กยท.จีบจีนตั้งทีมลุยส่งออกยาง ทดลอง 300 ตันส่งผ่านแม่น้ำโขง
กยท.รุกเจรจาทวิภาคีไทย-จีน ขับเคลื่อนยางพารา ดันตั้งคณะทำงานหาแนวทางลดภาษีนำเข้า พร้อมลดอุปสรรคขนส่งผ่านแม่น้ำโขง โรงงานจีนเริ่มทดลองก่อน 300 ตัน ขณะที่ชาวสวนร้องนายกฯ ช่วยเร่ง รมว.เกษตรฯ ช่วยเปิดนำเข้าสารเร่งน้ำยาง หวังเพิ่มผลผลิต พร้อมแก้ปัญหาราคายางตก ขณะที่สถานการณ์ส่งออก เม.ย.ยังขยายตัว 22.5%
ดร.เพิก เลิศวังพง ประธานกรรมการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) เปิดเผยว่า เมื่อปลายเดือนพฤษภาคม 2568 ได้มีการประชุมเจรจาทวิภาคีไทย-จีน โดย กยท.ในนามผู้แทนประเทศไทย ร่วมกับสมาคมการค้าส่งเสริมและพัฒนาเศรษฐกิจหกประเทศลุ่มแม่น้ำโขง เปิดโต๊ะเจรจา “ขับเคลื่อนเศรษฐกิจยางและข้อเสนอการลดภาษีนำเข้ายางพารา” โดยมีคณะผู้แทนภาครัฐจากสาธารณรัฐประชาชนจีนและประเทศไทย ได้ร่วมกันเจรจาและวางแนวทางในการส่งออกผลผลิตยางพาราไทยไปประเทศจีน พร้อมทั้งแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์เพื่อกำหนดแนวทางขับเคลื่อนเศรษฐกิจภาคการเกษตรให้ดียิ่งขึ้น
โดยประเด็นหารือที่สำคัญ คือ การร่วมกันกำหนดแนวทางขอให้ประเทศจีนลดอัตราภาษีนำเข้ายางพาราไทยเป็นศูนย์ โดยมีความเห็นตรงกันที่จะตั้งคณะทำงานร่วมด้านยางพารา ไทย-จีน-เขตปกครองตนเองสิบสองปันนา เพื่อให้มาตรการขอลดภาษีนำเข้าจีนและอุปสรรคทางการค้าอื่น ๆ เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม โดยเตรียมประสานงานต่อในระดับรัฐบาลของทั้งสองประเทศ พร้อมกำหนดแนวทางลดอุปสรรคการค้าระหว่างประเทศ ในการขนส่งผ่านแม่น้ำโขง
อย่างไรก็ดี การประชุมสัมมนาความร่วมมือไทย-จีน 50 ปีมิตรภาพ “ขับเคลื่อนเศรษฐกิจยางและข้อเสนอการลดภาษีนำเข้ายางพารา” ในครั้งนี้ นับเป็นจุดเริ่มต้นสานต่อความร่วมมือด้านธุรกิจยางพารา ระหว่าง กยท. กับสมาคมการค้าส่งเสริมและพัฒนาเศรษฐกิจหกประเทศลุ่มแม่น้ำโขง ที่เห็นถึงความสำคัญของการขับเคลื่อนการพัฒนาทางเศรษฐกิจทั้งภายในและระหว่างประเทศ การแลกเปลี่ยนความรู้ วิชาการและเทคโนโลยี ไปจนถึงการลดอุปสรรคทางการค้าระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศจีน ซึ่งเป็นตลาดหลักนำเข้าผลิตภัณฑ์ยางพาราจากไทย
สอดคล้องกับ กยท.ที่ให้ความสำคัญกับห่วงโซ่อุปทานยางพาราทั้งระบบ ตั้งแต่กระบวนการผลิต โดยมีเป้าหมายให้เกษตรกรชาวสวนยาง สถาบันเกษตรกรชาวสวนยาง และผู้ประกอบกิจการยางพารา สามารถส่งออกผลผลิตและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับยางพาราทั้งระบบอย่างยั่งยืนต่อไป
นอกจากนี้ คณะยังได้ลงพื้นที่ท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน เพื่อศึกษาการส่งออกสินค้าเกษตรผ่านชายแดนโดยการขนส่งทางเรือ เพื่อเชื่อมโยงระบบการขนส่งผลผลิตยางพาราและสินค้าเกษตร พร้อมติดตามผลการดำเนินงานควบคุมคุณภาพและการรวบรวมยางของสถาบันเกษตรกรฯ ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลและสนับสนุนของการยางแห่งประเทศไทย ณ ลานชะลอยางของสหกรณ์การเกษตรพญาเม็งรายด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมครั้งนี้ ผู้แทนโรงงานฝ่ายจีนได้มีการแจ้งแผนการทดลองซื้อยางพาราจำนวน 300 ตัน เพื่อศึกษาค่าใช้จ่ายในการขนส่งและขั้นตอนภาษีศุลกากร รวมทั้งค่าใช้จ่ายที่อาจจะเกิดขึ้นเพิ่มเติม เพื่อประเมินความเป็นไปได้ในการจัดซื้อจำนวนมากในอนาคต โดยใช้เส้นทางขนส่งจากท่าเรือเชียงแสน ผ่านแม่น้ำโขงไปยังท่าเรือกวยเหลย จากนั้นขนส่งต่อทางบกสู่โรงงาน ซึ่งทางโรงงานจีนจะขอให้กงสุลพาณิชย์จีนช่วยติดตามเรื่องสิทธิพิเศษทางภาษีสำหรับประเทศไทย และขอให้ประสานงานระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การขนส่งราบรื่น
ดร.อุทัย สอนหลักทรัพย์ นายกสมาคมสหพันธ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ปัจจุบันชาวสวนยางพาราไทยกำลังประสบปัญหาราคาตกต่ำกว่าช่วงปีก่อน จึงได้เรียกร้องนายกรัฐมนตรี ขอให้กำชับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้ปรับปรุงระบบขับเคลื่อนบริการให้ทันใจ คือ เร่งให้เจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกในการอนุมัตินำเข้า “สารเร่งน้ำยาง” (วัตถุมีพิษ) ใส่เสริมอาหารให้ต้นยางก่อนกรีดยาง พร้อมสั่งห้ามการนำเข้า “น้ำยางข้นสูตรเฉพาะที่ทางผู้ผลิตกำหนด” จากประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เวียดนาม โดยรัฐส่งเสริมนวัตกรรมการผลิตยางไทยทดแทนการนำเข้าเร่งด่วนทันที จะช่วยผลักดันราคายางสูงขึ้นทันใจ นอกจากนี้ยังควรเร่งผลักดันการส่งออกยางพาราไทย รวมไปถึงการเร่งส่งเสริมเขตนิคมอุตสาหกรรมผลิตยางโลกด้วย
ขณะที่กรณีขอให้รัฐบาลได้มีการเจรจาเรื่องภาษีนำเข้าจากจีน เพื่อเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยางไทย เพราะปัจจุบันยังเห็นว่ามีภาษีที่ซ้ำซ้อน และประเทศจีนถือว่าเป็นประเทศผู้นำเข้าหลัก ขณะที่ไทย-จีนก็มีความสัมพันธ์ที่ดีเป็นเวลายาวนาน หากไทยมีการเจรจาได้จะยิ่งเป็นการส่งเสริมให้นักลงทุนจากจีนสนใจเข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้น ซึ่งจะเป็นการสร้างโอกาสให้กับประเทศ
ดร.อุทัยกล่าวอีกว่า การจะส่งเสริมผลผลิตยางพารามีแนวทางสำคัญ คือ ระยะยาวโค่นยาง RRIM600 ซึ่งมีน้ำยางไม่เกิน 220 กก/ไร่/ปี ให้เปลี่ยนเป็นยาง RRIT3904 ซึ่งให้น้ำยาง 400 กก/ไร่/ปี แต่ปัจจุบันพบว่าการปลูกยางพารา RRIM600 ปลูกอยู่ไม่ต่ำกว่า 70% ในประเทศ ดังนั้น จึงควรศึกษาจากมาเลเซียในการลดพื้นที่ปลูก RRIM600 ซึ่งพบว่าทำให้การปลูกยางพาราพันธุ์ดังกล่าวลดลง แต่ก็ยังมีปัญหาติดขัดในเรื่องของการนำเข้าฮอร์โมนอีทีโพลพลัส ซึ่งมีผลให้การดำเนินการยังไม่ประสบผลสำเร็จ เพราะถูกมองว่าฮอร์โมนดังกล่าวเป็นวัตถุอันตราย จึงต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาพิจารณาและเป็นผู้นำเข้าดังกล่าว เพราะเป้าหมายต้องการให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพและมีผลผลิตที่มากขึ้น เพื่อสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรชาวสวนยางในประเทศ
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ระบุว่า การส่งออกยางพาราไทยในเดือนเมษายน 2568 พบว่า ขยายตัว 22.5% โดยเป็นการขยายตัวต่อเนื่อง 18 เดือน โดยตลาดที่ขยายตัว เช่น จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ บราซิล และอินเดีย ขณะที่การเจรจาด้านอัตราภาษีปัจจุบันยังไม่มีการเปิดเจรจาหรือทำหนังสือขอประชุมหารือ โดยอัตราภาษีนำเข้ายางพาราจากไทย จีนมีการเรียกเก็บที่ 20%
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : กยท.จีบจีนตั้งทีมลุยส่งออกยาง ทดลอง 300 ตันส่งผ่านแม่น้ำโขง
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net