เจรจาไทย-สหรัฐฯ: ภาษีแค่ฉากหน้า แก่นแท้คือความมั่นคง?
การเจรจาไทย-สหรัฐฯ ข้อกังวลด้านความมั่นคงชาติ
การเจรจาระหว่างไทยและสหรัฐอเมริกากำลังเดินหน้าอย่างเข้มข้น โดยมี วันที่ 1 สิงหาคม เป็นเส้นตายสำคัญที่ประเทศไทยจะต้องสรุปผลการเจรจาภาษีที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของสหรัฐฯ แต่สิ่งที่ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึงในวงกว้างคือ "ข้อเสนอที่คุณปฏิเสธไม่ได้" จากสหรัฐฯ ซึ่งถูกเปรียบเปรยกับวลีดังจากภาพยนตร์ "The Godfather" โดยเน้นไปที่ประเด็นด้านความมั่นคงของชาติ
ข้อเรียกร้องสำคัญของสหรัฐฯ
นอกเหนือจากเรื่องภาษี สหรัฐฯ ได้หยิบยกประเด็นสำคัญหลายอย่างขึ้นมาหารือ ได้แก่
- กรณีนักวิชาการต่างชาติที่เกี่ยวข้องกับมาตรา 112
- กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเสรีภาพในการแสดงออก
- ประเด็นชาวอุยกูร์ที่ยังคงค้างอยู่ ซึ่งส่งผลให้รัฐมนตรีไทย 3 คนถูกขึ้นบัญชีดำโดยสหรัฐฯ
ที่สำคัญที่สุดคือ การขอใช้สิ่งอำนวยความสะดวกของกองทัพเรือไทยเป็นฐานทัพทหารของสหรัฐฯ โดยเฉพาะการขอใช้ ฐานทัพเรือทับละมุ จังหวัดพังงา นี่คือแก่นของข้อเสนอของสหรัฐฯ ที่มีเป้าหมายจะยกระดับความร่วมมือทางทหารไปสู่ระดับเต็มรูปแบบ
การฟื้นคืนชีพของ SEATO/สนธิสัญญามะนิลา?
ข้อเสนอของสหรัฐฯ มีรายงานว่าเชื่อมโยงกับการยกระดับความสัมพันธ์ทางทหารภายใต้ สนธิสัญญาป้องกันร่วมกันแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (สนธิสัญญามะนิลา) ปี 1954 ซึ่งเคยนำไปสู่การก่อตั้งองค์การสนธิสัญญาป้องกันภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (SEATO) ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อต่อต้านการขยายตัวของคอมมิวนิสต์ โดยเฉพาะจีน
แผนการของกองทัพเรือไทยและข้อเสนอของสหรัฐฯ
กองทัพเรือไทยมีแผนที่จะปรับปรุงฐานทัพเรือทับละมุเพื่อรองรับเรือขนาดใหญ่ขึ้น แต่ประสบปัญหาขาดแคลนงบประมาณ สหรัฐฯ จึงได้เสนอที่จะให้การสนับสนุนทางการเงินเพื่อแลกกับการใช้เป็นฐานปฏิบัติการ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสนใจเชิงยุทธศาสตร์ของสหรัฐฯ ในชายฝั่งอันดามันตามยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิกเพื่อต่อต้านจีน ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลชุดก่อนๆ ทั้งในยุคโอบามาและไบเดนก็ให้ความสนใจมาโดยตลอด
การปฏิเสธอย่างเป็นทางการและความคาดหวังด้านภาษี
อย่างไรก็ตาม ทั้งอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร และรองนายกรัฐมนตรี ภูมิธรรม เวชยชัย ได้ลดทอนหรือปฏิเสธว่าประเด็นความมั่นคงและฐานทัพทหารไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการเจรจาในปัจจุบัน แม้ว่านายภูมิธรรมจะยอมรับว่ามีแผนการของกองทัพเรือสำหรับทับละมุอยู่แล้วก็ตาม
ในส่วนของภาษี คนไทยยังคงคาดหวังอัตราภาษีที่เทียบเท่ากับประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 18-20% แต่ทว่า อัตรา 20% ของเวียดนามนั้นมาพร้อมกับเงื่อนไขแอบแฝงมากมาย