ ตัวแทนจีนมาเป็นสักขีพยาน ก็ให้เป็นสักขีพยานไปเลย ในการให้เขายอมรับในสิ่งที่เขาทำอยู่ ขณะเดียวกัน ผมว่ารองนายกฯ ภูมิธรรมต้องเปิดประเด็นแรงๆ เรื่องที่เขาละเมิดอนุสัญญาเจนีวา ที่ทูตไทยประจำยูเอ็นได้เปิด คือยิงเข้ารพ. จรวดหลายลำกล้องยิงสะเปะสะปะ คุณภูมิธรรมต้องย้ำอีกรอบ ให้อยู่ในรายละเอียดบันทึกประชุม ตามข่าวตัวแทนจีน-สหรัฐเข้าร่วมด้วย ซึ่งผมยังไม่เชื่อ คิดว่าเขาไม่น่ามาเร็วขนาดนี้ ปัญหานึงซึ่งสำคัญคือสากลโลกพูดถึงผู้นำ อย่างทรัมป์ เขาไม่ได้ติดตามรายละเอียดว่าจริงๆ แล้วกัมพูชาต้องการอะไร เขาจะมองพรมแดนเหมือนกับเขามองปากีสถาน อินเดีย สองฝ่ายก็พอๆ กัน ผมว่าฝีไม้ลายมือของนักการทูตไทยรอบนี้คือทำให้จีน-สหรัฐ เข้าใจถ่องแท้ว่า มันไม่ใช่พอๆ กันทั้งสองฝ่ายนะ สำหรับนักวิชาการหรือนักการเมืองที่ไม่ได้ตามละเอียดโดยเฉพาะต่างประเทศ ถ้าวันๆ อ่านแต่บีบีซี ซีเอ็นเอ็น อาจคิดว่าสองฝ่ายก็พอๆ กัน คลั่งชาติทั้งคู่ เป็นความเข้าใจแบบผิวเผิน ฝ่ายการเมืองไทยต้องลงรายละเอียดให้เขาเก็ตเลยว่าไม่ใช่เว้ย รอบนี้ฮุนเซนจัดให้และวางแผนมาอย่างดี หลายเดือนด้วย ไหนๆ เขาอยากฟ้อง เราไม่ได้ไปฟ้องนะ เขาฟ้องจนยกไปสู่ยูเอ็น ยูเอ็นก็ตีกลับมาไม่ได้สนใจเท่าไหร่ตอนนี้ ไหนๆ จะฟ้อง ในเมื่อเราเป็นเด็กดีในกติกาสากล เขาฟ้องไปก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวฟ้องให้หมดเลย ให้เห็นว่าคุณทำอะไรมาบ้าง อันวาร์อยากช่วยก็เป็นกรรมการที่ดีให้ หยุดยิงทันทีผมว่ายังหรอก ง่ายไปหน่อย แต่เป็นโอกาส เรามีสักขีพยานเพิ่มแล้ว สำหรับผมเหมือนยูเอ็นย่อย นานๆ ทีเขาถกเรื่องนี้
หยุดยิงทันทีเป็นไปได้มั้ย?
พล.ต.วินธัย : ยังตอบไม่ได้ เป็นเรื่องระดับรัฐบาลไปแล้ว ระดับพื้นที่ยิงมาก็ยิงกลับ ป้องกันตัวเอง จะหนักจะเบาก็อยู่ที่อาการของกันและกัน
ผู้พันเบิร์ด : จริงๆ อยากขอบคุณคนไทย วันนี้หน้าแนวก็ขอบคุณทหารตร.ที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่หน้าแนว ขอบคุณคนไทยในแนวพื้นที่เขตหลัง ทุกมูลนิธินะครับ เขาสามัคคีมาก กระทรวงมหาดไทยจัดการพื้นที่เขตหลังเป็นอย่างดี ประชาชนคนไทยทุกวันนี้ทุกคนคือทหารของชาติ ทุกคนรบให้ประเทศของเราในบทบาทหน้าที่ตัวเองหมด สื่อมวลชนก็รบ นักรบโซเชียลของไทยโหเข้าไปขย้ำ หาแง่มุมบางอย่างมา ผมก็ดูแล้วนำไปใช้ต่อทุกระบบ ขอบคุณตรงนั้นมากๆ ที่สำคัญเราคุยกันวันนี้เป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระองค์ติดตามสถานการณ์ตลอด พระองค์เป็นห่วงประชาชนชาวไทย วันนี้มีครัวพระราชทานไป รับคนป่วยเจ็บเป็นคนไข้ในพระบรมราชูปถัมภ์ทั้งหมด ตั้งแต่วันแรก วันนี้เป็นวันมหามงคลของเราด้วย ผมขอบคุณประชาชนคนไทยทุกๆ คนจริงๆ ผมเชื่อว่าฮุนเซนอยู่ประเทศอยู่มั้ย ออกไปหรือยัง หรือภาพที่ปรากฏทั้งหมด ผมเชื่อว่าเป็นภาพเซ็ตถ่าย แม้เขาบอกว่าเขารบตลอด 24 ชม. หน้าตาซีดเซียว พี่ไปดูสิ หน้าลอย คนแต่งหน้าหน้าลอย คอดำหูดำเลย นี่มุมมองของผมนะ (หัวเราะ)
พล.ต.วินธัย : สองแนวทาง การปฏิบัติการทางทหาร กับการใช้งานด้านการสื่อสาร เขารู้ว่าคงไม่ได้เปรียบเท่าไหร่ แต่ตอนแรกคงมั่นใจ แต่ ณ วันนี้มันตามกันทันหมดแล้ว เพราะพี่น้องทุกภาคส่วนทำงานช่วยเจ้าหน้าที่เยอะมาก ฐานยิงจรวด ฐานที่เก็บปืนอยู่ใกล้ๆ ห่างพนมเปญ 20 กิโล มีความร่วมมือกันจริงๆ ตอนแรกผมกังวลว่าเราเห็นภาพพี่น้องกัมพูชา มีการกระทบกระทั่งทำร้ายกัน เราอย่าไปหลงผิดตรงนั้น เราไม่รู้ว่าเป็นฝั่งกัมพูชาพยายามหรือเปล่า การปลุกระดมจะทำให้ความเกลียดชังอยู่ตลอดไปส่งต่อไปยังชั่วลูกชั่วหลาน
ผู้พันเบิร์ด : เรายืนยันว่าปัจจุบันนี้ระดับประชาชนเราไม่ได้ทะเลาะอะไรกัน นี่คือสิ่งสำคัญที่สุด
คุณปลื้ม : ทหารกัมพูชาอาจเสียไปแล้วมากกว่า 100 นาย ทหารไทยหลักสิบ เขาเสียชีวิตทหารมากกว่า 10 เท่าของเรา แม้ฮุนเซนไม่ได้ยอมรับอย่างเปิดเผย และรายงานให้ประชาชนทราบ แต่ก็เป็นความเพลี่ยงพล้ำสะสม ถ้ารบกันไปแบบนี้ก็วัดกันว่ากระสุนใครจะหมดก่อน ไม่ว่าศักยภาพรถถัง กระสุน หรือยุทธโธปกรณ์ของไทยเหนือกว่า มองภาพใหญ่ เราไม่ต้องไปวิ่งตามแรงกดดันให้หยุดยิงด้วยซ้ำไป แต่การหยุดยิงเป็นสิ่งที่ประเทศไทยต้องการ ซึ่งเป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องย้ำต่อสากลโลก ว่าไทยต้องการหยุดยิง แต่ส่วนกัมพูชาพูดคำว่าหยุดยิงเฉยๆ แต่โจมตีทุกเช้า ก็เป็นเรื่องที่ต้องสื่อสาร สื่อทุกสำนักพาดหัวว่ากัมพูชาพร้อมหยุดยิง แต่ไทยไม่พร้อมหยุดยิง เราจะหยุดยิงได้ไง ถล่มเราตีสามตีสี่ แต่เวทีนี้ อีกกลไกต้องระมัดระวัง คือการที่ทรัมป์พยายามเข้ามามีบทบาท เรื่องการค้า การลงทุน ภาษีนำเข้า มันอยู่คนละระดับความสำคัญ เรื่องอธิปไตย แผ่นดิน เรื่องแผนที่ ใหญ่กว่าการค้าและการลงทุน มองมุมผมก็ไม่ควรปล่อยให้เงื่อนไขการค้าการลงทุนมากำหนดใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่ใช่เรื่องสำคัญเลย แต่ไม่แน่ ก็รอดูท่าทีก่อน ประธานาธิบดีสหรัฐ อาจมีเจตนาที่ดีก็ได้
มาลีปล่อยเฟกนิวส์มาเรื่อยๆ จุดประสงค์เขามองยังไง?
ผู้พันเบิร์ด : ผมมองว่าด้วยความเขาเป็นซิงเกิลเกตเวย์ในการสื่อสารคนภายในประเทศ กลุ่มเป้าหมายเขาต้องการสื่อคนในประเทศเขาก่อน
พล.ต.วินธัย : ยังเท่อยู่
ผู้พันเบิร์ด : สองต้องการบอกชาวโลก ด้วยมูลเหตุที่ว่าประเทศที่เล็กกว่า อาจถูกมองว่าเป็นผู้ถูกรังแก ขอความเห็นใจ โดยหลักการหนังละคร คนที่ถูกรังแก เป็นคนได้รับความสงสารอยู่แล้ว เขากำลังเล่นบทถูกรังแก แต่ความจริงต้องดูว่าเป็นตัวอิจฉาในละครหรือเปล่า แอบทำเราก่อนตลอด แต่เล่นบทน่าสงสาร
คุณปลื้ม : เป็นการโฆษณาชวนเชื่อที่เวิร์ก มีงานวิจัยเกี่ยวกับการศึกษาในกัมพูชา หลักสูตรประวัติศาสตร์ในระดับชั้นมัธยมศึกษา ภาพคนไทยในสายตากัมพูชาเป็นภาพอย่างไทยเป็นโจรปล้นแผ่นดินและวัฒนธรรมเขมร เป็นศัตรูของชาติ ไทยเนรคุณเขมร ไทยพ่ายแพ้ให้พม่า การเมืองไทยวุ่นวาย มีแต่นักการเมืองไม่ดี ไทยคือคนป่าที่อพยพมาจากจีน ภาพจำการศึกษาถูกปลูกฝังกันมา ไม่อยากโทษคนเขมร คนกัมพูชาส่วนมากก็ไม่ได้มีทัศนคติเช่นนี้ แต่อย่างน้อยส่วนที่ถูกปลูกฝังมาก็มีทัศนคติแบบนี้ พร้อมเชื่อโฆษณาชวนเชื่อของฮุนเซน ส่วนฝ่ายค้านฮุนเซน ก็เผ่นไปหมดแล้ว ไม่มีใครฝ่ายตรวจสอบ ไม่เหมือนเมืองไทย มีฝ่ายค้าน มีทีวีด่ารัฐบาลทุกวัน แต่กัมพูชาไม่มีแบบนั้น เลยไม่มีอะไรบาลานซ์ท่านโฆษกหญิงท่านนี้ เป็นปัญหา แต่โจทย์ใหญ่คือการรับมือบริเวณชายแดน ไม่ให้คนไทยเสียชีวิตเพิ่มเติม
ล่าสุดมาลีปฏิเสธข้อกล่าวอ้างของไทยอีกข้อว่ากองกำลังกัมพูชาจงใจยิงจรวดเข้าไปดินแดนของลาว บอกว่าเป็นกลยุทธ์ต่ำต้อยหลอกลวง มุ่งทำลายความน่าเชื่อถือของกัมพูชา ในสายตาประชาคมโลก พร้อมย้ำว่ากัมพูชาไม่เคย และไม่กระทำการใดๆ ละเมิดอธิปไตยของเพื่อนบ้านอยู่แล้ว?
คุณปลื้ม : เขาพูดอย่างนั้นได้ เพราะเขาเชื่อว่าพื้นที่ที่เขาบุกอยู่เป็นของเขาไง เขาไม่ได้มองว่า 3 ปราสาท หรือช่องบกเป็นของเรา เขาเลยพูดทั้งหมดได้อย่างเต็มอกเต็มใจ
ผู้พันเบิร์ด : ประเด็นนี้ง่ายมาก ความจริงคนที่รู้คือถามลาวได้เลย ว่าเศษกระสุนที่มีอยู่ สืบก็รู้ว่าเป็นชนิดไหน
พล.ต.วินธัย : พอเราพิสูจน์จากหน่วยที่ใช้อาวุธในบริเวณพื้นที่นั้น มันไม่ได้อยู่ในทิศทางเรา แล้วมันไม่เคยมีหน่วยของเราจากประวัติการใช้อาวุธ ไม่เคยมีหน่วยของเราผิดไปไกลขนาดนั้น แต่ถ้าดูประวัติของเขาล่ะ ผิดเป้าหมายทางทหารเยอะมาก เยอะทุกวัน ก็เป็นไปได้แค่สิ่งที่เขาอยากพูดมากกว่า แต่ความน่าเชื่อถือต่ำมากในแง่ของหลักฐานและข้อพิสูจน์
ผู้พันเบิร์ด : ไปดูแนวการวางกำลังของเราด้วย กับจุดตกกระสุน เราแทบต้องหันปืนกลับไปฝั่งเราด้วยซ้ำ ถึงข้ามไปฝั่งลาว เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว
เขาบอกกองทัพไทยไปกล่าวหาเขา ว่ากัมพูชายิงจรวด PHL-03 พิกัดไกลเข้าไปในดินแดนไทย?
พล.ต.วินธัย : เราไม่ได้บอกว่าเขายิง เราบอกว่ามีข้อมูลด้านการข่าวปรากฏว่ามีอาวุธแบบนี้อยู่ แต่ยังไม่ได้ส่งผลที่จะคุกคามเราจนส่งผลถึงความกังวล แต่ที่เราต้องบอกก่อนเพราะว่าสมมติเศษเสี้ยวที่มันจะเกิดขึ้นเท่านั้นเอง แต่วิธีการแบบนี้คือใช้หลบเอา เชื่อว่ายังไม่น่าเอามาใช้ เพียงแต่เข้าที่ตั้งหรือเปล่าอีกเรื่องนึง แค่บอกว่าเขามีอาวุธแบบนั้นอยู่ เขาอาจพูดไม่ตรงอยู่ แต่คิดว่าเขาต้องมีความกังวลบ้างแหละในเรื่องประสิทธิภาพการใช้อาวุธนอกเหนือเป้าหมายทางทหาร มันเยอะเกินแล้วตอนนี้
ตอนนี้กินไปกี่จังหวัด?
ผู้พันเบิร์ด : อุบลฯ สุรินทร์ ศรีสะเกษ ตราด จันทบุรี สระแก้ว บุรีรัมย์
พล.ต.วินธัย : ผลกระทบที่บุรีรัมย์ไม่เยอะ ที่เยอะคือสุรินทร์กับอุบลฯ
ผู้พันเบิร์ด : ที่ตราดได้ผลักดันทหารเขมรถอยล่าไปเรียบร้อย วันเดียวครับ หนีเลย ยุทธการตราดไพรีพิฆาต1 ถือว่าเป็นขีดความสามารถนาวิกโยธิน แล้วเขาก็รายงานกลับมาด้วยว่าการปฏิบัติครั้งนั้น มันต้องฝ่าแนวสนามทุ่นระเบิดที่กัมพูชาวางไว้ แล้วก็ยิงระเบิด แต่ถามว่าเราได้ยึดที่ตรงนั้นมั้ย ปัจจุบันมันไม่ปลอดภัยในการเข้าไปยึด เราก็กลัวว่ามันซุ่มอย่างอื่นมั้ย หรือมาร์กจุดในการยิงปืนใหญ่ถล่มหรือไม่ ย่านนั้นมีสนามทุ่นระเบิดของเขาด้วย วางมานานแล้ว ผมถือว่าเป็นปฏิบัติการที่รวดเร็ว วันเดียวจบ
ขยับเข้ามาหลายจุด ตอนแรกเราเข้าใจว่าแค่ไม่กี่จังหวัด คิดว่าเขาต้องการแค่จุดนี้ แต่สุดท้ายไปเรื่อยเลย?
คุณปลื้ม : โฆษกมองยังไงที่เขาเรียกร้องให้ยึดปราสาทพระวิหารคืน เกินไปมั้ย
พล.ต.วินธัย : จริงๆ ต้องเป็นความเห็นระดับอื่น เราอยู่ในฐานะผู้ปฏิบัติทั่วไป มันก็เป็นความเห็นที่มีคนทั่วไปให้ความเห็นอยู่แล้ว แต่ถ้าออกจากปากโฆษกกองทัพบกก็กลายเป็นอีกเรื่อง
ผู้พันเบิร์ด : ผมมองว่าแน่นอนว่าการเจรจามีทั้งได้ และมีทั้งยอม เราได้อะไรหรือต้องยอมอะไร การต้องยอม ผมคิดว่าสองประเทศคิดเหมือนกัน แม้จะยอมก็ยังได้อยู่ ก่อนจบเรื่องนี้ ได้ก็ได้ ยอมก็ถือว่าต้องได้ด้วย (หัวเราะ)
คุณปลื้ม : เหมือนกัมพูชาได้คืบจะเอาศอก คุณชนะคดีปราสาทพระวิหาร อยู่ดีๆ คุณต้องการเพิ่ม สะท้อนเลยว่าฮุนเซนเป็นคนไม่รู้จักพอ สมมติหยุดยิงภายในวันสองวัน เชื่อเหรอว่าฮุนเซนไม่มีอารมณ์ค้าง ไม่มีทางหรอก ยังไงเขาก็ต้องการอะไรเพิ่มเติม เขาวางแผนทำอุกอาจเช่นนี้ จู่ๆ ถ้าต้องหยุดยิงก็ไม่ได้อยากหยุดยิงหรอก มันไม่จบ มันง่ายไปหน่อยไง
แนวคิดมีมั้ย อยากได้พื้นที่คืน?
ผู้พันเบิร์ด : ผมคิดว่ากองทัพรับข้อเสนอของสังคมในทุกประเด็น ทั้งส่วนประเด็นการรบ เศรษฐกิจ ท่องเที่ยว เราคำนึงถึงหมด เรารับหมด แต่ทำได้ในหน้าที่ที่สามารถบริหารจัดการได้ ผมยังยืนยันว่าถ้าเรื่องการปฏิบัติการทางทหารไว้ใจได้ 100 เปอร์เซ็นต์ว่าเราจะไม่ยอม ถ้าคุณโจมตีมา เราก็จะโจมตีกลับด้วยสิ่งที่เหมาะสม
มากกว่าเหมะสมได้มั้ย?
พล.ต.วินธัย : นิดนึง ต้องมีเหตุผลรองรับเท่านั้นเอง
คนแชร์เยอะมาก ภาพกาสิโน่?
พล.ต.วินธัย : บางทีการใช้พื้นที่กัมพูชา โดยเฉพาะอาวุธยิงสนับสนุน ชอบไปใช้พื้นที่กำบังซ่อนพราง ใช้ชุมชนก็มี ตรงนี้เป็นภาพรวมการใช้กำลังทางทหารที่ไม่อยู่ในมาตรฐานสากล
คุณปลื้ม : ผมคิดว่าการปฏิบัติการของกองทัพไทยรอบนี้ ยังไม่ถึงขั้นรบจริงอย่างสมบูรณ์ ตามคอนเซปต์แล้ว คุณมีความชอบธรรมที่จะไปตัดท่อน้ำเลี้ยงกับระบอบอีกประเทศที่รุกรานคุณก็ได้ แต่เรายังไม่ได้ทำขนาดนั้น เอาจริงแล้วสิ่งที่เป็นท่อน้ำเลี้ยงให้ระบอบฮุนเซน เป็นสแกมเมอร์ คอลเซ็นเตอร์ ธุรกิจสีเทาทั้งหมด รวมทั้งบ่อนกาสิโนด้วย แต่มันยังไม่เป็นเป้าหมายของกองทัพไทยที่จะไปจัดการส่วนนั้นไง ไม่ได้อยู่ในภารกิจ แต่มีบางประเทศนะสู้รบโดยการตัดท่อน้ำเลี้ยงเลย แต่ ณ เวลานี้ยังไม่ได้ไปถึงจุดนั้น
ผู้พันเบิร์ด : ความจริงใจฮุน มาเนต ในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศ ทันทีที่มีต่างชาติเรียกร้องให้กัมพูชาปราบปราม เขาทำอยู่แค่สองวันเท่านั้นแหละ วันนี้ทุกอย่างหายไปหมดแล้ว การปฏิบัติก็บ่งบอกความชัดเจนว่าเขาไม่มีความจริงใจในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศของเขาเลย
คุณปลื้ม : กระแสเรียกร้องให้ไทยจัดการทุนสีเทา กาสิโน แก๊งคอลเซนเตอร์ พื้นที่ฟอกเงินอุตสาหกรรมข้ามชาติเยอะ สหรัฐก็เรียกร้องพวกนี้นะ แต่ไม่มีประเทศไหนกล้าเข้าไปเคลียร์พื้นที่พวกนี้ ไม่ใช่ไม่มีความชอบธรรมนะ บังเอิญกองทัพอากาศไทยช่วยเสริมเท่านั้น ยังเป็นภารกิจเพิ่มไม่ได้ นี่คือภารกิจย่อย คนก็เกรงว่าเป็นฐานปฏิบัติจริงหรือไม่ มีคนไทยสายต่อต้านทหารที่ไม้ไว้วางใจ มองว่าคนไทยทำเกิน ก็ต้องชี้แจงว่าเราเป็นฝ่ายรักษากติกา ไม่ได้อยากให้เป็นแบบนี้ ถ้าไมมีผู้บริสุทธิ์เดือดร้อนก็แฟร์เกมไง
ที่มีข่าวลือว่าเขาชอบเอาประชาชนเป็นโล่มนุษย์ ข้อเท็จจริงเป็นยังไง?
ผู้พันเบิร์ด : เขามักใช้พื้นที่ชุมชน เป็นพื้นที่ตั้งอาวุธยิงระยะไกล แล้วเขยิบไป เขาก็คงกลัวเราตอบโต้ เลยเตรียมการใช้พื้นที่ตรงนั้น และปฏิบัติการด้านข่าวสารว่าประชาชนเขาเสียชีวิตจากฝ่ายไทย ผมเชื่อว่าเดี๋ยวข่าวแบบนี้มันก็ออกมา ส่วนเขาจะปั้นแต่งเรื่องขึ้นมาเองยังไง เดี๋ยวรอดูในอนาคต
มองยังไง คนมองว่ากัมพูชาแบ็กคือจีน?
คุณปลื้ม : ล่าสุดจีนบอกว่าไม่ได้เกี่ยวอะไรเลยในภารกิจรอบนี้ ไม่ได้สนับสนุน แต่จีนแสดงท่าทีตรงนี้ตรงไปตรงมา แต่เผอิญบริษัทข้ามชาติที่มาลงทุนในกัมพูชาร้อยละ60 เป็นจีน มูลค่าน่าจะหลัก 4 พันล้านดอลลาร์ได้ แต่จีนต้องการเสถียรภาพในกัมพูชาไง เขาไม่ได้ต้องการสงคราม ไม่ได้ต้องการให้กัมพูชารุกรานไทย จีนมีสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับไทยมากกว่า 50 ปี เขาดีแคลร์ชัดเจนว่าครั้งนี้เขาเป็นกลาง กัมพูชาพยายามหาพวก แต่ถ้านัดเน็ตเวิร์กในโลกไทยเยอะกว่า
อาวุธยุทธโธปกรณ์ของไทย ถ้ามีเรื่องกันจริงๆ กัมพูชาจบมั้ย ถ้าต้องสู้ในมุมสงคราม?
พล.ต.วินธัย : ก็เป็นไปตามข้อมูลที่วิเคราะห์มา กัมพูชาไม่น่าจะตอบโต้ เราเปรียบเทียบมุมวิทยาศาสตร์นะ นับตัวเลข นับปริมาณ ดูกำลังพล ระบบการฝึก ระบบการศึกษา ระบบส่งกำลัง การใช้อาวุธ และจำนวนยุทธโธปกรณ์ที่เรามี เราน่าจะเหนือกว่า
ทางเขาพยายามพูดเหลือเกินว่าเขาสามารถขยี้คนไทยได้ ปลุกปั่นในมุมเขา ถ้าคำถามนี้ลอยไปถึงเขาบ้างว่ากูก็ไม่ได้กลัวมึง?
คุณปลื้ม : มาลีคงดูอยู่
ผู้พันเบิร์ด : การกระทำอันใดก็ตาม ไทยยึดหลักสากล ต้องการอยู่ร่วมกันอย่างเป็นมิตร
คุณปลื้ม : ประเทศไทยรายได้ต่อประชากรสูงกว่ากัมพูชา 4 เท่าอย่างน้อย บทบาทไทยคือช่วยเหลือเกื้อกูลให้เศรษฐกิจกัมพูชาเจริญเติบโต บทบาทไทยคือนักลงทุนในกัมพูชา เราส่งออกสินค้าให้กัมพูชาบริโภคที่เขาไม่สามารถผลิตเองได้ เราช่วยเหลือเขามาโดยตลอด แต่รอบนี้ฮุนเซนทำลายมิตรภาพที่ดี กับครอบครัวการเมืองในประเทศไทยที่ไว้ใจเขา มันเป็นความสูญเสียของเขาทุกมิติ การเจรจาวันนี้ ฮุนเซนคือผู้กำหนดเกมฝั่งโน้น ส่วนทางนี้ต้องร่วมกัน พลังคนไทยแรงพอผลักดันทั้งหมดให้ไปในทิศทางที่เราไม่สูญเสียอธิปไตย
ตอนนี้การข่าวสะเปะสะปะ ล่าสุดจะกำหนดแนวทางแล้ว?
พล.ต.วินธัย : มีศูนย์รวมแล้ว เนื่องจากข่าวต้องควบคุม คอนเทนต์บางอย่างมีผลกับหน่วยทหารในทางยุทธวิธี บางอย่างเป็นความปลอดภัยพี่น้องประชาชน ทุกอย่างสามารถพัฒนาให้เราเกิดความฉุกละหุกโกลาหลได้ทั้งหมด ส่วนใหญ่รวบรวมคอนเทนต์มากกว่า อันนี้แป๊บเดียวเราจะบอกเลยเท็จๆ มีห้องกลางไว้ดูว่าข่าวนี้เท็จแน่นอนก็แก้ง่าย แต่ตอนนั้นยังจับต้นชนปลายไม่ได้เพราะเยอะไปหมดแต่กับพี่น้องสื่อได้รับความร่วมมืออย่างดี ต่อไปต้องเขยิบไปพี่น้องประชาชนทั่วไป จะให้เราผิดพลาดเหมือนรมต.กัมพูชาไม่ได้ ที่เอาเรื่องสารพิษ สารเคมีมาแต่ง อันนั้นเป็นความตั้งใจของเขาที่ต้องการให้เกิดประเด็นแบบนี้ แล้วจะได้เอามาพูดได้ แต่พี่น้องสื่อตอนนี้เราจับมือกันได้หมดแล้ว
ผู้พันเบิร์ด : เราจะใช้ช่องทางนี้ถาวร ไม่ว่าจะภัยพิบัติ หรือปัญหาอื่นๆ ช่องทางก็จะรวมอยู่ที่นี่ และฝากถึงฮุน มาเนต ในฐานะเป็นทหารพูดกันอย่างทหารด้วยกัน ผมเสียดายกับสิ่งที่คุณไปศึกษาโรงเรียนทหารจากตะวันตก แต่วันนี้ไม่เคยเข้าไปอยู่ในสามัญสำนึกของคุณเลย กับการที่คุณใช้อาวุธระยะไกลทำร้ายประชาชนผู้บริสุทธิ์ คุณพรากชีวิตของพวกเขาไปจากเพื่อนและครอบครัวเขา อยากฝากว่าคุณยังเป็นทหารอยู่หรือเปล่าวะ แค่นี้เลย จากทหารถึงทหาร
website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO