โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

เส้นทาง “NETA” จากดาวรุ่งผู้ท้าทายยักษ์วงการอีวี สู่วันที่บริษัทแม่ล้มละลาย

PPTV HD 36

อัพเดต 4 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 5 ชั่วโมงที่ผ่านมา
ย้อนเส้นทางรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีน “NETA” ซึ่งเคยเปิดตัวในฐานะดาวรุ่งที่จะมาท้าทาย Big 3 ของวงการ แต่ที่สุดอาจต้องหยุดการเดินทาง

ประเทศจีนได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในผู้นำด้านอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า หรือรถอีวี โดยมี “Big Three” หรือ 3 ยักษ์ใหญ่ของวงการที่ไม่มีใครทัดเทียมได้ นั่นคือ บีวายดี (BYD), นีโอ (Nio), และเสี่ยวเผิง (Xpeng)

แต่ในช่วงหนึ่ง ดาวรุ่งพุ่งแรงที่ชื่อว่า “NETA” (เนต้า) ได้ถือกำเนิดขึ้น และทำให้มีกระแสว่า ค่ายรถยนต์ไฟฟ้าน้องใหม่รายนี้จะเข้ามาท้าทาย 3 ยักษ์ใหญ่จนสะเทือน จากความสำเร็จด้านยอดขาย และการขยายตลาดไปสู่หลายประเทศ รวมถึงประเทศไทย

บางสื่อเคยรายงานถึงขั้นว่า Big Three ของวงการรถอีวีอาจจะกำลังกลายเป็น “Big Four”

อย่างไรก็ตาม ภาพฝันนั้นได้สลายหายไป เมื่อมีรายงานในวันที่ 19 มิ.ย. 2025 ว่า “Hozon Auto” บริษัทแม่เจ้าของแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้า NETA ได้เข้าสู่กระบวนการล้มละลายอย่างเป็นทางการแล้ว

จากดาวรุ่ง เส้นทางของ NETA พลิกผันมาสู่จุดนี้ได้อย่างไร?

ผู้อยู่เบื้องหลังสุดลึกลับ

หลายคนอาจพอทราบว่า Hozon Auto ก่อตั้งขึ้นในปี 2014 ในมณฑลเจ้อเจียง โดยเป็นการร่วมทุนระหว่าง Beijing Sinohytec และสถาบัน Zhejiang Yangtze Delta Region Institute แห่งมหาวิทยาลัยชิงหัว

ก่อนจะมีผลิตรถยนต์ออกมาครั้งแรกในปี 2018 โดยใช้ชื่อแบรนด์ NETA ซึ่งมาจากชื่อของ “นาจา” (Ne Zha; 哪吒) เทพเจ้าจีนผู้ขึ้นชื่อเรื่องการปราบมารและปิศาจร้าย ที่มีเอกลักษณ์คือเหยียบอยู่บนวงล้อไฟ

วัฒนธรรมจีนยังเชื่อกันว่า คนในสมัยโบราณมักขอพรจากเทพเจ้านาจาให้การเดินทางปลอดภัย ง่ายดาย และสะดวกสบาย นอกจากนี้ นาจายังเป็นตัวแทนของความกล้าหาญ ความมั่นใจ และความไม่กลัวเกรง

แต่ความจริงแล้วการถือกำเนิดของ NETA มีผู้อยู่เบื้องหลังที่ไม่ค่อยมีใครรู้จักอยู่ นั่นคือ “ฟาง อวิ๋นโจว”

เขาเกิดเมื่อปี 1975 ในเมืองถงเฉิง มณฑลอานฮุย และไม่มีใครรู้ประวัติวัยเด็กของเขาเลย เรื่องราวของเขาปรากฏเมื่อฟางอายุได้ 23 ปีและเพิ่งสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเหอเฟยด้วยปริญญาวิศวกรรมยานยนต์

เขาเข้าทำงานที่ “Chery Automobile” ซึ่งปัจจุบันเป็นชื่อที่รู้จักกันดี แต่ในขณะนั้นยังเป็นบริษัทสตาร์ทอัปที่เพิ่งก่อตั้งไม่นาน งานแรกของเขาคือการออกแบบระบบเสริมของรถยนต์

3 ปีต่อมา เขามองเห็นโอกาสที่ใกล้ตัวเขามากขึ้น ฟางย้ายไปที่แผนกพลังงานใหม่ของ Chery ที่เพิ่งจัดตั้งขึ้น และร่วมการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าต้นแบบที่ติดตั้งแบตเตอรี่ตะกั่ว-กรด

แต่โครงการดังกล่าวสิ้นสุดลงในปี 2001 หลังจากรถต้นแบบขับไปได้เพียง 20 กิโลเมตรก่อนจะแบตเตอรี่หมด

ความล้มเหลวทำให้ฟางเดความคิดว่า “จะเป็นอย่างไรหากเราสามารถรวมรถยนต์ไฟฟ้ากับเครื่องยนต์สันดาปภายในเข้าด้วยกัน”

เขาเริ่มศึกษาวิจัยเทคโนโลยีที่มีอยู่ และกลายมาเป็น “Mr. Hybrid” ของ Chery New Energy ซึ่งไม่กี่ปีต่อมา แผนกนี้ได้กลายเป็นบริษัทอิสระ โดยมีฟางเป็นรองผู้จัดการทั่วไป และเป็นหัวหน้าแผนกระบบไฮบริด

Chery เปิดตัวรถยนต์ไฮบริดรุ่นแรกในปี 2003 และตามมาด้วยรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEV) รุ่นแรกในปี 2009 คราวนี้ใช้แบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน-ฟอสเฟต จึงวิ่งได้ไกลกว่า 20 กิโลเมตร

ฟางทำงานกับ Chery นานถึง 16 ปี แต่ในช่วงต้นปี 2014 เขาคิดว่า ถึงเวลาแล้วที่จะไล่ตามความทะเยอทะยานของตัวเอง

แต่ก่อนจะตั้งบริษัทหรือทำอะไร ฟางตัดสินใจเรียนต่อก่อน โดยเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยชิงหัว ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องเทคโนโลยียานยนต์ และเป็นลูกศิษย์ของ โอวหยาง หมิงเกา บุคคลสำคัญในอุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานใหม่และที่ปรึกษาสำคัญของรัฐบาล

ฟางมองเห็นโอกาสจากนโยบายของรัฐบาลจีนเกี่ยวกับยานยนต์พลังงานใหม่ ดังนั้นในเดือน ต.ค. 2014 ฟางจึงร่วมกับอดีตเพื่อนร่วมงานจาก Chery และได้รับการสนับสนุนจากสถาบันวิจัยของมหาวิทยาลัยชิงหัว จนก่อตั้ง “Zhejiang Hezhong New Energy Automobile” ในเมืองถงเซียง มณฑลเจ้อเจียง ชื่อภาษาอังกฤษของ Hezhong (เหอจง) คือ Hozon

ไม่ได้คิดจะสร้างรถยนต์

ในตอนแรก ฟางไม่ได้มีความตั้งใจที่จะสร้างรถยนต์ทั้งคัน แต่วางแผนที่จะเป็นซัพพลายเออร์ให้กับอุตสาหกรรมทั่วไป โดยต้องการพัฒนาโซลูชันดิจิทัลและการเชื่อมต่อรถยนต์กับอินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง (IoT)

เขาติดต่อผู้ผลิตรถยนต์หลายรายเพื่อขอทราบแผนงานและแนวคิด แต่ไม่นานก็พบว่าเขากำลังเผชิญกับอุปสรรค ฟางเคยพูดเองว่า “ผมพบว่า ผู้ผลิตรถยนต์ยังไม่ใจกว้างพอที่จะร่วมมือกับซัพพลายเออร์ เนื่องจากการนำเครือข่ายอัจฉริยะเหล่านี้ไปใช้จะต้องเกี่ยวข้องกับส่วนสำคัญของเทคโนโลยียานยนต์ ซึ่งเจาะลึกถึงตัวควบคุมหลักของรถยนต์”

ฟางใช้เวลาเกือบ 2 ปีในการตรวจสอบอุตสาหกรรมและสรุปได้ว่า Hozon ต้องสร้างรถยนต์ของตัวเอง

Hozon ได้รับเงินลงทุนครั้งใหญ่จากรัฐบาลท้องถิ่นเมืองถงเซียง เพื่อนำมาสร้างโรงงาน แลกกับการที่รัฐบาลท้องถิ่นซื้อหุ้นส่วนใหญ่ของบริษัท และยังได้รับใบอนุญาตผลิตรถบยต์พลังงานใหม่ (NEV) จากรัฐบาลกลาง

ต่อมาในเดือน ต.ค. 2017 หุ้นส่วนใหญ่ถูกโอนไปยังบริษัทที่ชื่อว่า Lhasa Zhixing Innovation Technology ซึ่งเป็นกองทุนการลงทุนของผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ China Fortune Land Development

หวัง เหวินเซวี่ย ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ China Fortune เข้ามารับตำแหน่งซีอีโอของ Hozon ซึ่งทำให้ฟางที่ไม่ชอบงานบริหารกลับไปลุยเต็มที่กับงานด้านการพัฒนาได้อย่างเต็มที่

ภายใต้อิทธิพลของเจ้าของใหม่ การเติบโตของ Hozon เป็นไปอย่างก้าวกระโดด มีการเปิดตัวคอนเซปต์ของรถยนต์คันแรกในปี 2017 ก่อตั้งศูนย์วิจัยยานยนต์ไร้คนขับในซิลิคอนวัลเลย์ของแคลิฟอร์เนียในปี 2018 พร้อมกับที่โรงงานอัจฉริยะที่ถงเซียงเสร็จสมบูรณ์ รวมถึงประกาศชื่อ NETA อย่างเป็นทางการ

NETA เริ่มวางขายรถยนต์รุ่นแรกในเดือน ก.ค. 2018 คือ “NETA N01 hatchback” เป็นรถรุ่นพื้นฐานที่ยังไม่มีคุณสมบัติดิจิทัลชวนทึ่งอะไรนัก แบตเตอรี่ขนาดเล็กสำหรับระยะทาง 300 กม. และมอเตอร์ 55 กิโลวัตต์ อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่ารถรุ่นนี้จะได้รับการออกแบบมาอย่างดี และมีราคาที่สมเหตุสมผล จึงถือเป็นการเปิดตัวที่ไม่ได้แย่นัก

กลายเป็นแบรนด์อีวียอดขาย No.4 ของจีน

รถยนต์รุ่นถัดมาของ Hozon นั้นสอดคล้องกับหลักการของบริษัทมากกว่า “NETA U” ที่เปิดตัวในปี 2020 เป็นรถยนต์ครอสโอเวอร์ขนาดกลางที่มีเทคโนโลยีที่น่าสนใจบางอย่างติดมาด้วย

NETA U สามารถวิ่งได้ 400, 500 หรือ 600 กม. และมีมอเตอร์ที่ทรงพลังกว่า 120 หรือ 150 กิโลวัตต์ การออกแบบมีความโดดเด่นมากขึ้น โดยเฉพาะภายในที่แผงหน้าปัดเต็มไปด้วยหน้าจอสัมผัส รถคันนี้มีการเชื่อมต่อ 5G การขับขี่อัตโนมัติขั้นพื้นฐาน และคุณสมบัติด้านความปลอดภัยขั้นสูง นอกจากนี้ยังมีตัวควบคุมอัจฉริยะ ซึ่งรวมฟังก์ชันทั้งหมดของรถยนต์ไว้ในคอมพิวเตอร์ส่วนกลางเพียงตัวเดียว

อย่างไรก็ตาม นวัตกรรมที่ชัดเจนที่สุดคือ “เสา A ที่มองทะลุได้” (See-through A-Pillar) ซึ่งเป็นระบบที่ฟางจดสิทธิบัตรไว้เอง

เสา A คือเสาคู่แรกบริเวณด้านหน้าซ้ายและขวา ทำหน้าที่ค้ำกระจกบานหน้า และช่วยเสริมความปลอดภัยภายในห้องโดยสาร แต่มักบดบังมัศนวิสัยของผู้ขับขี่

เสา A ที่มองทะลุได้ของฟางจึงแก้เพนพอยต์ตรงนี้ โดยทำงานด้วยหน้าจอขนาดเล็กที่ด้านในเสา A ซึ่งแสดงภาพจากกล้องมองจุดบอด

ในเดือน พ.ย. 2020 Hozon ได้เปิดตัว “NETA V” เป็นเวอร์ชันครอสโอเวอร์ที่ใหญ่กว่า N01 เล็กน้อย มาพร้อมระบบส่งกำลังแบบเดียวกัน แต่ตั้งแต่ต้นปี 2021 ก็มีเวอร์ชันที่มีพลังมากกว่าเล็กน้อยให้เลือกด้วย คือมอเตอร์ 70 กิโลวัตต์ วิ่งได้ 400 กม.

NETA V เป็นรุ่นที่ประสบความสำเร็จมากของ Hozon เนื่องจากมีราคาที่เป็นมิตรและมีขนาดใหญ่พอสำหรับครอบครัวขนาดเล็ก

เมื่อเทียบกับ Big Three รถยนต์ NETA มีราคาที่ถูกกว่าค่อนข้างมาก นั่นจึงเป็นทางเลือกของ Hozon ที่ต้องการสร้างรถยนต์ราคาไม่แพงสำหรับทุกคน

หลังจากนั้นจึงมีการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ ต่อเนื่องหลายรุ่น ทั้ง NETA U, NETA S, NETA X, NETA GT และ NETA L

ยอดขายของ NETA ต้องเรียกว่าโตแบบก้าวกระโดดเกือบทุกปี จากปี 2018 ขายได้ราว 1,200 คัน เพิ่มเป็น 11,000 คันและ 15,000 คันในปี 2019 และ 2020 ตามลำดับ

และในปี 2021 NETA ขายรถได้มากถึงเกือบ 70,000 คัน โตจากปีก่อนหน้ามากกว่า 4 เท่า และปี 2022 โตอีกเป็น 150,000 คัน โดยยอดส่งมอบรถยนต์ทั้งหมดอยู่ที่ 240,255 คัน

นั่นทำให้บริษัท Hozon ได้ครองอันดับ 4 ในแง่ของยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศจีน

ในเดือน ส.ค. 2022 NETA เปิดตัวในประเทศไทยครั้งแรกด้วย NETA V ราคาเปิดตัว 549,000 บาท แบตเตอรี่ 38.5 kWh ชาร์จ 1 ครั้งวิ่งได้ 384 กม.

อย่างไรก็ตาม ภายหลังการเปิดตัวแบรนด์เนต้าในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ บริษัทสามารถส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้า NETA V ได้เพียง 989 คันเท่านั้น ก่อนที่ในเดือน ก.ย. 2023 จะรายงานว่าสามารถส่งมอบ NETA ให้ลูกค้าคนไทยได้ครบ 10,000 คัน

บริษัทยังระบุว่า NETA V ขึ้นแท่นอันดับ 2 ยอดขายรถอีวีสูงสุดในไทยในปี 2023 ด้วย

Hozon Auto ยังขยายธุรกิจไปต่างประเทศอย่างจริงจัง โดยในเดือน มี.ค. 2023 บริษัทได้เริ่มก่อสร้างโรงงานแห่งแรกในต่างประเทศที่ประเทศไทย และเริ่มดำเนินการในช่วงต้นปี 2024 โรงงานแห่งนี้มุ่งเป้าไปที่ตลาดอาเซียนเป็นหลัก โดย NETA V-II เป็นรุ่นแรกที่ประกอบในประเทศไทย

บริษัทได้ขยายกิจการไปยังอินโดนีเซียในเดือน ส.ค. 2023 โดยเปิดตัว NETA V และเริ่มส่งมอบในเดือน พ.ย. จากนั้นเดือน เม.ย. 2024 บริษัทได้เริ่มดำเนินการประกอบรถยนต์ในอินโดนีเซียที่ PT Handal Motor Indonesia

นอกจากนี้ Hozon Auto ยังได้ประกาศเข้าสู่บราซิลในปี 2024 พร้อมแผนจะจัดตั้งโรงงานผลิตในท้องถิ่นภายในปี 2025 เพื่อรองรับตลาดอเมริกาใต้ทั้งหมด นอกจากนี้ แบรนด์ยังได้ขยายกิจการไปยังแอฟริกา โดยมีเข้าสู่ตลาดเคนยาเป็นทีแรก

สถานการณ์ส่อเค้ามีปัญหา

ในประวัติอันไม่ยาวนานเท่าไรนักของบริษัท Hozon เผชิญปัญหาทางการเงินหลายครั้ง ตั้งแต่ปี 2018 สมัยที่ China Fortune ยังเป็นเจ้าของ จน หวัง เหวินเซวี่ย ซีอีโอในเวลานั้น ต้องขายหุ้นส่วนใหญ่ของบริษัทให้กับสถาบันการเงินที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของจีนอย่าง Ping An

China Fortune ตัดสินใจขายธุรกิจที่ไม่ใช่ธุรกิจหลักส่วนใหญ่ออกไป รวมถึง Hozon ด้วย บริษัทผลิตรถยนต์แห่งนี้จึงถูกกองทุนของรัฐบาลท้องถิ่นหลายแห่งเข้าซื้อกิจการในเดือน ต.ค. 2018

ขณะที่ตั้งแต่ปี 2023 เป็นต้นมา ยอดขายของ NETA ลดลงมาเหลือ 120,000 คัน และในปี 2024 เหลือไม่ถึง 90,000 คัน

รัฐบาลฮ่องกงยังได้ให้เงินอุดหนุน 200 ล้านเหรียญฮ่องกง (ราว 825 ล้านบาท) เพื่อบรรเทาแรงกดดันทางการเงินและสนับสนุนการขยายตัวในระดับนานาชาติ โดยอำนวยความสะดวกในการเสนอขายหุ้นต่อสาธารณะ (IPO) ครั้งแรกของบริษัท

บริษัทยังได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานรัฐบาลท้องถิ่นอีก 3 แห่ง ได้แก่ อี๋ชุน, ถงเซียง และหนานหนิง ได้อัดฉีดเงินเพิ่มเติม 5,000 ล้านหยวน (ราว 2.2 หมื่นล้านบาท) ให้กับบริษัท เพื่อส่งเสริมการขยายตัวและความมั่นคงทางการเงิน

แต่ในปี 2024 Hozon Auto เผชิญกับความท้าทายหลายประการ รวมถึงข้อพิพาทด้านประกันรถยนต์และปัญหาทางการเงิน เบี้ยประกันของรถ NETA เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเนื่องจากอัตราการเกิดอุบัติเหตุสูงในบริการเรียกรถโดยสาร บริษัทต้องดิ้นรนเพื่อเจรจาอัตราเบี้ยประกันที่ดีขึ้นกับบริษัทประกัน ซึ่งส่งผลกระทบต่อยอดขาย

นอกจากนี้ ความไม่พอใจของพนักงานยังเพิ่มขึ้นเมื่อโบนัสสิ้นปีล่าช้า ซึ่งนำไปสู่การแฉทางโซเชียลมีเดีย ในเดือน ต.ค. 2024 มีรายงานว่าเงินเดือนล่าช้าด้วย

พนักงานของ NETA บางคนอ้างว่า บริษัทไม่จ่ายเงินเดือนของเดือนก่อนหน้าตรงเวลาเนื่องจากเป็นหนี้ซัพพลายเออร์ ในเวลาเดียวกัน เงินเดือนของพนักงานระดับสูงของ NETA ก็ลดลงถึง 30%

นั่นทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับความมั่นคงทางการเงิน บริษัทปฏิเสธเรื่องการเลิกจ้างครั้งใหญ่ แต่ยอมรับว่าได้ดำเนินการตามแผนการลดเงินเดือนเพื่อปรับปรุงกระแสเงินสด

กระทั่งวันที่ 6 พ.ย. 2024 สื่อด้านยานยนต์จีน Car News China รายงานว่า NETA ได้สั่งหยุดการผลิตในโรงงานที่เจ้อเจียงและลดเงินเดือนพนักงาน เนื่องจากยอดขายในจีนลดลง

โดยปริมาณยอดขายลดลงอย่างต่อเนื่องในจีน ตั้งแต่เดือน ม.ค. – ก.ย. 2024 NETA ส่งมอบรถยนต์ในประเทศเพียง 53,853 คัน หรือไม่ถึง 30% ของเป้า

ด้านบริษัทแม่ของ NETA อย่าง Hozon Auto เองก็ขาดทุนสุทธิเพิ่มขึ้นทุกปีในจีน โดยปี 2021 ขาดทุน 4.84 พันล้านหยวน (ราว 2.3 หมื่นล้านบาท), ปี 2022 ขาดทุน 6.67 พันล้านหยวน (3.17 หมื่นล้านบาท) และปี 2023 ขาดทุน 6.87 พันล้านหยวน (3.27 หมื่นล้านบาท) ส่วนเงินสำรองอยู่ที่ 2.83 พันล้านหยวน (1.34 หมื่นล้านบาท)

จากนั้นในช่วงกลางเดือน มิ.ย. 2025 บริษัท Hozon ได้เข้าสู่กระบวนการปรับโครงสร้างใหม่เพื่อฟื้นฟูกิจการอย่างเป็นทางการ ซึ่งสะท้อนถึงปัญหาที่เกิดขึ้นกับแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้า NETA ที่กำลังประสบปัญหา

เมื่อวันที่ 13 มิ.ย. แพลตฟอร์มเปิดเผยข้อมูลการล้มละลายขององค์กรระดับชาติของจีน (NEBIDP) เปิดเผยว่าบริษัท Shanghai Yuxing Advertising Co. ได้ยื่นคำร้องเพื่อขอให้บริษัท Hozon เข้าสู่กระบวนการล้มละลายตั้งแต่เมื่อเดือน พ.ค. ในฐานะเจ้าหนี้ โดยอ้างถึงค่าธรรมเนียมการพิมพ์นิทรรศการที่ยังไม่ได้ชำระ ศาลได้ยอมรับคดีดังกล่าวและแต่งตั้งผู้บริหารจัดการการล้มละลาย

ตามรายงานของสื่อทางการเงิน Caixin เพจเฟซบุ๊กของบริษัท NETA ในประเทศไทยได้โพสต์แถลงการณ์เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. โดยระบุว่า การปรับโครงสร้างครั้งนี้เป็นความพยายามของรัฐบาลภายใต้การกำกับดูแลของศาลเพื่อช่วยบริษัท บริษัทมีแผนที่จะดึงดูดนักลงทุนเชิงกลยุทธ์ ปรับโครงสร้างการบริหาร และเริ่มการผลิต การวิจัยและพัฒนา และการขยายกิจการในต่างประเทศอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม ซัพพลายเออร์รายหนึ่งในไทยได้ตั้งคำถามต่อแถลงการณ์ดังกล่าว โดยระบุว่า ทีมงานในประเทศถูกไล่ออกตั้งแต่สิ้นเดือน พ.ค. และตัวแทนจำหน่ายและซัพพลายเออร์ต้องประสบกับภาวะขาดทุนอย่างหนัก

รายงานระบุว่า Hozon มีหนี้เกือบ 1 หมื่นล้านหยวน (ราว 4.5 หมื่นล้านบาท) และแผนก่อนหน้านี้สำหรับการแปลงหนี้เป็นทุนและการจัดหาเงินทุนใหม่มีความคืบหน้าเพียงเล็กน้อย

ท้ายที่สุด CCTV สื่อทางการรัฐบาลจีน รายงานว่า เมื่อวันที่ 19 มิ.ย. ที่ผ่านมา Hozon New Energy Automobile เจ้าของแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้า NETA ได้เข้าสู่กระบวนการล้มละลายอย่างเป็นทางการ โดยรายงานระบุว่า ศูนย์ให้บริการและโชว์รูม NETA หลายแห่งในนครเซี่ยงไฮ้ได้ปิดตัวลงแบบเงียบ ๆ

เรื่องราวของ NETA นั้น หากเปรียบแล้ว คงเหมือนดาวรุ่งที่กลายเป็น “ดาวตก” เพราะได้เฉิดฉายส่องสว่างอยู่เพียงครู่หนึ่ง ก่อนจะดับวูบไปในแบบที่หลายคนอาจไม่คาดคิดมาก่อน

เรียบเรียงจาก (1) (2) (3) (4) (5)

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

“Estée Lauder” จากการทดลองในห้องครัว สู่อาณาจักรความงามระดับพรีเมียม

“Loewe” แบรนด์เก่าแก่สุดในอาณาจักร LVMH แต่กลับฮอตที่สุดในปี 2025

“วอลโว่” รถหรูสวีเดนผู้ขึ้นชื่อเรื่องความปลอดภัย ทุกวันนี้เป็นของจีน?

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : เส้นทาง “NETA” จากดาวรุ่งผู้ท้าทายยักษ์วงการอีวี สู่วันที่บริษัทแม่ล้มละลาย

ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่

- Website : https://www.pptvhd36.com

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก PPTV HD 36

เปิดโผ ครม.ใหม่ “นายกฯ อิ๊งค์” ควบวัฒนธรรม เตรียมรับมือหยุดปฏิบัติหน้าที่

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ภูเก็ตปลอดภัย! เจอวัตถุต้องสงสัยครบทุกจุด ตามที่คนร้ายสารภาพแล้ว

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

สยบข่าวลือรัฐประหาร! “บิ๊กป้อม” จี้นายกฯ ลาออกหรือยุบสภา

3 ชั่วโมงที่ผ่านมา

"ฮุน เซน" ไม่ปล่อยคลิปเพราะมีดีลลับ? ชี้ "อังเคิล" อยากเปลี่ยนรัฐบาลไทย

3 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความธุรกิจ-เศรษฐกิจอื่น ๆ

Broker ranking 27 Jun 2025

Manager Online

FBI เชือดแฮกเกอร์หมื่นล้าน แต่ Bitcoin ยังผงาด 107K – อินเดียจ่อเปิดคลัง BTC เดิมพันอนาคต

Manager Online

ส่งออก 'ข้าวไทย' ลดลง 25% เหตุอินเดียกลับมาส่งได้ตามปกติ

Khaosod

งานคริปโตฯ ปี 68 พุ่ง 60%! เน้น AI ผสมบล็อกเชน รับค่าเหนื่้อย 10 ล้านบาทต่อปี

Manager Online

ประเมินขัดแย้งไทย-กัมพูชากระทบ "ส่งออก" สูญกว่า 60,000 ล้าน

Thai PBS

พิชัย ยอมรับ ตั้งล็อบบี้ยิสต์ เจรจาภาษีตอบโต้ กับสหรัฐ เพราะมีความซับซ้อน

JS100

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยเผยเงินบาทปิดตลาดที่ 32.60-อ่อนค่าตามราคาทองคำ

Manager Online

ยูเนสโก จับมือ SACIT และสยามพิวรรธน์ ร่วมส่งเสริมหัตถศิลป์ไทยสู่เวทีโลก

Manager Online

ข่าวและบทความยอดนิยม

“ฮุน เซน” แฉ “ทักษิณ” ไม่ได้ป่วย! ชี้ “นายกฯ อิ๊งค์” หมิ่นเบื้องสูง

PPTV HD 36

"ฮุน เซน" เตรียมเปิดโปง "ทักษิณ" คุยแผนเปลี่ยนตัวนายกฯ 27 มิ.ย. นี้

PPTV HD 36

โปรแกรมฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก 2025 ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ รอบ 16 ทีม

PPTV HD 36
ดูเพิ่ม
Loading...