กรมทางหลวงชนบท เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นฯ ครั้งที่ 1 โครงการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม ถนน สาย ข ผังเมืองรวมเมืองตราด
กรมทางหลวงชนบท เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นฯ ครั้งที่ 1 โครงการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม ถนน สาย ข ผังเมืองรวมเมืองตราด
จ.ตราด/(7 ก.ค. 68) นายณัฐพงษ์ สงวนจิตร ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด เป็นประธานเปิดเวทีการประชุมรับฟังความคิดเห็นและการมีส่วนร่วมของประชาชน ครั้งที่ 1 โครงการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม ถนนสาย ข ผังเมืองรวมเมืองตราด จังหวัดตราด ซึ่งกรมทางหลวงชนบท โดยกลุ่มบริษัทที่ปรึกษา จัดขึ้นโดยมีหน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคประชาชนจำนวนมากเข้าร่วมที่ห้องประชุมตตราดซิตี้ฮอลล์ โรงแรมตราดซิตี้ ตำบลวังกระแจะ อำเภอเมืองตราด
ทั้งนี้ตามที่กรมทางหลวงชนบทดำเนินการก่อสร้างสถนนสาย ก1 ข และค1 ผังเมืองรวมเมืองตราด เพื่อเป็นเส้นทางเลี่ยงเมืองตราด โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการดำเนินการก่อสร้างถนนสาย ก1ข และค1 บางส่วน แต่เนื่องจากถนนสาย ข บางส่วนต้องตัดพื้นที่เขตป่า ที่ประกอบด้วย ป่าสงวนแห่งชาติ (ป่าเสม็ด) ที่ภายใต้การดูแลของกรมป่าไม้ ป่าเลน ภายใต้การดูแลของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และ สวนป่า ภายใต้การดูแลขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (ออป.) ทำให้ถนนสาย ข บางส่วนจึงยังไม่สามารถดำเนินการได้ จึงต้องมีการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมก่อน เนื่องจากโครงการก่อสร้างสถนนสาย ก1 ข และค1 ผังเมืองรวมเมืองตราด ดำเนินการสำรวจมาแล้วกว่า 10 ปี ก่อนที่จะมีกฎหมายบังคับให้มีการจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมในเขตพื้นที่ป่า ทางกรมทางหลวงชนบทและกลุ่มบริษัทที่ปรึกษาประกอบด้วย บริษัท อินทิเกรเทด เอนจิเนียริ่ง คอนซัลแทนท์ จำกัด บริษัท เอ็นทิค จำกัด และบริษัท โปรเฟสชันนัล เอนจิเนียริ่ง โซลูชั่น (พี.อี.เอส) จำกัด เป็นที่ปรึกษางานจ้างที่ปรึกษาโครงการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม
ดังนั้นเพื่อเป็นการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารของโครงการฯ โดยเฉพาะความ เป็นมาของโครงการ วัตถุประสงค์ของการศึกษา และขอบเขตการศึกษา พร้อมทั้งรับฟังความคิดเห็นและ ข้อเสนอแนะจากกลุ่มเป้าหมาย จึงได้มีการจัดเวทีรับฟังความคิดเห็น ในครั้งนี้ขึ้น เพื่อนำสู่จัดการจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม ถนนสาย ข ผังเมืองรวมเมืองตราด จังหวัดตราด ก่อนที่นำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อเสนอสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) และขออนุมัติคณะรัฐมนตรี จึงจะสามารถดำเนินการก่อสร้างในส่วนที่เหลือต่อไป