“บรรยง” มอง หุ้นไทย มีโอกาสฟื้นตัว แนะเร่งแก้ Productivity ฟื้นเชื่อมั่น
“บรรยง” มอง หุ้นไทย อาการหนัก แต่มีโอกาสฟื้นตัว แนะเร่งแก้ Productivity ดึงดูดลงทุนต่างชาติ ยกเคสปตท.-การบินไทย
นายบรรยง พงษ์พานิช ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร กล่าวในงาน CFO Annual Conference on Capital Markets เมื่อวันที่ 27 มิ.ย.2568 โดยมองว่า ที่ผ่านมาตลาดทุนประเทศไทยพัฒนามาได้ดีตามสมควร แต่ยังดีได้กว่านี้อีกมาก ส่วนตลาดหุ้นไทยเป็นส่วนสำคัญแค่ส่วนเดียวของตลาดทุนไทย
การมุ่งเน้นไปที่ตลาดหุ้นเพียงอย่างเดียวถือเป็นความผิดพลาด เพราะยังมีกลไกอื่น ๆ เช่น Venture Capital
ตลาดการเงินของไทย ซึ่งประกอบด้วยสินเชื่อธนาคารพาณิชย์และตลาดทุนทั้งตราสารหนี้และตราสารทุน ได้เติบโตอย่างก้าวกระโดดจาก 120% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP)เพิ่มขึ้นเป็น 320% ของ GDP ในปัจจุบัน หรือคิดเป็นมูลค่ารวม 60 ล้านล้านบาท แสดงให้เห็นว่าตลาดการเงินเติบโตเร็วกว่า GDP ของไทยถึง 3 เท่า
อย่างไรก็ตามตลอด 2 ปีที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยกลับเป็นหนึ่งในตลาดที่ทำผลงานได้ย่ำแย่ที่สุดในโลกส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัด
“การถือครองหุ้นไทยของนักลงทุนต่างชาติใน free float ลดลงอย่างมาก จาก 67% เมื่อ 15 ปีที่แล้ว เหลือเพียง 35% ในปัจจุบัน”
นายบรรยง กล่าวว่า การที่นักลงทุนต่างชาติทิ้งหุ้นไทยมีหลายสาเหตุ ได้แก่ ปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ตลอด 20 ปีที่ผ่านการเติบโตของเศรษฐไทยอยู่ในกลุ่มที่ต่ำที่สุดในตลาดเกิดใหม่ตลอด รวมถึงอัตราผลตอบแทนต่อส่วนผู้ถือหุ้น (ROE) และอัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ (ROA) ของหุ้นไทยที่ลดลง
นอกจากนี้การตัดสินใจทางการเมืองและกฎระเบียบที่คาดเดาไม่ได้ โดยเฉพาะจากตลาดหลักทรัพย์ฯ เองได้สร้างความไม่แน่นอนให้กับนักลงทุน เช่น การจำกัดการทำเซลสำหรับหุ้นนอก SET100 ซึ่งกลับเพิ่มต้นทุนและไม่ได้ช่วยแก้ปัญหา รวมถึงปัญหาธรรมาภิบาล ก็เป็นอีกปัจจัยที่กระทบต่อความเชื่อมั่นอย่างรุนแรง
นายบรรยงยังได้สะท้อนอีกว่าหนึ่งในปัญหาใหญ่ของไทยคือ การเพิ่มขึ้นของผลิตภาพ (Productivity) ที่ต่ำมาก โดยระหว่างปี 1985 ถึง 1995 ไทยมีการเพิ่มผลิตภาพสูงเนื่องจากเศรษฐกิจเปลี่ยนผ่านจากเกษตรกรรมสู่อุตสาหกรรม ซึ่งส่วนใหญ่ขับเคลื่อนโดยการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI)
แต่หลังวิกฤตปี 1997 (วิกฤติต้มยำกุ้ง)เศรษฐกิจไทยได้กลายเป็นเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยภาคบริการเป็นหลัก ซึ่งภาคบริการส่วนใหญ่เป็น "non-tradable" (ไม่สามารถซื้อขายข้ามพรมแดนได้ง่าย) ตรงข้ามกับภาคอุตสาหกรรมที่ต้องมีผลิตภาพสูงเพื่อแข่งขันในระดับสากล
แนะทางรอดตลาดหุ้นไทย
นายบรรยง ได้ชี้ทางรอดของหุ้นไทย คือดึงดูดการลงทุน - เพิ่ม Productivity หลังจากการตกต่ำอย่างต่อเนื่องของตลาดหุ้นไทย เริ่มมีแนวคิดที่จะป้องกันไม่ให้คนไทยลงทุนในต่างประเทศเพื่อรักษาเงินทุนไว้ในประเทศ ซึ่งมองว่าเป็นสิ่งที่อันตรายอย่างยิ่ง
ปัจจุบันไทยขาดเรื่องราว หรือสตอรี่ที่น่าสนใจเพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ ในอดีตหลังวิกฤตต้มยำกุ้ง ตลาดหุ้นไทยฟื้นตัวได้จากการเสนอขายหุ้นครั้งแรก (IPO) ของ บมจ.ปตท.(PTT)ในปี 2001 ถือเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยเปิดตัวประเทศไทยใหม่อีกครั้ง
โดยจะเห็นได้ว่าการเดินสายโรดโชว์สำหรับ IPO ขนาดใหญ่นี้ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปรับขึ้นจาก 280 เป็น 400 จุด และดึงดูดเงินทุนต่างชาติจำนวนมาก
อย่างไรก็ตามนายบรรยงมองว่าการฟื้นตัวตลาดหุ้นไทยยังคงเป็นไปได้ สะท้อนจากการฟื้นฟูกิจการของบมจ.การบินไทย (THAI) หากมีการบริหารจัดการอย่างถูกต้องและไม่ใช่ในฐานะรัฐวิสาหกิจ
ถ้าแปรรูปรัฐวิสาหกิจให้สุดซอย เช่นแปรรูป ปตท. เหมือน British Petroleum ในยุค มากาเร็ต แทชเชอร์ อดีตนายกรัฐมนตรีแห่งสหราชอาณาจักร ขายให้เหลือ 0% รัฐจะได้เงิน 6 แสนล้านบาท และจะช่วยลดหนี้สาธารณะ 1 ล้านล้านบาท